เอนก นาวิกมูล

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
เอนก นาวิกมูล
เอนก นาวิกมูล ใน พ.ศ. 2560
เอนก นาวิกมูล ใน พ.ศ. 2560
สารนิเทศภูมิหลัง
ชื่อเกิดเอนก นาวิกมูล
เกิด14 มีนาคม พ.ศ. 2496 (71 ปี)
จังหวัดสงขลา ประเทศไทย
อาชีพนักอนุรักษ์, นักวิจารณ์, นักวิชาการ, นักประวัติศาสตร์, นักเขียนสารคดี
ปีที่แสดงพ.ศ. 2518 - ปัจจุบัน

เอนก นาวิกมูล (เกิด 14 มีนาคม พ.ศ. 2496) เป็นนักอนุรักษ์ นักวิชาการ นักประวัติศาสตร์ และนักเขียนสารคดีชาวไทย ผู้ก่อตั้งบ้านพิพิธภัณฑ์ ได้รับการยกย่องเชิดชูเกียรติจากคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติให้เป็น ศิลปินแห่งชาติ สาขาวรรณศิลป์ ประจำปี พ.ศ. 2563

เอนก นาวิกมูล เกิดวันเสาร์ที่อำเภอระโนด จังหวัดสงขลา ครอบครัวทำกิจการร้านขายหนังสือแบบเรียน บิดาเป็นนักประดิษฐ์ นักสะสมหนังสือ ปฏิทิน ส.ค.ส. ภาพถ่าย ส่วนตัวจึงชอบถ่ายภาพ ชอบศึกษาค้นคว้า เขียนหนังสือ และเป็นนักสะสมมาตั้งแต่เด็ก

การศึกษา[แก้]

แรกเริ่ม[แก้]

เอนก เป็นคนที่รักการสะสมแสตมป์ รูปภาพ ถ่ายรูป การเขียนหนังสือและการวาดภาพ วาดการ์ตูนมาตั้งแต่เด็ก ๆ เพื่อน ๆ ในสมัยเรียนต่างชอบอ่านหนังสือการ์ตูน นิทาน ที่เอนกทำขึ้น สมัยที่เรียน มัธยมปลาย เอนก ได้รับมอบหมายให้เป็นสารานียกร หนังสือรุ่น ซึ่งถือเป็นงานหนังสือที่เอนกได้รับผิดชอบและทำได้ดีมากรุ่นหนึ่ง ของโรงเรียนวรนารีเฉลิม เขาเรียนจบปริญญาตรีที่คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เกียรตินิยม จากนั้นทำงานหนังสือพิมพ์ เป็นนักเขียนสารคดีเรื่องทางศิลปวัฒนธรรม เพลงพื้นบ้าน ภายหลังได้ทำงานที่ศูนย์สังคีตศิลป์ ธนาคารกรุงเทพ เชิงสะพานผ่านฟ้าฯ และริเริ่มก่อตั้ง "บ้านพิพิธภัณฑ์" เป็นพิพิธภัณฑ์จัดแสดงของใช้เก่าในชีวิตประจำวันของชาวเมืองชาวตลาด ซึ่งหน่วยงานรัฐและคนทั่วไปยังไม่สนใจเก็บรักษา โดยสร้างคำขวัญว่า "เก็บวันนี้ พรุ่งนี้ก็เก๋า"

จนกระทั่งเข้ากรุงเทพฯ ในปี 2515 เข้าเรียนมหาวิทยาลัยก็อยากออกไปสำรวจโลกภายนอก เมื่อไปรู้ไปเห็นเรื่องเก่ามามากเข้า ก็เพลาการเขียนเรื่องสั้นลงไป แล้วหันมามุ่งกับการเขียนสารคดีมากขึ้น เพราะเห็นว่าเมืองไทยขาดแคลนข้อมูลมาก ข้อมูลที่มีอยู่ก็ไม่มีที่มาที่ไป แถมบางทียังขัดกันจนไม่รู้ว่าจะเชื่ออันไหนดี บางเรื่องเป็นเรื่องนอกสายตาที่คนลืมไปแล้ว ก็เขียนลงในนิตยสารหลายเล่ม เริ่มต้นจากวิทยาสาร ปี 2518 โดยในปีนี้เองมีหนังสือสารคดีเป็นของตัวเองเป็นเล่มแรกชื่อ "เพลงยังไม่สิ้นเสียง" เป็นหนังสือที่อาจารย์ให้ทำขึ้นเพื่องานงานหนึ่ง ต่อมาก็เป็นนิตยสารศิลปวัฒนธรรม ในปี 2522 และมาเขียนให้กับนิตยสารสารคดี ในคอลัมน์ "มุมสะสม" ตั้งแต่ฉบับแรกปี 2528

อะไรเป็นแรงบันดาลใจให้นักรัฐศาสตร์กลายมาเป็นนักเก็บสะสม เอนกเล่าว่า ความที่พ่อเป็นนักเก็บสะสม บวกกับที่เขาเป็นคนชอบอ่านชอบดูมาตั้งแต่เด็ก อยู่ชั้น ป.3 ป.4 ก็นั่งเขียนกลอน ตอน ป.6 ส่งบทกลอนไปที่นิตยสารชัยพฤกษ์ ก็ได้รับการตีพิมพ์เป็นครั้งแรก และเริ่มเขียนเรื่องสั้นตอน ป.7 ทำให้อยากเป็นนักเขียนมากขึ้น แล้วเมื่อขึ้น มศ.1 ก็ประสบความสำเร็จ เมื่อเรื่องสั้น "ปีแห่งกรรม" เป็นเรื่องเกี่ยวกับชาวนาไทย ได้รับรางวัลที่ 1 จากการประกวดเรื่องสั้นทั้งประเทศของนิตยสารชัยพฤกษ์ โดยได้รับอิทธิพลการเขียนและความคิดจากงานประพันธ์ของ น. ณ ปากน้ำ ที่กล่าวถึงการทำลายสถาปัตยกรรม วัดวาอาราม และในช่วงนี้เองครูประจำชั้นก็สอนถ่ายภาพให้

หลังจบการศึกษาจากจุฬาฯ เอนกทำงานหนังสือพิมพ์ เป็นนักเขียนสารคดีเกี่ยวกับศิลปวัฒนธรรม เพลงพื้นบ้าน ต่อมาจึงไปทำงานที่เมืองโบราณ สมุทรปราการ เมื่อปีพุทธศักราช 2520 และลาออกไปทำงานที่ศูนย์สังคีตศิลป์ ธนาคารกรุงเทพ เชิงสะพานผ่านฟ้าโดยร่วมงานกับ กวีรัตนโกสินทร์ " คุณเนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ " ศิลปินแห่งชาติ ตั้งแต่ปีพุทธศักราช 2527 จนถึงปัจจุบัน ในยุคนั้นได้มีเพื่อนร่วมงานที่มีชื่อเสียงตาม ๆ กันมาอาทิ คุณเจนภพ จบกระบวนวรรณ คุณโดม สุขวงศ์ เป็นต้น

เอนก นาวิกมูล มีผลงานเขียนหนังสือหลายสิบเล่ม (104 เล่ม - ม.ค. 2549) ซึ่งเป็นการค้นคว้า และวิเคราะห์เรื่องราวและภาพถ่ายเก่า จากหอจดหมายเหตุแห่งชาติ และแหล่งอื่น ได้รับรางวัลผู้สนับสนุนการอนุรักษ์มรดกไทยดีเด่น เนื่องในวันอนุรักษ์มรดกไทย เมื่อปีพุทธศักราช 2534 และได้รับการยกย่องเป็นนิสิตเก่ารัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยดีเด่น เมื่อปีพุทธศักราช 2536

เอนก เป็นผู้ริเริ่มก่อตั้ง บ้านพิพิธภัณฑ์ ในปีพุทธศักราช พ.ศ. 2530 เป็นพิพิธภัณฑ์ที่จัดแสดงของใช้เก่าๆ ในชีวิตประจำวันของคนไทยในอดีต จำลองบรรยากาศร้านค้าประเภทต่างๆ เช่น ร้านกาแฟ ร้านตัดผม ร้านขายยา ร้านถ่ายรูป ร้านขายหนังสือ นำมาจัดแสดง บ้านพิพิธภัณฑ์ตั้งอยู่ที่ บ้านเลขที่ 170/17 หมู่ที่ 17 หมู่บ้านคลองโพแลนด์ ซอยคลองโพ 2 ถนนศาลาธรรมสพน์ (ถนนต่อจากถนนพุทธมณฑลสาย 2 ด้านทางรถไฟ) เขตทวีวัฒนา กรุงเทพ 10170 เริ่มเปิดให้เข้าชมตั้งแต่ ปีพุทธศักราช 2544 โดยนิสัยส่วนตัวของเอนก เป็นคนรักความสงบ อ่อนน้อม แต่จริงจังและมีความสุขกับการทำงาน เขาชอบที่จะใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายและสมถะ จึงเป็นที่รักใคร่ของเพื่อนๆ และผู้ที่ได้รู้จัก และเขายังได้มีคติประจำตัวของเอนกนั้นคือ "ศรัทธาเป็นพลัง"

เกียรติยศรางวัล[แก้]

  • ได้รับรางวัล ผู้สนับสนุนการอนุรักษ์มรดกไทยดีเด่น เนื่องในวันอนุรักษ์มรดกไทย ในปีพุทธศักราช 2534
  • ได้รับการยกย่องเป็นนิสิตเก่ารัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยดีเด่น ประจำปี พุทธศักราช 2536
  • ได้รับรางวัล ‘สารคดี’ เกียรติยศ ครั้งที่ 1 ณ.หอศิลป์กรุงเทพมหานคร วันพฤหัสบดีที่ 6 พฤษภาคม พุทธศักราช 2553
  • ได้รับรางวัล ผู้ใช้ภาษาไทยดีเด่นแห่งชาติ ประจำปี 2554 จาก กระทรวงวัฒนธรรม
  • ได้รับการยกย่องเป็น ศิลปินแห่งชาติ สาขาวรรณศิลป์ ประจำปี 2563 จากคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ กระทรวงวัฒนธรรม[1][2][3]
  • ได้รับการยกย่องเป็นนิสิตเก่ารัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยดีเด่น ประจำปี พุทธศักราช 2567 สาขาธุรกิจเอกชน หรือวิชาชีพอิสระ หรือองค์การเอกชนเพื่อสาธารณะประโยชน์ จากสมาคมนิสิตเก่ารัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

เครื่องราชอิสริยาภรณ์[แก้]

อ้างอิง[แก้]

แหล่งข้อมูลอื่น[แก้]