โคลงทวาทศมาส

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
หน้าปกในของหนังสือ"โคลงทวาทศมาส"ใน พ.ศ. 2447 ส่วนปกหนังสือสูญหาย

โคลงทวาทศมาส เป็นนิราศที่มีความพิเศษกว่านิราศเรื่องอื่น ๆ เพราะในตัวนิราศโคลงทวาทศมาสเอง มีการหยิบยกเอาการดำเนินชีวิตของประชาชนในอดีตมาประกอบเป็นเนื้อเรื่องด้วย ซึ่งการแต่งในลักษณะดังกล่าวถือเป็นการพัฒนาที่ดีขึ้นของวรรณคดีไทย โคลงทวาทศมาสมีลักษณะเป็นนิราศ แต่ที่เรียกโคลงทวาทศมาสเพราะว่าใช้โคลงดั้นในการแต่ง

การกำเนิด[แก้]

ทวาทศมาส แปลว่า สิบสองเดือน เป็นวรรณกรรมไทยสมัยอยุธยา แต่งด้วยโคลงดั้นวิวิธมาลี ทำนองนิราศความพิศวาสเป็นอย่างเอกเรื่องหนึ่ง เข้าใจว่าจะมีหลายท่านนิพนธ์ อาทิ พระเยาวราช ขุนพรหมมนตรี ขุนศรีกวีราช ขุนสารประเสริฐ เป็นต้น (บางตำราว่ามีเท่านี้ บางตำราว่ามากกว่านี้ แต่ในนิราศนรินทร์กลับว่า "สามเทวษ ถวิลแฮ" ซึ่งแปลว่า "มีสามท่าน") ที่เป็นว่าประดิษฐการใหม่ของวงการอยู่ที่โคลงพรรณนาความอาลัยรัก ซึ่งใช้ฤดูกาลเป็นพื้นฐานแห่งการพัฒนา เช่น เมื่อถึงเดือนแปดก็กล่าวถึงวันเข้าพรรษา กวีจะแต่งถึงการทำบุญ แต่มิวายจิตใจหวนระลึกถึงนางอันเป็นที่รัก

ตัวอย่าง[แก้]

(ต่อจากนี้เป็นข้อความในหนังสือประวัติวรรณคดีไทย ของเปลื้อง ณ นคร)

๏ กรจบบทมาศไท้ ธาศรี ศากยแฮ
หัตถ์บังคมฟูมไนย เลือดย้อย
บวงสรวงสุมาลี นานไฝ่ สมแฮ
เดือนใฝ่หาละห้อย ใฝ่หา ฯ
๏ รายนุชเป็นเนตรล้า เป็นองค พี่แม่
จับจึงมาข่มเข็ญ ขึ้นไส้
รลวงพิไลจง จักแม่ ดยวแม่
เดือนแปดแปดยามไห้ ร่ำโหย ฯ

ในการนิพนธ์นั้น เริ่มด้วยการไหว้พระพรหม พระนารายณ์ เทพยดา พระมหากษัตริย์ แล้วเริ่มกล่าวถึงนางที่รัก อันต้องจากไกล แล้วพรรณนาอาลัย ตั้งแต่เดือน 5 เป็นลำดับไป การพรรณนารักนั้นเคล้าไปกับอากาศธาตุและเหตุการณ์ต่าง ๆ อันเกิดขึ้นในเดือนนั้น ๆ เมื่อครบสิบสองเดือนแล้วจึงพรรณนาพระเกียรติยศ กล่าวถวายพระพรและแสดงความมุ่งหมายในการนิพนธ์

กระบวนการพรรณนาอาลัยรักนับว่าสูงทางกวีรส คือ กวีที่มีความนัยอันพิศวาศ ซึ่งเป็นแบบอย่างให้กวีรุ่นหลังนำไปใช้

ด้านสำนวนโวหารมีความยอดเยี่ยม แม้จะมีถ้อยคำอันเป็นโบราณหลายคำ และ ภาษาอื่น เช่น เขมร บาลี สันสกฤต จึงยากที่จะเข้าใจได้อย่างถูกต้อง นอกจากจะสันนิษฐานเอา

อ้างอิง[แก้]