อีริก บานา

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี

อีริก บานา
อีริก บานาในงานเทศกาลภาพยนตร์ไทรเบค่า ปี 2009
เกิดอีริก บานาดิโนวิช
(1968-08-09) 9 สิงหาคม ค.ศ. 1968 (55 ปี)
เมลเบิร์น รัฐวิกทอเรีย ออสเตรเลีย
สัญชาติออสเตรเลีย
อาชีพนักแสดง
ปีปฏิบัติงาน1993–ปัจจุบัน
คู่สมรสรีเบกกา กลีสัน (สมรส 1997)
บุตร2
เว็บไซต์e-bana.com

อีริก บานาดีโนวิช (อังกฤษ: Eric Banadinovich) หรือรู้จักกันในชื่อ อีริก บานา เกิดเมื่อวันที่ 9 สิงหาคม ค.ศ. 1968 เป็นนักแสดงชายและนักแสดงตลกชายชาวออสเตรเลียที่มีผลงานทางภาพยนตร์และโทรทัศน์ เขาเริ่มต้นอาชีพด้วยการเป็นนักแสดงตลกในละครสเก็ตช์คอเมดี้เรื่อง Full Frontal ก่อนที่จะประสบความสำเร็จในแง่คำวิจารณ์จากภาพยนตร์ชีวประวัติเรื่อง Chopper (2000) หลังจากที่ได้รับคำชมในเสียงวิจารณ์เป็นเวลาร่วม 10 ปี ในละครโทรทัศน์และภาพยนตร์ในประเทศออสเตรเลีย บานาเข้าร่วมแสดงภาพยนตร์ฮอลลีวูดในบท สิบเอก 'ฮู้ต' กิ๊บสัน ในทหารหน่วยเดลต้า ในภาพยนตร์เรื่อง Black Hawk Down (2001) และต่อมาได้รับบทนำในบทบาท บรูซ แบนเนอร์ ในภาพยนตร์การกำกับของอั้งลี่ เรื่อง The Hulk (2003)

บานา นักแสดงที่ประสบความสำเร็จในบทบาทการแสดงและการแสดงตลก เขาได้รับรางวัลสูงสุดทางด้านภาพยนตร์และโทรทัศน์สำหรับการแสดงเรื่อง Chopper และ Full Frontal นอกจากนี้เขายังได้แสดงบทนำในภาพยนตร์ทุนต่ำหลาย ๆ แบบ และแสดงกับสตูดิโอสังกัดใหญ่ ทั้งหนังรัก หนังตลก หนังดราม่า จนถึงนวนิยายวิทยาศาสตร์ หนังเขย่าขวัญ และหนังแอ๊กชัน โดยภาพยนตร์ที่ได้รับความนิยมรวมถึงเรื่อง Black Hawk Down (2001), Hulk (2003), Troy (2004) และ Munich (2005)

ประวัติ[แก้]

ชีวิตช่วงแรกและครอบครัว[แก้]

บานาเกิดที่เมลเบิร์น ประเทศออสเตรเลีย[1] เป็นลูกคนสุดท้องในสองคน พ่อของเขาอีวาน ชาวโครเอเชีย เป็นผู้จัดการงานขนส่งบริษัทเคเทอร์พิลลาร์, อิงค์. และคุณแม่ชาวเยอรมัน อีลีนอร์ เป็นช่างทำผม บานาโตในย่านทูลลามารีน รัฐวิกตอเรีย เขตชานเมืองทางตะวันตกของเมือง ใกล้กับสนามบิน

ความสามารถทางด้านการแสดงในช่วงแรกของชีวิตเขา บานาเริ่มสร้างความประทับใจให้กับสมาชิกในครอบครัวตั้งแต่อายุราว 6 หรือ 7 ปี โดยการเลียนแบบท่าเดินของปู่เขาเอง รวมถึงเลียนเสียงและกิริยาท่าทาง ที่โรงเรียนเขาเลียนแบบครูเขาเองเพื่อให้รอดพ้นปัญหาต่าง ๆ[2] ในช่วงวัยรุ่น เขาได้ดูการแสดงของเมล กิ๊บสัน ในภาพยนตร์เรื่อง Mad Max (1979) และตัดสินที่จะเป็นนักแสดง[3] อย่างไรก็ตาม เขาก็ยังไม่ได้ตัดสินใจอย่างจริงจังในการแสดง จนกระทั่งในปี ค.ศ. 1991 เมื่อเขาได้รับการชักชวนให้แสดงในสแตนด์อัพคอเมดี้ขณะที่ทำงานเป็นพนักงานเสิร์ฟเครื่องดื่มในบาร์ ที่โรงแรมเมลเบิร์ลสคาสเซิล งานการแสดงสแตนด์อัพคอเมดี้ที่ผับในเมือง ไม่ทำให้เขาได้รายได้ที่ดีเท่าที่ควร เขาจึงทำงานเป็นพนักงานเสิร์ฟเครื่องดื่ม จัดโต๊ะ ตามเดิม[4][5]

ค.ศ. 1993-1997[แก้]

ในปี ค.ศ. 1993 บานามีผลงานทางโทรทัศน์ครั้งแรกในรายการทอล์คโชว์ช่วงกลางคืนโดย สตีฟ วิซาร์ด ในรายการทูไนท์ ไลฟ์[6] ความสามารถทางด้านการแสดงของเขาเข้าตาโปรดิวเซอร์สเก็ตช์คอเมดี้ Full Frontal ซึ่งเขารับเชิญบานาไปร่วมเขียนบทและแสดง จนกระทั่ง 4 ปีผ่านไป บานาเริ่มเขียนบทจากประสบการณ์ของเขา อุปนิสัยของคนในครอบครัว และการล้อเลียน โคลัมโบ อาร์โนลด์ ชวาร์เซเน็กเกอร์ ซิลเวสเตอร์ สตาล์โลน และทอม ครูซ ทำให้เขามีชื่อเสียงขึ้นมา[7] ความสำเร็จนี้นำไปสู่การผลิตรายการโทรทัศน์ของเขาเองที่ชื่อว่า อีริก ในปี ค.ศ. 1996 เป็นรายการที่รวมมุข บุคลิกของคนในชีวิตทั่วไป และกระตุ้นให้เขาปล่อยรายการสเก็ตช์คอเมดี้ของเขาเองในรายการ ดิ อีริก บานา โชว์ เขียนบทและแสดงโดยบานาเอง ที่เป็นรายการล้อเลียน สแตนด์-อัพโชว์ และเชิญคนดังมาร่วมรายการ แต่ไม่ประสบความสำเร็จและยุติการออกอากาศไป หลังจากออกอากาศไปเพียง 8 ตอน เพราะมีระดับความนิยมไม่ดี[6][8] แต่อย่างไรก็ตามในปี ค.ศ. 1997 เขาได้รับรางวัลโลจีอวอร์ด ในสาขานักแสดงตลกยอดนิยม

ในปีเดียวกัน บานาได้แสดงภาพยนตร์ในออสเตรเลียเป็นครั้งแรก ในภาพยนตร์เรื่อง The Castle ที่เป็นเรื่องราวของครอบครัวชาวเมลเบิร์นที่ดิ้นรนเพื่อรักษาบ้านของเขาต่อการสร้างสนามบินเมลเบิร์นหลังจากรัฐบาลและองค์กรสนามบินบังคับให้พวกเขาย้ายออกไป ในบทตลกที่ชื่อ คอน เพโทรปูลัส นักบัญชีผู้เคยฝึกคิกบ็อกซิง The Castle ได้รับกระแสตอบรับที่ดีและประสบความสำเร็จทางด้านรายได้ ทำรายได้ไป 10,326,428 เหรียญออสเตรเลีย ในตารางบ็อกซ์ออฟฟิสในประเทศออสเตรเลีย[3][9]

ค.ศ. 1997-2005[แก้]

ในปี ค.ศ. 1997 แม้ว่าจะขาดประสบการณ์ในบทดราม่า ผู้กำกับแอนดรูว์ โดมินิก ติดต่อบานาเพื่อเล่นภาพยนตร์ชีวประวัติเรื่อง Chopper (2000) โดยเป็นภาพยนตร์เกี่ยวกับช็อปเปอร์ รีด อาชญากรชาวออสเตรเลีย โดมินิกใช้เวลาทั้งสิ้น 5 ปี แต่ไม่สามารถหานักแสดงที่รับบทเป็น รีด ได้ จนกระทั่งช็อปเปอร์ รีด ตัวจริงได้แนะนำ บานา ที่เขาเคยดูการแสดงล้อเลียนทางโทรทัศน์ และโดมินิกก็ได้ตกลงให้บานามีส่วนร่วมในภาพยนตร์เรื่องนี้[10]

บานา ในบทบาท ช็อปเปอร์ รีด อาชญากรชาวออสเตรเลีย ในภาพยนตร์สร้างชื่อเรื่อง Chopper
บานา ในบทบาท สิบเอก 'ฮู้ต' กิ๊บสัน ในภาพยนตร์เรื่อง Black Hawk Down

บานาในบทบาท อาชญากร ช็อปเปอร์ รีด ในภาพยนตร์สร้างชื่อ Chopper (2000) สำหรับบทบาทนี้ บานาโกนศีรษะและเพิ่มน้ำหนักอีก 30 ปอนด์[11] และใช้เวลา 2 วันอยู่กับ รีด เพื่อให้ลอกเลียนตัวเขาได้เหมือนยิ่งขึ้น และในระหว่างการถ่ายทำ เขามาถึงสถานที่ถ่าย ตี 4 และใช้เวลาอีก 5 ชั่วโมงกับการเขียนรอยสักให้เหมือน รีด[6] และแม้ว่าข้อจำกัดของภาพยนตร์ในการออกฉายนอกประเทศออสเตรเลีย บานาก็ยังได้รับเสียงวิจารณ์ทางบวก โรเจอร์ อีเบิร์ต นักวิจารณ์ภาพยนตร์ชาวอเมริกัน ชมเชยบานาไว้ว่า "นักแสดงตลก อีริกบานา ผู้สร้างภาพยนตร์ได้ค้นพบดาวดวงใหม่แล้ว[12] เขามีคุณลักษณะที่เรียกว่า ไม่มีโรงเรียนไหนที่สอนการแสดงแบบนี้และ ดาราที่เหมาะสมแบบนี้ คุณไม่สามารถละสายตาไปจากเขาได้"[3] ภาพยนตร์เรื่อง Chopper ประสบความสำเร็จทางด้านเสียงวิจารณ์และรายได้ในออสเตรเลียและได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงสาขาภาพยนตร์ยอดเยี่ยมจากรางวัลออสเตรเลียนฟิล์มอินสติติวต์ ในปี ค.ศ. 2001 ซึ่งเขาได้รับรางวัลนักแสดงยอดเยี่ยมจากการประกาศรางวัลครั้งนี้ด้วย[13]

ในปี ค.ศ. 2001 ผู้กำกับ ริดลีย์ สก็อตต์ คัดเลือกบานาในบทบาททหารอเมริกัน แสดงภาพยนตร์เรื่อง Black Hawk Down (2001) สก็อตต์ประทับใจการแสดงของบานาใน Chopper โดยบานาไม่ต้องผ่านการทดสอบตัวนักแสดงเลย[14] ในภาพยนตร์เขารับบทเป็นสิบเอก 'ฮู้ต' กิ๊บสัน ในทหารหน่วยเดลต้า[15] ที่ต่อสู้หาทางออกใน เมืองโมกาดีชู ในประเทศโซมาเลีย หลังปฏิบัติการจับคุมตัวนายทหารสองนายที่ทรยศ แต่เกิดความผิดพลาด ภาพยนตร์เรื่องนี้ บานา ลดน้ำหนักหลังจากที่เพิ่มน้ำหนักใน Chopper และได้ออกกำลังกายอย่างเคร่งครัดก่อนการถ่ายทำ เขายังได้ฝึกกับทหารหน่วยเดลต้าที่ ฟอร์ต แบรกก์ เรียนรู้อาวุธต่าง ๆ[16] ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้รับคำวิจารณ์ในแง่บวกและขึ้นอันดับ 1 บนตารางบ็อกซ์ออฟฟิสของเมริกาเป็นเวลา 3 สัปดาห์ในการเปิดตัว[17]

งานต่อไปของบานา คือภาพยนตร์ออสเตรเลียทุนต่ำเรื่อง The Nugget (2002) เป็นภาพยนตร์ตลกที่แสดงให้เห็นถึงผลกระทบของความมั่งคั่งชั่วคืนของชนชั้นแรงงาน 3 คน ภาพยนตร์ออกฉายด้วยความประสบความสำเร็จพอควร บานาได้อ่านบทหลังจากที่ถ่ายทำภาพยนตร์เรื่อง Chopper ในปี ค.ศ. 2000 และรู้สึกสนใจในตัวบทเพราะมันทำให้เขานึกถึงชีวิตวัยเด็กและตัวละครที่มีความสนุกสนานและน่ารัก[18] ขณะที่ถ่ายทำภาพยนตร์เรื่อง The Nugget บานาได้รับข้อเสนอให้รับบทของ บรูซ แบนเนอร์ ในภาพยนตร์ดัดแปลงจากหนังสือการ์ตูนชื่อดังเรื่อง The Incredible Hulk หลังจากที่รู้ว่าภาพยนตร์เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับ อั้งลี่ ทำให้เขาตัดสินใจรับบทบาทนี้ทันที[16] บานาชื่นชอบอั้งลี่จากภาพยนตร์เรื่อง The Ice Storm และเห็นด้วยกับรูปแบบการทำงานของอั้งลี่ที่ทำการถ่ายทำก่อนบทภาพยนตร์จะสมบูรณ์[19] เขารู้สึกสนใจภาพยนตร์เรื่องนี้เพราะ "บุคลิกของบรูซ แบนเนอร์ มีความสามารถน่าทึ่งอยู่" และ "ไม่ใช่ซูเปอร์ฮีโร่แบบทั่วไป"[19] ภาพยนตร์เรื่อง Hulk (2003) ไม่ได้รับเสียงวิจารณ์และทำรายได้ที่ดีนัก แต่บานาก็ได้รับคำชมจาก แจ็ก แมททิวส์ จากหนังสือพิมพ์นิวยอร์กเดลี่ กับบทบาทบรูซ แบนเนอร์ว่า "เป็นทิฐิที่ดีเยี่ยม"[20] บานาได้รับการเสนอชื่อรางวัลจากสถาบันภาพยนตร์ นวนิยายวิทยาศาสตร์ แฟนตาซีและสยองขวัญ ในสาขา "Cinescape Genre Face of the Future" จากภาพยนตร์เรื่องนี้ แต่บานาก็ตัดสินใจไม่กลับมาเล่นภาคต่อของภาพยนตร์เรื่อง Hulk ในปี ค.ศ. 2008 อีก ซึ่งเขาเห็นว่าควรมีภาคเดียว แต่ในปี 2008 คนที่มารับบทแทนคือ เอ็ดเวิร์ด นอร์ตัน[21]

ในปี ค.ศ. 2004 บานาร่วมแสดงกับแบรด พิตต์ในภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์เรื่อง Troy ในบทบาทเจ้าชายเฮกเตอร์ ผู้นำในม้าโทรจันที่บุกเข้ากรีก เพื่อต่อกรกับอคิลิส กำกับโดยวูล์ฟกัง ปีเตอร์สัน ผู้ชื่นชอบภาพยนตร์เรื่อง Chopper ได้เสนอบทนี้ให้กับเขาหลังจากที่ได้พบแบรด พิตต์[22] ภาพยนตร์ประสบความสำเร็จในระดับนานาชาติ ทำรายได้เฉพาะในอเมริกา 364 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในอเมริกาเหนือ ทำรายได้ราว 133 ล้านดอลลาร์สหรัฐ[23]

ค.ศ. 2005-ปัจจุบัน[แก้]

รอบปฐมทัศน์ภาพยนตร์เรื่อง Lucky You เดือนพฤษภาคม 2007

หลังจากล้มเหลวจากภาพยนตร์เรื่อง Hulk และรายได้ที่น่าผิดหวังของภาพยนตร์เรื่อง Troy นักวิจารณ์ถามคำถามกับบานาเกี่ยวกับเรื่องภาพยนตร์ทุนสูง บานาให้คำตอบไว้ในนิตยสารเอ็มไพร์ว่า "มันไม่ได้เป็นอย่างนั้น ที่ Hulk ล้มเหลว และแน่นอนว่าถ้าการถ่ายทำนาน ก็หมายถึงการลงทุนสูง ถ้าผมไม่รู้สึกสบายใจกับผลที่ได้ ผมจะรู้สึกหงุดหงิดอย่างมาก แต่ที่ผ่านมาผมก็มีความสุข ถึงแม้ถ้า Troy จะทำรายได้แค่ 50 เหรียญ ผมก็ไม่รู้สึกเสียใจเลย"[24]

ต่อมาเขาแสดงนำในภาพยนตร์เรื่อง Munich กำกับโดย สตีเฟน สปีลเบิร์ก เป็นภาพยนตร์ที่สร้างความอื้อฉาว เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับโศกนาฏกรรมสังหารหมู่นักกรีฑาอิสราเอล 11 คน ในบ้านพักนักกีฬาระหว่างการแข่งขันโอลิมปิกที่มิวนิก ประเทศเยอรมนีในปี ค.ศ. 1972 บานารับบทเป็นอาวเนอร์สายลับมอสสาด ภาพยนตร์เรื่องนี้กลับถูกต่อต้านอย่างหนักจากชาวอเมริกันเชื้อสายยิวหลังการถ่ายทำเสร็จ[25]

ในปี ค.ศ. 2006 บานาเป็นสมาชิกของจากสถาบันภาพเคลื่อนไหว ศิลปะและวิทยาศาสตร์ (Academy of Motion Picture Arts and Sciences หรือ AMPAS) จากการรับเชิญ[26] หลังจากนั้นภาพยนตร์เรื่อง Lucky You หนังรักที่บานาทำงานก่อนถ่ายทำเรื่อง Munich ออกฉายเมื่อต้นปี ค.ศ. 2007 ในภาพยนตร์เรื่อง Lucky You นี้รับบทเป็นฮัก ชีเวอร์ นักเล่นโป๊กเกอร์มืออาชีพที่จะต้องเอาชนะการแข่งขันในลาสเวกัส ภาพยนตร์เรื่องต่อไปสร้างมาจากบันทึกส่วนตัวของ ไรมอน ไกตา ในภาพยนตร์ออสเตรเลียเรื่อง Romulus, My Father ที่ต้องต่อสู้ แบกรับภาระของลูกชายไว้ ได้รับเสียงวิจารณ์ที่ดี และบานาก็ได้รับรางวัลเอเอฟไอ เป็นครั้งที่ 2 ในสาขานักแสดงนำ[27] จนนิตยสารอินไซด์ฟิล์มชมไว้ว่า "เป็นการแสดงที่ดีที่สุดของเขา" [28]

บานาถ่ายทำภาพยนตร์เรื่อง The Other Boleyn Girl เสร็จกลางปี ค.ศ. 2006 เป็น ภาพยนตร์อิงประวัติศาสตร์ ที่เขารับบทเป็น สมเด็จพระเจ้าเฮนรีที่ 8 ร่วมกับสการ์เล็ตต์ โจฮันส์สัน และ นาตาลี พอร์ตแมน[29] และบานาตกลงที่จะแสดงในภาพยนตร์สร้างโดย ริดลีย์ สก็อตต์ เรื่อง Factor X (2008) ซึ่งจะรับบทบาทเป็นนักสืบที่ตามหาร่องรอยของ เดนนิส เรเดอร์ ฆาตกรฆ่าต่อเนื่อง[30] และเขายังรับบทตัวร้ายชื่อ นีโร ในภาพยนตร์การกำกับของ เจ. เจ. แอบรัมส์ เรื่อง Star Trek[31] และเขาจะเล่นในบทบาท เฮนรี เดอ แทมเบิล ในบทประพันธ์เรื่อง The Time Traveler's Wife ประพันธ์โดย ออเดรย์ นิฟฟีเนกเกอร์ ออกฉายเดือนสิงหาคม ค.ศ. 2009[32] บานาแสดงร่วมกับอดัม แซนด์เลอร์และเซธ โรเกน ในผลงานกำกับเรื่องที่ 3 ของจัดด์ อพาโทว์ เรื่อง "Funny People" ถือเป็นเรื่องแรกที่เขาปรากฏตัวสู่วงการตลกเป็นครั้งแรก[33]

ในปี ค.ศ. 2009 บานาออกผลงานภาพยนตร์ที่กำกับและหาทุนเองเองแนวสาคดีที่เรียกว่า Love the Beast มีเรื่องราวเกี่ยวกับเรื่องส่วนตัวของเขากับรถคันแรกและการเป็นคนรักรถ ไปกับการแนะนำและความคิด จากเพื่อนอันยาวนานของเขา เช่นเดียวกับบุคคลมีชื่อเสียงอย่าง เจย์ เลโน, เจเรมี คลาร์กสัน และดร. ฟิล

ชีวิตส่วนตัว[แก้]

บานาในงานเทศกาลภาพยนตร์ไทรเบค่า

ในปี ค.ศ. 1995 ขณะทำงานเป็นนักแสดงในละครโทรทัศน์เรื่อง Full Frontal บานาออกเดทกับ รีเบกกา กลีสัน นักข่าวการเมือง ช่องเซเวนเน็ตเวิร์ก และเป็นลูกสาวของผู้พิพากษาสูงสุด เมอร์เรย์ กลีสัน[8] ทั้งคู่แต่งงานในปี ค.ศ. 1997 หลังจากที่บานาขอเธอแต่งงานระหว่างการท่องเที่ยวไปสหรัฐอเมริกาที่เขาชนะการประกวดจากนิตยสารคลีโอ ในตำแหน่งหนุ่มโสดประจำปี ค.ศ. 1996[34] บานาและกลีสันมีลูกด้วยกัน 2 คน คือ ลูกชายชื่อ คลอส (เกิดเดือนกรกฎาคม ค.ศ. 1998) และลูกสาวชื่อ โซเฟีย (เกิดเดือนเมษายน ค.ศ. 2001) ซึ่งตั้งแต่ได้ให้กำเนิดลูกชายคนแรก บานาจำกัดงานภาพยนตร์อยู่ที่ 1 เรื่องต่อปี เพื่อที่จะได้ดูแลชีวิตครอบครัวของเขาในบ้านเกิดเมลเบิร์นได้[35]

บานาสนใจในการแข่งขันรถแข่ง และได้ร่วมการแข่งขันในประเทศออสเตรเลียอยู่หลายครา เมื่อตอนอายุ 14 ปี บานาต้องการที่จะออกจากโรงเรียนเพื่อหารายได้เต็มเวลาจากการเป็นช่างเครื่องยนต์ แต่พ่อของเขาก็โน้มน้าวจนเรียนจบระดับมัธยม และได้แนะนำให้เขาหลีกเลี่ยงงานอดิเรกเป็นงานจริง[36] บานาซื้อรถยนต์ครั้งแรกเป็นรถฟอร์ดปี 1973 รุ่นฟอร์ดฟอลคอน เมื่ออายุ 15 ปี ด้วยเงิน 1,100 เหรียญออสเตรเลีย[37] และใช้แข่งครั้งแรกในงาน ทาร์กา แทสมาเนีย ตลอดสัปดาห์เต็มที่แทสมาเนีย ในปี ค.ศ. 1996[38] ต่อมาในปี ค.ศ. 2004 บานาซื้อรถพอร์เช่ 944 เพื่อลงแข่งขันในประเทศออสเตรเลีย ตลอดทั้งปี ค.ศ. 2004 ซึ่งเขาชนะติดใน 10 อันดับแรกในเดือนพฤศจิกายน ได้ที่ 4 ในการแข่งขัน แซนดาวน์ 500 เป็นอันดับที่ดีที่สุดของเขา[39] และในวันที่ 21 เมษายน ค.ศ. 2007 บานาประสบอุบัติเหตุรถชนในระหว่างการแข่งขันทาร์กาแทสมาเนีย แต่ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ[40]

บานายังเป็นผู้สนับสนุน ออสเตรเลียรูลส์ฟุตบอล เขาชื่นชอบกีฬาประเภทนี้มาตั้งแต่ยังเด็ก ครั้งปู่ของเขาพาเขาไปดูการแข่งขันของเซนต์คิลดาฟุตบอลคลับ ทีมโปรดของเขา[41][42]

งานการกุศล[แก้]

บานาให้ความช่วยเหลือกับกลุ่มองค์กรไม่แสวงหากำไร "เม็นทอล อิลล์เนสส์ เฟลโลว์ชิป" เพื่อให้ความรู้เกี่ยวกับผู้บกพร่องทางจิตในประเทศออสเตรเลีย ในปี ค.ศ. 2004 เขาแสดงในภาพยนตร์โฆษณาหลายชิ้นเพื่อช่วยเหลือกลุ่มองค์กรนี้[43] บานายังได้ร่วมรณรงค์กับ ออสเตรเลียนไชลด์ฮูดฟาวเดชัน และ โบน มาร์โรว์ โดเนอร์ อินสติติวต์ และตั้งแต่ปี ค.ศ. 1995 เขายังร่วมกับ มอเตอร์ไซเคิลไรเดอร์สแอสโซซิเอชันทอยรัน ในเมลเบิร์น เพื่อหาเงินและของเล่นให้เด็กผู้ยากไร้ในวันคริสต์มาส[44]

ในปี ค.ศ. 2005 บานาให้เสียงบรรยายในสารคดี Terrors of Tasmania เกี่ยวกับแทสมาเนียนเดวิล ภาพยนตร์ได้ติดตามชีวิต แทสมาเนียนเดวิลตัวเมียที่ชื่อ แมงกานินนี[45] เขายังได้ทำงานกับโรแยลโซไซตีฟอร์เดอะพรีเวนชันออฟครูเอลตีทูอะนิมอลส์ โดยบริจาคเงินให้กับสร้างที่อยู่ของสัตว์ในเบอร์ลิน ขณะที่เขาถ่ายทำภาพยนตร์เรื่อง Troy ในปี ค.ศ. 2004[46]คนอีสานบ้านเฮา

ผลงาน[แก้]

ภาพยนตร์[แก้]

ปี ค.ศ. เรื่อง บทบาท หมายเหตุ
1997 The Castle คอน เพโทรปูลัส
2000 Chopper ช็อปเปอร์ รีด
2001 Black Hawk Down สิบเอก 'ฮู้ต' กิ๊บสัน
2002 The Nugget ล็อตโต
2003 Finding Nemo ผู้ประกาศข่าว ให้เสียง
2003 Hulk บรูซ แบนเนอร์/ฮัลค์
2004 Troy เฮกเตอร์
2005 Munich เอวเนอร์ คอฟแมน
2007 Lucky You ฮัค ชีเวอร์
2007 Romulus, My Father โรมุลุส
2008 The Other Boleyn Girl พระเจ้าเฮนรีที่ 8 แห่งอังกฤษ
2009 Mary and Max เดเมียน ให้เสียง
2009 Love the Beast แสดงเป็นตัวเอง ภาพยนตร์สารคดี; ผู้ผลิตและผู้กำกับ
2009 Star Trek นีโร
2009 The Time Traveler's Wife เฮนรี เดอแทมเบิล
2009 Funny People คลาร์ก
2011 Hanna อีริก เฮลเลอร์
2012 Deadfall แอดดิสัน
2013 Closed Circuit มาร์ติน โรส
2013 Lone Survivor เอริค เอส. คริสเตนเซน
2014 Deliver Us from Evil ราล์ฟ ซาไช
2016 The Finest Hours ดาเนียล เว็บสเตอร์ คลัฟฟ์
2016 Special Correspondents แฟรงก์ บอนเนวิลล์
2016 The Secret Scripture ดร. วิลเลียม กรีเน
2017 King Arthur: Legend of the Sword ยูเทอร์ เพนแดรกอน

โทรทัศน์[แก้]

ปี ค.ศ. เรื่อง บทบาท หมายเหตุ
1993–1996 Full Frontal หลายบทบาท 66 ตอน
1996–1997 The Eric Bana Show Live หลายบทบาท 17 ตอน
1999–2000 All Saints ร็อบ ไบเลตสกี 3 ตอน
2000–2001 Something in the Air โจ เซเบตินี 202 ตอน

วิดีโอเกม[แก้]

ปี ค.ศ. เรื่อง เสียง หมายเหตุ
2003 Hulk บรูซ แบนเนอร์ โครงเรื่องจากภาพยนตร์ชื่อเดียวกันในปี 2003

รางวัลและชื่อเข้าชิง[แก้]

ปี ค.ศ. รางวัล ประเถท ผลงาน ผล อ้างอิง
1997 Logie Awards Most Popular Comedy Personality Full Frontal ชนะ [47]
2000 Australian Film Institute Best Actor in a Leading Role Chopper ชนะ [48]
2004 เอ็มทีวีมูวีอะวอดส์ Best Fight (กับ แบรด พิตต์) Troy เสนอชื่อเข้าชิง [49]
2007 Australian Film Institute Best Actor in a Leading Role Romulus, My Father ชนะ [50]
2009 Teen Choice Awards Choice Movie Villain Star Trek เสนอชื่อเข้าชิง [51]

อ้างอิง[แก้]

  1. Eric Bana (อีริค บานา) เว็บไซต์ nangdee.com
  2. "Eric Bana". Marie Claire. March 2002. (อังกฤษ)
  3. 3.0 3.1 3.2 Dominic Wills. Eric Bana - Biography เก็บถาวร 2009-02-14 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน. Tiscali Film & TV เรียกดูเมื่อ 14 มกราคม 2551 (อังกฤษ)
  4. Tony Johnson. "Bana Banks on Banter". Sunday Herald Sun - TV Extra. June 19 1994. (อังกฤษ)
  5. Melinda Houston. Eric's Eureka. Sunday Life. September 29 2002. เรียกดูเมื่อ 14 มกราคม 2551 (อังกฤษ)
  6. 6.0 6.1 6.2 Biography เก็บถาวร 2007-07-06 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน. Eric Bana Central. เรียกดูเมื่อ 20 มกราคม 2551 (อังกฤษ)
  7. Darren Devlyn. "First Impressions". TV Weekly. February 10 1993 (อังกฤษ)
  8. 8.0 8.1 Kate Halfpenny. "Under the Gun". Who Magazine. August 8 2000. (อังกฤษ)
  9. Movie Marshall - 1997 Australian Box Office Totals เก็บถาวร 2006-11-17 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน. เรียกดูเมื่อ 20 มกราคม 2551 (อังกฤษ)
  10. Christopher Strickland. "Director's Cut: Andrew Dominik's Chopper". IF: Australia's Independent Film Magazine. July 2000. (อังกฤษ)
  11. "Chopping & Changing". Who Weekly. October 22 2001 (อังกฤษ)
  12. Roger Ebert. Review of Chopper เก็บถาวร 2016-01-04 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน. June 1 2001. เรียกดูเมื่อ 26 มกราคม 2551 (อังกฤษ)
  13. Biography For Eric Bana imdb.com (อังกฤษ)
  14. Stacey Woods. "First Buzz: The Incredible Hulk". Elle Magazine. February 2002. (อังกฤษ)
  15. แบล็ค ฮอล์ค ดาวน์ ยุทธการฝ่ารหัสทมิฬ pantip.com
  16. 16.0 16.1 Mark Hopkins. "Eric Hits Hollywood". GQ Magazine (Australian edition). April 2002. (อังกฤษ)
  17. Box Office and Rental History for Black Hawk Down เก็บถาวร 2008-08-10 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน. RottenTomatoes.com. เรียกดูเมื่อ 26 มกราคม 2551 (อังกฤษ)
  18. The Incredible Rise of Eric Bana เก็บถาวร 2012-03-21 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน. What's On Weekly. เรียกดูเมื่อ 26 มกราคม 2551 (อังกฤษ)
  19. 19.0 19.1 James Mootram. "Making it Big". TNT Magazine. July 14 2003. (อังกฤษ)
  20. Jack Mathews. Beast for the Eyes เก็บถาวร 2006-10-28 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน. New York Daily News. June 20 2003. เรียกดูเมื่อ 26 มกราคม 2551 (อังกฤษ)
  21. Adam Weeks (2007-05-20). "Bana talks The Incredible Hulk". Moviehole. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2007-05-27. สืบค้นเมื่อ 2008-01-26. {{cite news}}: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |date= (help) (อังกฤษ)
  22. Biography for Eric Bana. IMDB. เรียกดูเมื่อ 26 มกราคม 2551 (อังกฤษ)
  23. Box Office Mojo - Troy. เรียกดูเมื่อ 26 มกราคม 2551 (อังกฤษ)
  24. David Eimer. "Heroes of Troy: Eric Bana". Empire Magazine. June 2004. (อังกฤษ)
  25. การเกต ทิพทวี, อีริค บานา: ผู้กราดเกรี้ยวในโลกเซลลูลอยด์ เก็บถาวร 2011-11-14 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
  26. "Academy Invites 120 to Membership". Academy of Motion Picture Arts and Sciences. July 5, 2006. เรียกดูเมื่อ 26 มกราคม 2551 (อังกฤษ)
  27. "Romulus, My Father sweeps AFIs". ABC News. 2007-12-06. สืบค้นเมื่อ 2008-1-26. {{cite web}}: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |accessdate= (help) (อังกฤษ)
  28. Reviews. romulusmyfather.com.au. เรียกดูเมื่อ 26 มกราคม 2551 (อังกฤษ)
  29. "Herald Sun". King with his kid. สืบค้นเมื่อ July 31. {{cite web}}: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |accessdate= (help); ไม่รู้จักพารามิเตอร์ |accessyear= ถูกละเว้น แนะนำ (|access-date=) (help)[ลิงก์เสีย] (อังกฤษ)
  30. "New Zealand Herald". Serial killer flick for Eric Bana. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2007-09-29. สืบค้นเมื่อ November 13. {{cite web}}: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |accessdate= (help); ไม่รู้จักพารามิเตอร์ |accessyear= ถูกละเว้น แนะนำ (|access-date=) (help) (อังกฤษ)
  31. "Bana beams up to sci-fi role" เก็บถาวร 2009-01-16 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน. The Daily Telegraph. October 11, 2007. เรียกดูเมื่อ 26 มกราคม 2551 (อังกฤษ)
  32. Flemming, Michael and Dave McNary. "New Line finds its cast on 'Time'". Variety. April 17, 2007. Retrieved February 21, 2008.
  33. Fleming, Michael. "Trio joins Judd Apatow film". Variety. June 11, 2008. Retrieved June 13, 2008.
  34. "Eric's Secret Love: Going Bananas". The New Post. March 1 1997 (อังกฤษ)
  35. Eric Bana – Biography เก็บถาวร 2007-08-28 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน. Lauren Bergman Management Pty Ltd. เรียกดูเมื่อ 26 มกราคม 2551 (อังกฤษ)
  36. Transcript of The Tonight Show with Jay Leno เก็บถาวร 2006-05-10 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน. June 17 2003. เรียกดูเมื่อ 26 มกราคม 2551 (อังกฤษ)
  37. Hawley, Janet (2007-05-05). "Lucky Eric". The Age Good Weekend. (อังกฤษ)
  38. Eric Bana Bloody Brilliant to the Targa in a 351 XB coupe เก็บถาวร 2010-12-16 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน. Street Machine. June 1996. เรียกดูเมื่อ 26 มกราคม 2551 (อังกฤษ)
  39. Eric Bana Achives เก็บถาวร 2012-03-21 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน. Reproducing Australian Porsche Drivers Challenge's "2004 November: Sandown", Matt Naulty, November 2004. เรียกดูเมื่อ 26 มกราคม 2551 (อังกฤษ)
  40. Actor Eric Bana crashes while competing in Australian rally เก็บถาวร 2007-09-28 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน. The LA Daily News. เรียกดูเมื่อ 26 มกราคม 2551 (อังกฤษ)
  41. Leif Kramp. Eric Bana: "Wo bleiben die leichten Stoffe?". RP Online. January 24 2006. เรียกดูเมื่อ 26 มกราคม 2551 (อังกฤษ)
  42. Donna Freydkin. 'Gentle Giant' Bana. USA Today. January 9 2003. เรียกดูเมื่อ 26 มกราคม 2551 (อังกฤษ)
  43. Mental Illness Fellowship Launches Biggest Ever Campaign with Support of Film Community. Mental Illness Fellowship of Victoria. September 29 2004. เรียกดูเมื่อ 26 มกราคม 2551 (อังกฤษ)
  44. Liam Houlihan. Toy Run 2004: Troy Boy Leads the Pack เก็บถาวร 2010-12-16 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน. News.com.au. December 12 2004. เรียกดูเมื่อ 26 มกราคม 2551 (อังกฤษ)
  45. Sympathy for the Devil. The Age. January 20 2005. เรียกดูเมื่อ 26 มกราคม 2551 (อังกฤษ)
  46. Monthly Journal: Royal Society for the Prevention of Cruelty to Animals เก็บถาวร 2010-12-16 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน. May 9 2004. เรียกดูเมื่อ 26 มกราคม 2551 (อังกฤษ)
  47. "1997 Logie Awards". Australiantelevision.net. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 20 April 2014.
  48. "AFI | AACTA | Winners & Nominees | 2000–2010 | 2000". www.aacta.org.
  49. "2005 MTV Movie Awards". MTV (MTV Networks). สืบค้นเมื่อ July 25, 2011. Note: Click on the 'Winners' tab.
  50. "AFI | AACTA | Winners & Nominees | 2000–2010 | 2007". www.aacta.org.
  51. "Teen Choice Awards 2009 nominees". Los Angeles Times. Tribune Publishing. June 15, 2009. สืบค้นเมื่อ July 21, 2014.

แหล่งข้อมูลอื่น[แก้]