หม่อมเจ้าวงษ์มหิป ชยางกูร

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
หม่อมเจ้าวงษ์มหิป ชยางกูร
หม่อมเจ้า ชั้น 4
ประสูติ19 เมษายน พ.ศ. 2452
สิ้นชีพตักษัย19 สิงหาคม พ.ศ. 2530 (78 ปี)
หม่อมหม่อมแมรี ชยางกูร ณ อยุธยา
หม่อมละไม ชยางกูร ณ อยุธยา
พระบุตร2 คน
ราชสกุลชยางกูร
ราชวงศ์จักรี
พระบิดาพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหมื่นพงษาดิศรมหิป
พระมารดาหม่อมถม ชยางกูร ณ อยุธยา

หม่อมเจ้าวงษ์มหิป ชยางกูร (19 เมษายน พ.ศ. 2452 - 19 สิงหาคม พ.ศ. 2530) อดีตเอกอัครราชทูตไทยประจำประเทศเนเธอร์แลนด์ สาธารณรัฐฟิลิปปินส์ และรักษาการผู้อำนวยการโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา เป็นพระโอรสในพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหมื่นพงษาดิศรมหิป ประสูติแต่หม่อมถม

พระประวัติ[แก้]

หม่อมเจ้าวงษ์มหิป ชยางกูร คนส่วนมากมักจะเรียกท่านว่า "ท่านวงษ์" เป็นพระโอรสในพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหมื่นพงษาดิศรมหิป ประสูติแต่หม่อมถม เมื่อวันที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2452 ในปลายรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว มีโสทรภราดาและโสทรภคินี 4 องค์ ดังนี้

  • ประไพพงศ์ ศิริเวทิน
  • หม่อมเจ้าทิพย์ลักษณ์สุดา ชยางกูร
  • หม่อมเจ้าโสภาเพียงจันทร์ จันทรทัต
  • หม่อมเจ้าสรรพไชยา ชยางกูร

หม่อมเจ้าวงษ์มหิปเสกสมรสกับหม่อมแมรี่ ชยางกูร ณ อยุธยา มีโอรส 2 คน คือ

  1. หม่อมราชวงศ์อรรควงษ์ เอกเซล ชยางกูร
  2. หม่อมราชวงศ์พงษ์ชัย แพทริก ชยางกูร

และเสกสมรสอีกครั้งกับหม่อมละไม ชยางกูร ณ อยุธยา (สกุลเดิม จันทร์งาม) โดยพระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาชัยนาทนเรนทร เสด็จแทนพระองค์ไปพระราชทานน้ำสังข์ และเงินทำขวัญเนื่องในการเสกสมรส เมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2493[1]

หม่อมเจ้าวงษ์มหิปมีบทบาทสำคัญในการเป็นตัวแทนฝ่ายไทยในการขึ้นศาลโลกในคดีเขาพระวิหาร

หม่อมหลวงปิ่น มาลากุลได้กล่าวถึงหม่อมเจ้าวงษ์มหิป ในจดหมายการลาออกจากการเป็นผู้อำนวยการโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา ที่ยื่นแก่จอมพลแปลก พิบูลสงคราม เมื่อราวเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2487 ดังนี้

ตามที่ได้มาเรียนปติบัติข้อราชการนะโรงเรียนลูกกำพร้าสงครามเมื่อวันที่ ๓ กรกฎาคม ศกนี้ และพนะท่านได้แสดความเห็นใจว่า ในตำแหน่งอธิบดีกรมสามัญสึกสา ย่อมมีงานที่จะต้องปติบัติอยู่มากแล้ว ให้หาคนแทนในตำแหน่งผู้อำนวยการโรงเรียนเตรียมอุดมสึกสานั้น นับว่าเป็นความกรุณาของพนะท่านเป็นอย่างยิ่ง จึงขอเชื่อและปติบัติตามคำแนะนำของพนะท่านด้วยความเคารพอย่างสูงสุด

ในโอกาสนี้ขอประทานกราบเรียนว่า นับตั้งแต่ พนะท่านได้เรียกไปกะซวงกลาโหม เมื่อวันที่ ๖ มกราคม ๒๔๘๐ เพื่อชี้แจงนโยบาย และมอบหมายให้จัดตั้งโรงเรียนเตรียมอุดมสึกสาเป็นต้นมา ก็ได้ตั้งใจ ปติบัติงานอย่างเต็มสติกำลัง และพยายามรักสานโยบายของพนะท่านไว้เป็นนิจ จำนวนนักเรียนทวีขึ้นจาก ๓๕๐ คน ในปีแรก จนถึง ๓,๕๐๐ คนในปัจจุบัน การงานมิได้มีติดขัดประการได จนกระทั่งประเทศเข้าสู่ภาวะสงคราม ซึ่งย่อมมีอุปสรรคเป็นธรรมดา แต่ก็แก้ไขให้ลุล่วงไปได้ ภายใต้การบังคับบัญชาสูงสุดของพนะท่าน และพนะท่านรองอธิการบดี

การเปลี่ยนแปลงตัวผู้อำนวยการนั้น ขอประทานกราบเรียนว่ารู้สึกเป็นห่วงหยู่ไม่น้อย แต่หม่อมเจ้าวงษ์มหิป ชยางกูร ก็เป็นผู้ที่มีความสามารถในการสั่งสอนอบรมนักเรียนเป็นอย่างดี และเป็นอาจารย์ที่ได้หยู่ช่วยเหลือผู้อำนวยการมาเป็นอันมาก ตั้งแต่เริ่มจัดตั้งโรงเรียน จึงเป็นการเหมาะสมที่จะตั้งเป็นผู้อำนวยการต่อไป ดีกว่าเลือกบุคคลซึ่งยังไม่เคยร่วมงานนี้มาแต่ก่อน

ส่วนไนทางไจนั้น รู้สึกมีความอาลัยเป็นอย่างมากในการที่จะไปจากโรงเรียนเตรียมอุดมสึกสา เมื่อมาคำนึงว่า ตลอดเวลา ๖ ปีครึ่ง ที่ทำมานี้ มีตำแหน่งประจำอยู่ทางแผนกฝึกหัดครูคณะอักสรศาสตร์และวิทยาสาสตร์ในชั้นต้น และทางกรมสามัญสึกสาในเวลาต่อมา งานไนโรงเรียนเตรียมอุดมสึกสาเป็นงาน พิเสส ซึ่งมิได้มีตำแหน่งเงินเดือนหรือเงินเพิ่มพิเสสแต่อย่างใด แต่ก็ได้ทำมาด้วยความรักและการเสียสละไนทุกทาง เพราะเป็นงานชิ้นแรกที่พนะท่านมอบหมายให้ทำด้วยความไว้วางไจ และได้มีโอกาสสร้างครูอาจารย์ที่เข้มแข็งยิ่งขึ้นเป็นจำนวนร้อย และอบรมกล่อมเกลานักเรียนจำนวนพัน ซึ่งเชื่อว่าจะเป็นกำลังแก่ประเทศชาติไนภายหน้าได้ ก็บังเกิดความพากพูมไจและความสุขไจ ซึ่งเป็นรางวัลที่พนะท่านได้ให้มาในทางอ้อม… จึงค่อยปลดเปลื้องความอาลัยให้บรรเทาลงได้บ้าง

หม่อมเจ้าวงษ์มหิป ชยางกูร สิ้นชีพิตักษัยเมื่อวันที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2530 สิริชันษา 78 ปี พระราชทานเพลิงศพเมื่อวันที่ 29 สิงหาคม ปีเดียวกัน[2]

เครื่องราชอิสริยาภรณ์[แก้]

หม่อมเจ้าวงษ์มหิป ชยางกูร ทรงได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ทั้งไทยและต่างประเทศ ดังนี้

เครื่องราชอิสริยาภรณ์ไทย[แก้]

เครื่องราชอิสริยาภรณ์ต่างประเทศ[แก้]

พงศาวลี[แก้]

อ้างอิง[แก้]

  1. ราชกิจจานุเบกษา, ข่าวในพระราชสำนัก วันเสาร์ที่ ๑๑ พฤศจิกายน ๒๔๙๓ เล่ม 67 ตอนที่ 63 หน้า 5999 วันที่ 21 พฤศจิกายน 2493
  2. ราชกิจจานุเบกษา, ข่าวในพระราชสำนัก วันเสาร์ที่ ๒๙ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๓๐ เล่ม 104 ตอนที่ 176 หน้า 6279 วันที่ 3 กันยายน 2530
  3. ราชกิจจานุเบกษา, แจ้งความสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์, เล่ม ๘๕ ตอนที่ ๑๒๒ ง ฉบับพิเศษ หน้า ๒๘, ๓๑ ธันวาคม ๒๕๑๑
  4. ราชกิจจานุเบกษา, แจ้งความสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์, เล่ม ๘๒ ตอนที่ ๑๑๑ ง ฉบับพิเศษ หน้า ๑๘, ๒๓ ธันวาคม ๒๕๐๘
  5. ราชกิจจานุเบกษา, แจ้งความสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์จุลจอมเกล้า, เล่ม ๘๘ ตอนที่ ๔๙ ง ฉบับพิเศษ หน้า ๑๘, ๑๓ พฤษภาคม ๒๖๑๔
  6. ราชกิจจานุเบกษา, แจ้งความสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานเหรียญจักรมาลาและเหรียญจักรพรรดิมาลา, เล่ม ๘๐ ตอนที่ ๑๒๒ ง ฉบับพิเศษ หน้า ๖๔๕, ๒๗ ธันวาคม ๒๕๐๖
  7. ราชกิจจานุเบกษา, แจ้งความสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานเหรียญรัตนาภรณ์, เล่ม ๗๘ ตอนที่ ๑๗ ง หน้า ๔๕๑, ๒๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๐๔
  8. ราชกิจจานุเบกษา, แจ้งความสำนักคณะรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานพระบรมราชานุญาตประดับเครื่องราชอิสริยาภรณ์ต่างประเทศ, เล่ม ๗๓ ตอนที่ ๔๒ ง หน้า ๑๔๑๖, ๒๒ พฤษภาคม ๒๔๙๙
  9. 9.0 9.1 ราชกิจจานุเบกษา, แจ้งความสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานพระบรมราชานุญาตประดับเครื่องอิสริยาภรณ์ต่างประเทศ, เล่ม ๗๘ ตอนที่ ๕๘ ง หน้า ๑๖๙๑, ๑๘ กรกฎาคม ๒๕๐๔
  10. ราชกิจจานุเบกษา, แจ้งความสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานพระบรมราชานุญาตประดับเครื่องราชอิสริยาภรณ์ต่างประเทศ, เล่ม ๗๘ ตอนที่ ๕๖ ง หน้า ๑๕๗๒, ๔ กรกฎาคม ๒๕๐๔
  11. ราชกิจจานุเบกษา, แจ้งความสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานพระบรมราชานุญาตประดับเครื่องราชอิสริยาภรณ์ต่างประเทศ, เล่ม ๘๑ ตอนที่ ๘๘ ง หน้า ๒๓๙๓, ๑๕ กันยายน ๒๕๐๗

แหล่งข้อมูลอื่น[แก้]