หยุด แสงอุทัย

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
หยุด แสงอุทัย
เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา
ดำรงตำแหน่ง
พ.ศ. 2496 – พ.ศ. 2511
ข้อมูลส่วนบุคคล
เกิด8 เมษายน พ.ศ. 2451
เสียชีวิต30 ธันวาคม พ.ศ. 2522 (71 ปี)
กรุงเทพมหานคร ประเทศไทย
คู่สมรสนางบุหงา แสงอุทัย

ศาสตราจารย์พิเศษ [1] ดร. หยุด แสงอุทัย (8 เมษายน พ.ศ. 245130 ธันวาคม พ.ศ. 2522 ) อดีตเลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกาและอาจารย์คณะนิติศาสตร์ ซึ่งได้รับการยกย่องว่าเป็นปรมาจารย์ทางสาขาวิชานิติศาสตร์ท่านหนึ่งของประเทศไทย

ศาสตราจารย์พิเศษ หยุด แสงอุทัย (นามเดิม สายหยุด แสงอุทัย) หรือ ศาสตราจารย์พิเศษ ดร. หยุด แสงอุทัย เกิดที่อำเภอบางกอกน้อย จังหวัดธนบุรี เป็นบุตรของ นายจ๋าย กับนางนุ่ม แสงอุทัย สมรสกับนางบุหงา แสงอุทัย มีธิดา 2 คนคือแพทย์หญิงณัฐวดี แสงอุทัย สไตนเฮาส์ และนางสาวใจงาม แสงอุทัย

ท่านถึงแก่อนิจกรรม ณ โรงพยาบาลธนบุรี กรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ 30 ธันวาคม พ.ศ. 2522 สิริอายุได้ 71 ปี 8 เดือน 22 วัน

การศึกษา[แก้]

ประวัติการรับราชการ[แก้]

นอกจากนี้ศาสตราจารย์พิเศษ ดร. หยุด แสงอุทัย ยังได้รับราชการพิเศษเป็นกรรมการในส่วนราชการต่างๆ และมีประวัติการทำงานนอกราชการเฉพาะที่สำคัญ ดังนี้

ประวัติในทางวิชาการ[แก้]

ศาสตราจารย์พิเศษ ดร. หยุด แสงอุทัย เป็นผู้ที่มีบทบาทสำคัญในการร่าง และตรวจชำระสะสางหรือปรับปรุงประมวลกฎหมายอาญา ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา และกฎหมายอื่นๆ ของไทยเป็นจำนวนมาก ท่านจึงได้รับการยอมรับอย่างมากในทางวิชาการ ให้เป็นผู้บรรยายวิชากฎหมายของสำนักอบรมศึกษากฎหมายแห่งเนติบัณฑิตยสภา และสถาบันการศึกษาอื่นๆ ในลักษณะวิชาต่างๆ แทบทุกแขนง และที่มีชื่อเสียงมาก คือ กฎหมายรัฐธรรมนูญและกฎหมายอาญา ซึ่งท่านได้รับตำแหน่งและเกียรติคุณทางวิชาการที่สำคัญ ดังนี้

  • ศาสตราจารย์พิเศษ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์[2]
  • ศาสตราจารย์พิเศษ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
  • ได้รับพระราชทานปริญญานิติศาสตรดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ จากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
  • ได้รับพระราชทานปริญญานิติศาสตรดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

ศาสตราจารย์พิเศษ ดร. หยุด แสงอุทัย ได้แต่งตำราวิชากฎหมายเอาไว้ถึง 32 เล่ม บทความในทางกฎหมายประมาณ 50 บทความ และบันทึกท้ายคำพิพากษาศาลฎีกาอีกประมาณ 200 เรื่อง ซึ่งหลายเล่มได้รับการยกย่องให้เป็นมาตรฐานทางวิชาการและใช้ในการเรียนการสอนจนถึงปัจจุบัน ดู ข้อมูลจากสำนักหอสมุด มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์[ลิงก์เสีย]

ความเป็นอิสระทางวิชาการ[แก้]

ศาสตราจารย์พิเศษ ดร. หยุด แสงอุทัย เป็นผู้ที่กล้าแสดงความคิดเห็นทางวิชาการของตนผ่านทางช่องทางต่างๆ เสมอ และเป็นผู้ที่สนับสนุนให้นักศึกษากฎหมายมีความคิดเห็นเป็นของตัวเอง อันจะทำให้วิชาการทางนิติศาสตร์มีความเจริญก้าวหน้า ไม่หยุดอยู่กับที่

ซึ่งการแสดงความคิดเห็นทางวิชาการอย่างตรงไปตรงมาของศาสตราจารย์พิเศษ ดร. หยุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งความคิดเห็นทางวิชาการเกี่ยวกับสถาบันพระมหากษัตริย์ ทำให้ท่านต้องประสบกับมรสุมในชีวิตเสียเองระหว่างที่ดำรงตำแหน่งเลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา ในสมัยจอมพล ป. พิบูลสงครามเป็นนายกรัฐมนตรี ท่านถูกกล่าวหาว่า หมิ่นพระบรมเดชานุภาพ จากศัตรูทางการเมืองของจอมพล ป. พิบูลสงคราม ซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาของศาสตราจารย์พิเศษ ดร.หยุด โดยอ้างอิงจากบทความเรื่อง “อำนาจและความรับผิดชอบในระบอบประชาธิปไตย” ที่ท่านนำมาอ่านออกอากาศทางวิทยุกระจายเสียงของกรมประชาสัมพันธ์ เมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2499 ซึ่งใจความส่วนที่มีปัญหาคือ “องค์พระมหากษัตริย์ไม่พึงตรัสสิ่งใด ที่เป็นปัญหาหรือเรื่องราวเกี่ยวกับเศรษฐกิจ การเมือง หรือทางสังคมของประเทศโดยไม่มีรัฐมนตรีในคณะรัฐบาล เป็นผู้รับสนองพระบรมราชโองการ” โดยข้อความในตอนนี้ได้มีผู้นำไปโยงว่าเป็นปฏิกิริยาหลังจากการพระราชทานพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในวันกองทัพบกไทย เมื่อวันที่ 25 มกราคม 2499 ใจความตอนหนึ่งว่า “ให้ทหารรู้จักหน้าที่ในความเป็นทหาร ทหารไม่บังควรเล่นการเมือง” ที่มีผู้มองว่าเป็นพระราชวิจารณ์ต่อคณะรัฐบาลในขณะนั้น อย่างไรก็ตาม ศาสตราจารย์พิเศษ ดร.หยุด แสงอุทัย ได้ยืนยันถึงความบริสุทธิ์ใจของท่านว่า “ถึงแม้ขณะนี้ผมก็ยังยืนยันว่าผมไม่ผิด ผมพูดตามหลักวิชาการ และเคยพูดแบบนี้ทางวิทยุกระจายเสียงมา ๗ ครั้งแล้ว เช่น ในวันเฉลิมพระชนมพรรษา วันฉัตรมงคล มีข้อความคล้ายคลึงกัน แต่ก็ไม่เห็นมีเรื่องอะไรแต่คราวนี้กลับเป็นเรื่องเป็นราวใหญ่โตไปได้ .... ส่วนที่ว่าผมกำลังรวบรวมหลักฐานที่จะฟ้องคุณสงวนและหนังสือพิมพ์ที่ลงข่าว เรื่องนี้นะหรือ ตราบใดที่ผมยังเป็นข้าราชการอยู่ ตราบนั้นผมจะไม่ฟ้องใครในฐานหมิ่นประมาทเลยเป็นอันขาด เพราะผมถือว่าใครทำดีทำชั่วคนเขารู้เอง สำหรับเรื่องที่ว่าผมหมิ่นพระมหากษัตริย์นั้น ผมสู้เต็มที่ ผมก็เป็นคนที่รักในหลวงคนหนึ่งเหมือนกัน เพราะผมรักพระองค์ท่าน ผมจึงไม่ต้องการให้ใครเอาในหลวงเป็นเครื่องมือ” ดู ["หนังสือพิมพ์ประชาธิปไตย วันที่ 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2499"]

จากบทความนั้นเอง สงวน ศิริสว่าง ส.ส.เชีงใหม่ จึงได้ทำหนังสือถึงอธิบดีกรมตำรวจให้ดำเนินคดีกับ ศ.พิเศษ หยุด แต่ก็ไม่ได้มีการดำเนินคดีแต่อย่างใด

แม้ว่าศาสตราจารย์พิเศษ ดร.หยุด แสงอุทัย จะถูกโจมตีจากผู้ที่ไม่หวังดีเพราะได้แสดงความคิดเห็นทางวิชาการเกี่ยวกับสถาบันพระมหากษัตริย์ แต่ท่านก็ยังคงยืนยันความคิดเห็นเดิม ในหลักการ The King Can Do No Wrong ซึ่งปรากฏในคำอธิบายรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2511 และคำอธิบายธรรมนูญการปกครองราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2515 ที่ท่านได้แต่งขึ้น

คติประจำใจของศาสตราจารย์พิเศษ ดร. หยุด แสงอุทัย[แก้]

ชีวิตคนเราในโลกนี้ มีระยะเวลาจำกัด ตำแหน่ง ลาภ ยศ และทรัพย์สินที่เราพยายามขวนขวายหามา ถึงเวลาเข้าจริงก็ไม่มีอะไรเป็นของตัว ความดีงามตลอดจนชื่อเสียงทั้งหลาย เมื่อตายไป คนก็จะค่อยๆ ลืมไปสิ้น ฉะนั้น ถ้าเรามีโอกาสหาความรู้เข้าไว้ แล้วพยายามเขียนเพื่อสร้างตำราขึ้นมา ตำราเหล่านี้เท่านั้นที่จะไม่ตายไปพร้อมกับตัว แต่จะเป็นสิ่งที่ยังคงอยู่ และช่วยให้เยาวชนรุ่นหลังได้ใช้เป็นแนวทางในการศึกษา และเพิ่มพูนทางวิชาการต่อไป ไม่มีที่สิ้นสุด

— 

เครื่องราชอิสริยาภรณ์[แก้]

เครื่องราชอิสริยาภรณ์ไทย[แก้]

เครื่องราชอิสริยาภรณ์ต่างประเทศ[แก้]

อ้างอิง[แก้]

  1. ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรีเรื่องแต่งตั้งศาสตราจารย์ประจำและศาสตราจารย์พิเศษ
  2. "ศาสตราจารย์พิเศษ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์" (PDF). คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 2016-03-04. สืบค้นเมื่อ 2012-12-12.
  3. ราชกิจจานุเบกษา, แจ้งความสำนักคณะรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์, เล่ม ๗๔ ตอนที่ ๖ ง ฉบับพิเศษ หน้า ๓๕, ๑๒ มกราคม ๒๕๐๐
  4. ราชกิจจานุเบกษา, แจ้งความสำนักคณะรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์, เล่ม ๗๒ ตอนที่ ๙๕ ง หน้า ๓๐๔๒ ง หน้า ๓๐๔๒, ๑๓ ธันวาคม ๒๔๙๘
  5. ราชกิจจานุเบกษา, แจ้งความสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ เก็บถาวร 2009-02-25 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน, เล่ม ๘๔ ตอนที่ ๔๑ ง ฉบับพิเศษ หน้า ๒๒, ๑๐ พฤษภาคม ๒๕๑๐
  6. ราชกิจจานุเบกษา, แจ้งความสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่องพระราชทานเหรียญดุษฎีมาลา เข็มศิลปวิทยา เก็บถาวร 2016-03-04 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน, เล่ม ๗๐ ตอนที่ ๑๔ ง หน้า ๖๙๑, ๑๗ กุมภาพันธ์ ๒๔๙๖
  7. ราชกิจจานุเบกษา, แจ้งความสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่องพระราชทานเหรียญช่วยราชการภายใน, เล่ม ๖๐ ตอนที่ ๔๒ ง หน้า ๒๕๐๗, ๑๐ สิงหาคม ๒๔๘๖
  8. ราชกิจจานุเบกษา, แจ้งความสำนักคณะรัฐมนตรี เรื่องพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์, เล่ม ๗๒ ตอนที่ ๙๙ ง ฉบับพิเศษ หน้า ๓๙๖, ๒๙ ธันวาคม ๒๔๙๘
  9. ราชกิจจานุเบกษา, แจ้งความสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่องพระราชทานพระบรมราชานุญาตประดับเครื่องราชอิสริยาภรณ์ต่างประเทศ, เล่ม ๘๔ ตอนที่ ๑๓ ง หน้า ๕๑๑, ๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๑๐

ดูเพิ่ม[แก้]