เลตัน เบนส์

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
เลตัน เบนส์
เบนส์ขณะเล่นให้กับเอฟเวอร์ตันใน ค.ศ. 2015
ข้อมูลส่วนตัว
ชื่อเต็ม เลตัน จอห์น เบนส์[1]
วันเกิด (1984-12-11) 11 ธันวาคม ค.ศ. 1984 (39 ปี)[1]
สถานที่เกิด เคิร์กบี เมอร์ซีย์ไซด์ อังกฤษ
ส่วนสูง 1.70 m (5 ft 7 in)[2]
ตำแหน่ง แบ็กซ้าย
สโมสรเยาวชน
เอฟเวอร์ตัน
0000–2002 วีแกนแอทเลติก
สโมสรอาชีพ*
ปี ทีม ลงเล่น (ประตู)
2002–2007 วีแกนแอทเลติก 145 (4)
2007–2020 เอฟเวอร์ตัน 348 (29)
รวม 493 (33)
ทีมชาติ
2004–2007 อังกฤษ อายุไม่เกิน 21 ปี 16 (1)
2010–2015 อังกฤษ 30 (1)
* นัดที่ลงเล่นและประตูที่ยิงให้แก่สโมสรเฉพาะลีกในประเทศเท่านั้น

เลตัน จอห์น เบนส์ (อังกฤษ: Leighton John Baines; เกิด 11 ธันวาคม ต.ศ. 1984) เป็นอดีตนักฟุตบอลชาวอังกฤษ เคยเล่นในตำแหน่งแบ็กซ้ายให้กับเอฟเวอร์ตันตั้งแต่ ค.ศ. 2007 ถึง 2020

สโมสร[แก้]

วีแกน แอทเลติก[แก้]

เบนส์เล่นเกมอาชีพเกมแรกให้กับ วีแกน แอทเลติก ในปี 2002 และเป็นผู้เล่นชุดคว้าแชมป์ดิวิชั่น 2 ของอังกฤษ และฤดูกาลต่อมา (2002–03) เขาได้เลื่อนสู่ทีมชุดใหญ่ และเป็นสมาชิกทีมชุดแชมป์ดิวิชัน 1 ซึ่งในฤดูกาลนั้นเอง เบนส์ทำประตูแรกให้กับสโมสรได้ จากลูกยิงไกล ในเกมที่แข่งกับ อิปสวิช ทาวน์ และฤดูกาลต่อมา (2004–05) ทีมของเขาได้เล่นใน พรีเมียร์ลีก

เบนส์เซ็นสัญญาใหม่กับ วีแกนในเดือน กุมภาพันธ์ ปี 2005[3] และขยายสัญญาอีกครั้ง หลังจากทำผลงานในสนามได้น่าประทับใจในฤดูกาลแรกที่เล่นในพรีเมียร์ลีก ขณะที่ วีแกนได้รองแชมป์ ลีก คัพ ปี 2006

เอฟเวอร์ตัน[แก้]

ในเดือนกรกฎาคม ปี 2007 เบนส์ปฏิเสธร่วมทีม ซันเดอร์แลนด์ ที่เสนอซื้อตัวเขาร่วมทีมด้วยราคา 6 ล้านปอนด์ (ประมาณ 299 ล้านบาท)[4] ในเดือนต่อมาเขาเซ็นสัญญากับ เอฟเวอร์ตัน ราคา 5 ล้านปอนด์ โดยจะจ่ายอีก 1 ล้านปอนด์ เมื่อเขาลงเล่นให้กับทีมแล้ว[5][6]

เขาไม่ได้เล่นเต็มที่ในฤดูกาลแรกที่อยู่กับเอฟเวอร์ตัน เพราะมีอาการบาดเจ็บ และฟอร์มการเล่นที่ดีของ ฟิล แจกีเอลกา และ โจเซฟ โยโบ ในตำแหน่งเซ็นเตอร์แบ็ก และ เป็นตัวสำรองในตำแหน่ง แบ็คซ้ายที่ โจเลียน เลสคอตต์ จองไว้อยู่[ต้องการอ้างอิง] เขาเล่นให้กับทีมในฤดูกาลแรกเพียง 29 นัด รวมทุกรายการ ในฤดูกาลที่สอง เบนส์ได้ลงเล่นสม่ำเสมอขึ้น เนื่องจากอาการบาดเจ็บของ โจเซฟ โยโบ ทำให้ โจเลียน เลสคอตต์ลงไปเล่นในตำแหน่ง เซ็นเตอร์แบ็ก โอกาสนี้เองจึงทำให้ เบนส์ได้เล่นในตำแหน่งแบ็คซ้ายของทีม เขาได้รับเลือกเป็นนักเตะยอดเยี่ยมของสโมสรประจำเดือนถึง สองครั้งติด[ต้องการอ้างอิง] เขาทำประตูแรกให้กับทีมในเกมที่เยือน พอร์ตสมัท ในวันที่ 21 มีนาคม หลังจากที่ 57 เกม (ทุกรายการ) ไม่มีสกอร์ และวันที่ 30 สิงหาคม 2009 เขายิงจุดโทษในนาทีสุดท้ายในเกมที่พบกับ วีแกน ซึ่งเป็นทีมเก่าตัวเองในเกม ที่เอาชนะไป 2–1 และเดือนต่อมาเขาได้เป็นกัปตันทีมเอฟเวอร์ตัน ในเกม ยูฟ่ายูโรปาลีก ที่พบกับ เออีเค เอเธนส์[7] และวันที่ 2 มกราคม 2010 เบนส์ยิงจุดโทษในนาทีที่ 95 ในเกมเอฟเอคัพ ที่พบกับ คาร์ไลล์ ยูไนเต็ด

ในฤดูกาล 2010–11 เบนส์เล่นทุกเกมในซีชั่นนี้[8] ขณะเดียวกัน เขาทำประตูได้ 7 ลูก (ทุกรายการ) และ เขายังได้รับรางวัลนักเตะยอดเยี่ยมแห่งฤดูกาลของสโมสร และ ลูกยิงแห่งปีของสโมสรอีกด้วย[9] ประตูที่ยิงเชลซีนั้น เป็นลูกไดเร็ก ฟรีคิก ซึ่งลูกนี้ได้รับผลโหวตให้เป็น ลูกยิงแห่งปีของสโมสร เขาทำแอสซิสต์ 11 ในฤดูกาลนั้นซึ่งทำได้เยอะที่สุดเป็นอันดับ 5 ในลีก และเป็นกองหลังที่ทำแอสซิสต์เยอะที่สุดในฤดูกาล 2010-11[ต้องการอ้างอิง]

เบนส์ทำประตูได้ 5 ลูกในฤดูกาล 2011–12 โดย 4 ใน 5 นั้นมาจากจุดโทษทั้งสึ้น เขาลงเล่นเกมลีกครบ 99 ก่อนจบฤดูกาลด้วยอาการบาดเจ็บ[10] ความสามารถของเขาถือว่าน่าประทับใจมาก และได้รับการเสนอเป็นทีมยอดเยื่ยมโดย พีเอฟเอ ของฤดูกาล 2012 และเป็นนักเตะคนแรกในรอบ 22 ปีนับตั้งแต่ เนวิลล์ เซาท์ธอลล์ ในปี 1989–90.[11] ในฤดูกาล 2012–13 เขาส่งบอลให้เพื่อนร่วมทีมถึง 116 ครั้ง[12] มากกว่าผู้เล่นทั้งใน ห้าลีกดังของยุโรป[13] และเมื่อทีมยอดเยื่ยมปี 2013 โดย พีเอฟเอประกาศขึ้น เบนส์ถูกเลือกติดทีมอีกครั้งหนึ่ง[14]และเขาได้รับเลือกเป็นนักเตะยอดเยื่ยมของทีมอีกสมัย[15] เขาเป็นผู้เล่นคนเดียวในสนามที่เล่นให้กับทีมทุกนัดในพรีเมียร์ลีก [12] เขาโดนทาบทามร่วมทีมแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด ในช่วงตลาดซื้อ-ขายนักเตะ หน้าร้อน ปี 2013แต่โดนปฏิเสธ จากเอฟเวอร์ตัน[16] เบนส์ ทำ 2 ประตู จากฟรีคิก แต่ละด้านจากผู้รักษาประตู ยูสซี ยาสเคไลเนน จากด้านเดียวกันในเกมที่เอาชนะเวสต์แฮม ยูไนเต็ดไป 3–2 ในเดือนกันยายน[17]

ทีมชาติ[แก้]

เบนส์ (ซ้ายของภาพ น้ำเงินกรมท่า) เล่นให้กับทีมชาติอังกฤษ พบ นอร์เวย์ ในเกมกระชับมิตร ในเดือน พ.ค. 2012

เขาเล่นให้กับ ทีมชาติอังกฤษ ชุดอายุไม่เกิน 21 ปี ในฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป ชุดอายุไม่เกิน 21 ปี รอบคัดเลือก ที่ ออสเตรีย ใน เดือน กันยายน 2004 ภายใต้การคุมทีมของ ปีเตอร์ เทย์เลอร์[18]

เขาทำประตูในชุด ยู-21 ในเกมที่พบกับ ทีมชาติเยอรมนี ชุด ยู-21 ในวันที่ 6 ตุลาคม 2006 ในเกมที่ชนะ 1–0 ในเกม เพย์ออฟนัดแรก เขาเล่นครบ 4 นัด ใน ฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป ชุดอายุไม่เกิน 21 ปี เบนส์เล่นในชุดยู-21 16 นัด ทำได้ 1 ประตู เขาถูกเรียกติดทีมชาติอังกฤษชุดใหญ่ครั้งแรกในเดือน มีนาคม 2009[19] และเขาได้ลงเล่นในเกมชุดใหญ่นัดแรก ในเกมที่พบกับ ทีมชาติอียิปต์ ที่ สนามกีฬาเวมบลีย์ เมื่อวันที่ 3 มีนาคม 2010 เขาเล่นครบ 90 นาทีในเกมที่ชนะ 3–1[20] เขาถูกเลือกติด 30 คนแรกที่จะติดทีมชาติอังกฤษ ไปเล่นศึกฟุตบอลโลก 2010,[21] แต่ไม่ได้ติด 23 คนสุดท้ายไปเล่นที่ แอฟริกาใต้[22] โดย แบ็ดซ้ายของแอสตันวิลลา สตีเฟ่น วอร์น็อคได้ไปเล่นแทน[23] เบนส์เล่นเกมทีมชาติอย่างเป็นทางการในวันที่ 4 มิถุนายน 2011 โดยลงเล่นแทน แอชลีย์ โคล ที่มาอาการบาดเจ็บ ในเกม ยูโร 2012 รอบคัดเลือก เจอกับ ทีมชาติสวิตเซอร์แลนด์ โดยทำ 1 แอสซิสต์ ให้ แอชลีย์ ยัง ยิงประตู

เบนส์มีซื่อติดในทีมของ รอย ฮอดจ์สัน เพื่อทำศึก ยูโร 2012 ในเดือน พฤษภาคม[24] แต่ไม่ได้ลงเล่นเพราะ ฮอดจ์สัน เลือกใช้ แอชลีย์ โคล ใน สี่เกมที่อังกฤษเล่น[25] ใน เดือนกันยายน 2012เขาทำประตูแรกให้กับทีมชาติอังกฤษในเกมที่เอาชนะทีมชาติมอลโดวา ในศึกฟุตบอลโลก 2014 รอบคัดเลือกซึ่งเขายิงฟรีคิก เป็นลูกปิดท้าย 5–0[26] และในเกมคัดเลือกนัดสุดท้ายที่เจอกับโปแลนด์ เบนส์ทำแอสซิสต์ให้ เวย์น รูนีย์ ทำประตู และได้รับการเสนอซื่อเป็น แมนออฟเดอะเมช ในนัดนั้น

ประตูทีมชาติ[แก้]

ประตู ว/ด/ป สถานที่ คู่แข่ง สกอร์ ผลการแข่งขัน ทัวร์นาเมนต์
1. 7 กันยายน 2012 ซิมบูร สเตเดี้ยม, คีชีเนา, มอลโดวา ธงชาติมอลโดวา มอลโดวา 5–0 5–0 ฟุตบอลโลก 2014 รอบคัดเลือก

อ้างอิง[แก้]

  1. 1.0 1.1 Hugman, Barry J., บ.ก. (2010). The PFA Footballers' Who's Who 2010–11. Edinburgh: Mainstream Publishing. p. 29. ISBN 978-1-84596-601-0.
  2. "Player Profile: Leighton Baines". Premier League. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2016-01-12. สืบค้นเมื่อ 16 May 2016.
  3. "Baines commits to Latics". Sky Sports. สืบค้นเมื่อ 23 September 2006.[ลิงก์เสีย]
  4. "Baines rejects Sunderland switch". BBC Sport. 25 July 2007. สืบค้นเมื่อ 25 July 2007.
  5. "Baines joins Everton". Sky Sports. สืบค้นเมื่อ 6 August 2007.
  6. "Everton capture Baines from Wigan". BBC Sport. 7 August 2007. สืบค้นเมื่อ 7 August 2007.
  7. "Everton revived on Europa League stage". 17 September 2009. สืบค้นเมื่อ 6 February 2011.
  8. Doyle, Paul (26 May 2011). "Number-crunching makes grim reading for Arsenal's defence". The Guardian. สืบค้นเมื่อ 2011-05-26.
  9. "Baines' Glorious Treble". 20 May 2011. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2012-04-01. สืบค้นเมื่อ 20 May 2011.
  10. Hunter, Andy (19 April 2012). "Everton's Leighton Baines hamstrung but should be fit for Euro 2012". The Guardian. สืบค้นเมื่อ 23 April 2012.
  11. "Arsenal's Robin van Persie is honoured to win PFA player of year award". The Guardian. 23 April 2012. สืบค้นเมื่อ 23 April 2012.
  12. 12.0 12.1 "Chelsea defeat epitomises the season for Everton". ESPN (UK). สืบค้นเมื่อ 19 May 2013.
  13. "Forget Messi and Ronaldo, it's Premier League defender Baines who creates more chances than anyone in Europe". Daily Mail. สืบค้นเมื่อ 19 May 2013.
  14. Riach, James (2013-04-29). "Tottenham's Gareth Bale wins PFA player of year award for second time". The Guardian. สืบค้นเมื่อ 2013-04-30.
  15. "Baines Named Player Of The Season". Everton F.C. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2013-06-07. สืบค้นเมื่อ 19 May 2013.
  16. "Everton keen to reward Leighton Baines with new deal". The Daily Telegraph. สืบค้นเมื่อ 5 September 2013.
  17. "West Ham 2 Everton 3: Lukaku on debut and two stunners from Baines see off Hammers in thriller". Daily Mail. สืบค้นเมื่อ 21 September 2013.
  18. "The boy's a bit special". FourFourTwo. December 2004.
  19. "Everton star Leighton Baines eager to make the most of Wayne Bridge's England snub". Daily Mail. London. 2 March 2010.
  20. McNulty, Phil (3 March 2010). "England 3–1 Egypt". BBC Sport. สืบค้นเมื่อ 2010-03-04.
  21. "Capello names surprise Cup squad". BBC News. 11 May 2010.
  22. "World Cup 2010: Walcott left out of England squad". BBC Sport. 1 June 2010. สืบค้นเมื่อ 2010-06-01.
  23. Bernstein, Joe (16 January 2011). "It's not for kids! Leighton Baines axed from World Cup squad by Fabio Capello outside toy shop". Daily Mail. London.
  24. "England Euro 2012 squad: Ruddy, Carroll & Defoe in, Ferdinand out". BBC Sport. 16 May 2012. สืบค้นเมื่อ 19 May 2012.
  25. "England Squad". UEFA. สืบค้นเมื่อ 16 August 2012.
  26. "Moldova 0–5 England". สืบค้นเมื่อ 7 September 2012.