ซีคันยีโซ ดลามีนี

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
ซีคันยีโซ ดลามีนี
เจ้าหญิงซีคันยีโซในพิธีอุมลังกา เมื่อ พ.ศ. 2549
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสารสนเทศ การสื่อสาร และเทคโนโลยี
เริ่มดำรงตำแหน่ง
3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561
นายกรัฐมนตรีเทมบา มาซูกู
ก่อนหน้าดูมีซานี อึนดลางามันดลา
ข้อมูลส่วนบุคคล
เกิด1 กันยายน พ.ศ. 2530 (36 ปี)
อึมบาบานี อาณาจักรสวาซิแลนด์
คู่อาศัยคาเยลีฮเล แพทริก ดลามีนี
บุตรพีโกลเวซเว คูคันยา พาซีกา เอไลฮู ดลามีนี[1][2]
บุพการี
ศิษย์เก่ามหาวิทยาลัยไบโอลา
มหาวิทยาลัยซิดนีย์
อาชีพนักร้อง

เจ้าหญิงซีคันยีโซ ดลามีนี (อักษรโรมัน: Sikhanyiso Dlamini; ประสูติ 1 กันยายน พ.ศ. 2530) เป็นพระราชธิดาพระองค์แรกจากทั้งหมดสามสิบพระองค์ในสมเด็จพระราชาธิบดีอึมสวาตีที่ 3 แห่งเอสวาตินี ประสูติแต่สมเด็จพระราชินีลาอึมบีกีซา หรือ ซีโบเนโล อึมโงเมตูลู (Sibonelo Mngometulu) พระราชินีพระองค์ที่สาม พระองค์ถูกจัดอยู่ในราชนิกุลรุ่นเยาว์ที่มีเสน่ห์มากสุดในโลก ลำดับที่ 20 โดยเว็บไซต์ฟอร์บส์ดอตคอม ของสหรัฐ[3][4] นอกจากนี้ยังเป็นแร็ปเปอร์หญิง ทรงใช้พระนามว่า ปาชู (Pashu)[5][2]

ปัจจุบันเจ้าหญิงซีคันยีโซทรงดำรงตำแหน่งเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสารสนเทศ การสื่อสาร และเทคโนโลยีของประเทศเอสวาตินี[6]

พระชนม์ชีพช่วงต้นและการศึกษา[แก้]

เจ้าหญิงซีคันยีโซเป็นพระราชธิดาพระองค์แรกในกษัตริย์อึมสวาตีที่ 3 ที่ประสูติแต่ซีโบเนโล อึมโงเมตูลู พระองค์มีพระอนุชาและพระขนิษฐาอีก 13 พระองค์ ทั้งยังมีประยูรญาติทางฝ่ายพระชนกไม่ต่ำกว่าสองร้อยคนที่สืบสันดานจากกษัตริย์ซอบูซาที่ 2 พระอัยกา[7] ผู้มีพระมเหสี 70 พระองค์ และมีพระราชบุตรอีก 201 พระองค์ เจ้าหญิงซีคันยีโซเป็นหนึ่งในพระราชนัดดาจากที่มีทั้งหมดราวหนึ่งพันพระองค์[5]

เจ้าหญิงซีคันยีโซทรงเข้ารับการศึกษาจากวิทยาลัยเซนต์เอดมุนส์ ซึ่งเป็นโรงเรียนเอกชนแห่งหนึ่งในฮาร์ตฟอร์ดเชอร์ สหราชอาณาจักร ต่อมาทรงเข้าศึกษาระดับปริญญาตรีสาขาการละครที่มหาวิทยาลัยไบโอลา รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐ[8] ครั้น พ.ศ. 2555 พระองค์ทรงสำเร็จการศึกษาปริญญาโทสาขาการสื่อสารดิจิทัลจากมหาวิทยาลัยซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย ระหว่างที่ทรงศึกษาอยู่ที่ซิดนีย์ พระองค์ประทับในย่านกลีบร่วมกับเยมมา โชโล (Yemma Sholo) ผู้ช่วยส่วนพระองค์ที่ถูกส่งมาจากพระราชวัง[5]

กษัตริย์อึมสวาตีที่ 3 ซึ่งเป็นพระชนก ริเริ่มให้มีพิธีกรรม อุมช์วาโช (Umchwasho) อันเป็นพิธีกรรมรักษาพรหมจรรย์ตามประเพณีของสวาซิแลนด์ เพื่อใช้ในการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคเอดส์ เจ้าหญิงซีคันยีโซกลายเป็นประเด็นในการโต้เถียง เพราะประทับอยู่ต่างประเทศ[9] ขณะที่พระองค์ประทับอยู่ต่างประเทศเพื่อทรงศึกษาต่อนั้น ทรงมีชื่อเสียงอย่างยิ่งในเรื่องของการเพิกเฉย ไม่ยอมปฏิบัติตนตามขนบธรรมเนียมประเพณีของมาตุภูมิ[10]

การทำงาน[แก้]

กษัตริย์อึมสวาตีที่ 3 ทรงสนับสนุนให้เจ้าหญิงซีคันยีโซเปิดตัวมูลนิธิอิมบาลี (the Imbali Foundation) ในเดือนเมษายน พ.ศ. 2557[11] โดยมุ่งเน้นการส่งเสริมสุขภาพ การศึกษา และจิตวิญญาณของเหล่าอิมบาลีเยมาสวาตี (Imbali YemaSwati) ซึ่งเป็นกองทหารหญิงพรหมจรรย์ นอกจากนี้เจ้าหญิงซีคันยีโซยังทรงจัดการประกวดนางงามการท่องเที่ยวสวาซิแลนด์ (Miss Swaziland Tourism)[12] ในเวลาต่อมาสมาคมคนหูหนวกสวาซิแลนด์ของให้เจ้าหญิงอุปถัมภ์การประกวด นางงามหูหนวกแอฟริกา (Miss Deaf Africa) โดยได้รับเงินทุนสนับสนุนจากรัฐบาลด้วย[13]

เจ้าหญิงซีคันยีโซเป็นนักแสดงและแร็ปเปอร์หญิงของเอสวาตินี มีชื่อในการแสดงว่า ปาชู[5][2] ระหว่างที่ทรงเข้าฝึกงาน (Internship Programs) ที่มหาวิทยาลัยลิมกกวิง ประเทศมาเลเซีย ในระยะสั้น พระองค์มีซิงเกิลเพลง "เฮลยัวร์มาเจสตี" (Hail Your Majesty) เพื่อสรรเสริญพระชนก โดยเพลงถูกเปิดตัวครั้งแรกระหว่างการพระราชทานปริญญาบัตรดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์แก่กษัตริย์อึมสวาตีที่ 3 เมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2556 ณ มหาวิทยาลัยลิมกกวิง[14]

นอกจากนี้พระองค์ยังเป็นคณะกรรมการของเอ็มทีเอ็น สวาซิแลนด์ (MTN Swaziland) บริษัทโทรคมนาคมเคลื่อนที่ข้ามชาติ[15] ทรงแต่งตั้งมูฮัมมัด กาดีร์ (Muhammad Qadeer) นักธุรกิจชาวมาเลเซีย เป็นทูตพิเศษเพื่อส่งเสริมการลงทุนในประเทศสวาซิแลนด์[16]

ปัจจุบันเจ้าหญิงซีคันยีโซทรงดำรงตำแหน่งเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสารสนเทศ การสื่อสาร และเทคโนโลยีของประเทศเอสวาตินี ในรัฐบาลรักษาการณ์ของเทมบา มาซูกู ตั้งแต่วันที่ 3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561[6]

ข้อวิพากษ์วิจารณ์[แก้]

เจ้าหญิงซีคันยีโซ ฉายพระรูปร่วมกับเจมส์ มิเชล ประธานาธิบดีเซเชลส์ เมื่อ พ.ศ. 2558

มีรายงานใน ไทมส์ออฟสวาซิแลนด์ เมื่อวันที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2546 อ้างว่า เมื่อคราวที่เจ้าหญิงซีคันยีโซเสด็จเยือนสหรัฐ และสหราชอาณาจักร รัฐบาลสวาซิแลนด์ออกค่าใช้จ่ายค่าเดินทางแก่เจ้าหญิงเกือบ 1 ล้านยูโร (หรือเท่ากับ 100,000 ดอลลาร์สหรัฐ) ต่อมาสำนักนายกรัฐมนตรีได้ออกแถลงการณ์ปฏิเสธ[17]

พ.ศ. 2548 กษัตริย์อึมสวาตีที่ 3 พระชนก ดำรัสสั่งห้ามมิให้เจ้าหญิงซีคันยีโซทำกิจกรรมต่าง ๆ เป็นการลงโทษที่เจ้าหญิงแสดงกิริยามารยาทไม่เหมาะสมในพระราชพิธีหมั้นของกษัตริย์อึมสวาตีที่ 3 กับว่าที่พระมเหสีพระองค์ใหม่ จนเจ้าหน้าที่ควบคุมพระราชพิธีต้องใช้ไม้เท้าทุบตีเจ้าหญิงซีคันยีโซ กระทั่งหลังพ้นโทษ เจ้าหญิงซีคันยีโซเมื่อมีพระชันษาได้ 17 ปี ทรงจัดงานเลี้ยงฉลองวันประสูติในที่ประทับของพระชนนีโดยการเปิดเพลงเสียงดังลั่นและเสวยน้ำจัณฑ์[18]

ในปีรุ่งขึ้น เจ้าหญิงซีคันยีโซทรงวิพากษ์วิจารณ์ประเพณีหลายเมียของผู้ชายสวาซิแลนด์ไว้ว่า "การมีเมียหลายคนมันเป็นประโยชน์กับผู้ชาย แต่สำหรับฉันมองว่ามันไม่ยุติธรรมและเลวร้าย" ต่อมาสำนักพระราชวัง "ปิดปาก" เจ้าหญิง และไม่อนุญาตให้สื่อมวลชนสัมภาษณ์เจ้าหญิงอีก[19]

พ.ศ. 2563 เจ้าหญิงซีคันยีโซทรงใช้เงินภาษีของประชาชนออกรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์ ราคา 600,000 ยูโร แก่คาเยลีฮเล แพทริก ดลามีนี (Patrick Khayelihle Dlamini) ทหารหนุ่มที่พระองค์คบหา เพราะคาเยลีฮเลมอบรถฟ็อลคส์วาเกินโปโล แก่ลินเดลวา ราเดเบ (Lindelwa Radebe) หญิงที่เขาคบหาอีกคน[20]

ชีวิตส่วนพระองค์[แก้]

เจ้าหญิงซีคันยีโซทรงคบหากับคาเยลีฮเล แพทริก ดลามีนี (Patrick Khayelihle Dlamini) ซึ่งเป็นทหาร[20] มีพระประสูติกาลพระโอรส พีโกลเวซเว คูคันยา พาซีกา เอไลฮู ดลามีนี (Phikolwezwe Kukhanya Phasika Elihu Dlamini) หรือ พีโก (Phiko) เมื่อวันที่ 10 เมษายน พ.ศ. 2563[1][2]

อ้างอิง[แก้]

  1. 1.0 1.1 Karabo Mokoena (21 April 2021). "King Mswati's baby grandchild gets mega birthday party". The Citizen. สืบค้นเมื่อ 25 October 2022.
  2. 2.0 2.1 2.2 2.3 Kate Berbano (14 July 2021). "Meet eSwatini's rapping royal Princess Sikhanyiso: the daughter of King Mswati III released a single under the alias Pashu and had some wild teenage experiences". South China Morning Post. สืบค้นเมื่อ 25 October 2022.
  3. British blue blood top 'Hottest Royal' list CNN's Stephanie Busari May 29, 2008
  4. ฟอร์บส์ยกเจ้าชายวิลเลียมราชวงศ์รุ่นเยาว์เซ็กซี่สุดในโลก[ลิงก์เสีย]
  5. 5.0 5.1 5.2 5.3 Frost, Carleen (5 May 2012). "Royal rapper Princess Sikhanyiso Dlamini of Swaziland masters Sydney". Sydney Daily Telegraph. สืบค้นเมื่อ 13 July 2014.
  6. 6.0 6.1 Ike Dibie, Michael (4 November 2018). "eSwantini appoints King Mswati's daughter as ICT Minister". สืบค้นเมื่อ 4 July 2019.
  7. Matsebula, Bhekie (4 December 2001). "Profile: Troubled King Mswati". BBC News. สืบค้นเมื่อ 12 May 2011.
  8. Busari, Stephanie (29 May 2008). "British blue blood top 'Hottest Royal' list". CNN. สืบค้นเมื่อ 12 May 2011.
  9. Matsebula, Bhekie (17 December 2001). "Swazi princess dons chastity tassel". BBC News. สืบค้นเมื่อ 12 May 2011.
  10. "Swazi women fear losing their trousers". BBC News. 24 June 2002. สืบค้นเมื่อ 12 May 2011.
  11. Tshabalala, Nontobeko (22 June 2014). "King approves Imbali Foundation". Times of Swaziland. สืบค้นเมื่อ 19 November 2014.
  12. Manyathela, Thobeka (22 June 2014). "Imbali Foundation to Host Miss Tourism SD". Times of Swaziland. สืบค้นเมื่อ 19 November 2011.
  13. Masuku, Kwazi (30 June 2014). "DPM Pledges Support for Miss Deaf Pageant". The Swazi Observer. สืบค้นเมื่อ 19 November 2014.
  14. Yee, Pete (10 July 2014). "'Royal Rapper' Sikhanyiso shines". Limkokwing University. สืบค้นเมื่อ 19 November 2011.
  15. Dlamini, Welcome (4 June 2012). "Sikhanyiso for MTN board". Times of Swaziland. สืบค้นเมื่อ 26 November 2015.
  16. Motau, Phephile (10 November 2015). "Princess Sikhanyiso Appoints Malaysian to promote country". Times of Swaziland. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2015-12-08. สืบค้นเมื่อ 26 November 2015. She recently recuse herself from being Miinister of ICT
  17. "The Issue of 'E1 Million Spent on Princess Sikhanyiso' and The Issue of 'Building' Royal Palaces" (Press statement). Swaziland Prime Minister's office. 26 January 26, 2004.
  18. Domestic whippings in Swaziland, Aug 2005 - CORPUN ARCHIVE szd00508
  19. "The princess's polygamy slur". Mail & Guardian. 1 September 2006.
  20. 20.0 20.1 Zweli Martin Dlamini (23 December 2020). "EXPOSED: Princess Sikhanyiso buys Mercedes Benz worth over E600,000.00 for military boyfriend with taxpayers money". Swaziland News. สืบค้นเมื่อ 25 October 2022.