โรคติดเชื้อลิชมาเนีย

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
โรคติดเชื้อลิชมาเนีย
(Leishmaniasis)
แผลจากโรคติดเชื้อลิชมาเนียบนหลังมือของผู้ป่วยชาวอเมริกากลาง
บัญชีจำแนกและลิงก์ไปภายนอก
ICD-10B55
ICD-9085
DiseasesDB3266 29171 3266 7070
MedlinePlus001386
eMedicineemerg/296

โรคติดเชื้อลิชมาเนีย หรือ ลิชมาเนียซิส (อังกฤษ: Leishmaniasis) เป็นโรคติดต่อจากปรสิตชนิดโปรโตซัวในจีนัส Leishmania โดยมี "ริ้นฝอยทราย" บางชนิด เป็นตัวพาหะนำโรค[1] โดยริ้นฝอยทรายดูดเลือดสัตว์เป็นอาหาร ไปกัดสัตว์ที่มีเชื้อแต่ไม่แสดงอาการ จากนั้นนำเชื้อไปสู่คน โรคนี้อาจแสดงอาการได้สามแบบ คือแบบผิวหนัง (cutaneous leishmaniasis) , แบบผิวหนังและเยื่อบุ (mucocutaneous leishmaniasis) , และแบบอวัยวะภายใน (visceral leishmaniasis)[1] แบบผิวหนังจะทำให้มีแผลที่ผิวหนัง ในขณะที่แบบผิวหนังและเยื่อบุจะทำให้มีแผลที่ผิวหนัง ปาก และจมูก และแบบอวัยวะภายในในช่วงแรกจะมีแผลที่ผิวหนัง จากนั้นจึงมีไข้ เลือดจาง และตับม้ามโต[1][2]

เชื้อ Leishmania ที่ก่อโรคในมนุษย์มีอยู่มากกว่า 20 สปีชีส์[1] ปัจจัยเสี่ยงต่อการติดเชื้อได้แก่ ความยากจน การขาดสารอาหาร การทำลายป่า และการทำให้เป็นเมือง[1] โรคนี้ทั้งสามรูปแบบสามารถวินิจฉัยได้จากการตรวจพบเชื้อจากการตรวจด้วยกล้องจุลทรรศน์[1] นอกจากนี้ชนิดที่ติดเชื้อที่อวัยวะภายในยังอาจตรวจพบได้จากการตรวจเลือด[2]

ปกติพบโรคชนิดนี้พบในแถบประเทศตะวันออกกลาง อินเดีย ปากีสถาน[ต้องการอ้างอิง] ปัจจุบันมีผู้ป่วยโรคติดเชื้อลิชมาเนียประมาณ 12 ล้านคน[3] ใน 98 ประเทศ[2] แต่ละปีจะมีผู้ติดเชื้อรายใหม่ประมาณ 2 ล้านคน[2] มีผู้เสียชีวิตจากโรคนี้ประมาณ 20,000-50,000 ราย[1][4] และมีจำนวนผู้ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ระบาด (เอเชีย แอฟริกา อเมริกากลาง และอเมริกาใต้) ประมาณ 200 ล้านคน[2][5] องค์การอนามัยโลกได้ขอลดราคายาบางชนิดที่ใช้รักษาโรคนี้จากบริษัทยา[2] นอกจากมนุษย์แล้วยังอาจพบโรคนี้ได้ในสัตว์อื่น เช่น สุนัข และหนู เป็นต้น[1]

อ้างอิง[แก้]

  1. 1.0 1.1 1.2 1.3 1.4 1.5 1.6 1.7 "Leishmaniasis Fact sheet N°375". World Health Organization. January 2014. สืบค้นเมื่อ 17 February 2014.
  2. 2.0 2.1 2.2 2.3 2.4 2.5 Barrett, MP; Croft, SL (2012). "Management of trypanosomiasis and leishmaniasis". British medical bulletin. 104: 175–96. doi:10.1093/bmb/lds031. PMC 3530408. PMID 23137768.
  3. "Leishmaniasis Magnitude of the problem". World Health Organization. สืบค้นเมื่อ 17 February 2014.
  4. Lozano, R (Dec 15, 2012). "Global and regional mortality from 235 causes of death for 20 age groups in 1990 and 2010: a systematic analysis for the Global Burden of Disease Study 2010". Lancet. 380 (9859): 2095–128. doi:10.1016/S0140-6736(12)61728-0. PMID 23245604.
  5. Ejazi, SA; Ali, N (Jan 2013). "Developments in diagnosis and treatment of visceral leishmaniasis during the last decade and future prospects". Expert review of anti-infective therapy. 11 (1): 79–98. doi:10.1586/eri.12.148. PMID 23428104.


สถานการณ์ในต่างประเทศ พ.ศ. 2545 : พบการระบาดทางตอนเหนือของเมือง Kabalประเทศอัฟกานิสถาน พบผู้ป่วย 200,000 ราย โดยมีสัตว์เป็นแหล่งรังโรค และมีการแพร่ระบาดจากคนสู่คนเป็นวงกว้าง และในจังหวัด Kurramประเทศปากีสถาน พบผู้ป่วย 5,000 ราย ส่วนมากเป็นเด็กอายุต่ำกว่า 15 ปี พ.ศ. 2549 : ประเทศอัฟกานิสถาน พบผู้ป่วย 2,000 ราย และอาจมากถึง 40,000 ราย และประเทศอิหร่าน พบผู้ป่วย 20,492 ราย ซึ่งเพิ่มจากปี พ.ศ. 2545 ถึง 10,363ราย พฤษภาคม พ.ศ. 2552 จังหวัด Measanตอนใต้ของกรุงแบกแดด ประเทศอิรัก พบผู้ป่วย 190 ราย เจ้าหน้าที่ได้เฝ้าระวัง ป้องกันควบคุมโรคในพื้นที่ จากรายงานพบว่า โรคลิชมาเนียมีการแพร่ระบาดไม่ต่ำกว่า 74 ประเทศ อาทิเช่น จีน อินเดีย ประเทศในแถบตะวันออกกลาง แถบเมดิเตอร์เรเนียน แอฟริกาเหนือ อเมริกากลาง และตอนเหนือของอเมริกาใต้ เขตปรากฏโรคทางภูมิศาสตร์ไม่ค่อยแน่นอน เนื่องจากเป็นโรคที่ไม่ต้องแจ้ง แต่ส่วนมากปรากฏอยู่ในเขตชนบท นอกจากนี้ความชุกของโรคสามารถเปลี่ยนแปลงไปตามสภาพแวดล้อมของดินฟ้าอากาศ พบผู้ป่วย Visceral Leishmaniasisรวม 16 ราย โดย 3 รายแรกเป็น Imported Case ชาวปากีสถาน บังกลาเทศ และอินเดีย ต่อมาในปีพ.ศ. 2528 – 2529 มีรายงานพบผู้ป่วยคนไทย 5 ราย ซึ่งมีประวัติไปทำงานที่ประเทศซาอุดีอาระเบีย สถานการณ์ในประเทศไทย หลังจากนั้นเริ่มพบผู้ป่วยที่เป็นคนไทยแบบประปรายรวม 8 ราย ระหว่างปีพ.ศ. 2539 – 2553 ดังนี้ ผู้ป่วยรายแรก (พ.ศ. 2539) เป็นเด็กหญิง อายุ 3 ปี จากจังหวัดสุราษฎร์ธานี ไม่มีประวัติเดินทางไปต่างประเทศ ผู้ป่วยรายที่สอง (พ.ศ. 2548) เป็นชาย อายุ 40 ปี จากจังหวัดน่าน ไม่มีประวัติเดินทางไปต่างประเทศ ผู้ป่วยรายที่สาม (พ.ศ. 2549) เป็นชาย อายุ 54 ปี จากจังหวัดพังงา ไม่มีประวัติเดินทางไปต่างประเทศ ผู้ป่วยรายที่สี่ (พ.ศ. 2550) เป็นชาย อายุ 44 ปี จากจังหวัดนครศรีธรรมราช ไม่มีประวัติเดินทางไปต่างประเทศ ผู้ป่วยรายที่ห้า (พ.ศ. 2550) เป็นชาย อายุ 66 ปี จากจังหวัดกรุงเทพมหานคร ไม่มีประวัติเดินทางไปต่างประเทศ ผู้ป่วยรายที่หก (พ.ศ. 2550) เป็นชายอายุ 81 ปี จากจังหวัดสงขลา มีประวัติเดินทางไประเทศมาเลเซียบ่อย ๆ และมีผลบวกต่อการติดเชื้อ HIV ผู้ป่วยรายที่เจ็ด (พ.ศ. 2551) เป็นชายอายุ 37 ปี จากจังหวัดจันทบุรี ป่วยเป็นโรคเอดส์ ไม่มีประวัติเดินทางไปต่างประเทศ ผู้ป่วยรายที่แปด (พ.ศ. 2553) เป็นเด็กหญิงอายุ 5 ปี จากจังหวัดสตูล ไม่มีประวัติเดินทางไปต่างประเทศ สำหรับโรค cutaneous Leishmaniasisในประเทศไทย ตั้งแต่ปีพ.ศ. 2524 เป็นต้นมา พบผู้ป่วยที่เป็นคนไทยแล้วไม่น้อยกว่า 10 ราย โดยรายล่าสุดได้รับรายงานในปีพ.ศ. 2551 จากจังหวัดเชียงราย เป็นชาย อายุ 36 ปี อาชีพรับจ้างก่อสร้าง เป็นผู้ป่วยที่มีการติดเชื้อ HIV ร่วมด้วย ไม่มีประวัติการใช้ยาเสพติดชนิดฉีดเข้าเส้นและไม่มีประวัติไดัรับเลือด และไม่มีประวัติเดินทางไปต่างประเทศ

<ref>http://beid.ddc.moph.go.th/th/images/news/maruay060753/14Leishmaniasis.ppt[ลิงก์เสีย]