สะพานสองหอ

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี

สะพานสองหอ เป็นสะพานรถไฟ 1 ใน 3 แห่งที่สร้างขึ้นเพื่อให้รถไฟข้ามหุบเขาระหว่างจังหวัดลำปาง กับจังหวัดลำพูน อยู่ในเส้นทางรถไฟสายเหนือ ระหว่างสถานีรถไฟแม่ตานน้อย และสถานีรถไฟขุนตาน บริเวณกิโลเมตรที่ 678.724 เหตุที่เรียกว่า "สะพานสองหอ" เนื่องจากสะพานตั้งอยู่บนหอสูง 2 หอ แต่ปัจจุบันมีการเสริมหอเพื่อรองรับน้ำหนักเพิ่มขึ้นเป็น 3 หอ[1]

ตัวสะพาน[แก้]

สะพานสองหอ แนวทางอยู่ในทางตรง มีความลาดชัน 25 ใน 1,000 เป็นสะพานเหล็กขนาด 30.00 + 60.00 + 30.00 เมตร เป็นสะพานแบบเดียวกับสะพานสามหอ เพียงแต่ไม่มีสะพานเหล็กช่วง 22.00 เมตร และตั้งอยู่บนหอเหล็กรวม 2 หอ สร้างเมื่อปี พ.ศ. 2458 พร้อมกันกับสะพานสามหอ (ยังใช้งานอยู่) และสะพานห้าหอ (เลิกใช้งานไปแล้วเมื่อปี พ.ศ. 2510)

การซ่อมแซมในปี พ.ศ. 2508 - พ.ศ. 2510[แก้]

สะพานสองหอ ได้ใช้งานมานานกว่า 50 ปี และต่อมาน้ำหนักกดเพลาของรถจักรก็เพิ่มขึ้น ซึ่งแต่เดิมออกแบบให้รับน้ำหนักกดเพลาเพียง 10.5 ตันต่อหน่วยต่อเพลา แต่พอเมื่อได้เพิ่มน้ำหนักเพลาเป็น 15 ตันต่อหน่วยต่อเพลา จึงมีการพิจารณาตรวจสอบสะพานทั้ง 3 แห่ง (สะพานสองหอ สะพานสามหอ สะพานห้าหอ) ปรากฏว่าอยู่ในสภาพที่ไม่น่าจะปลอดภัยนัก ตัวสะพานเหล็กมีอาการล้าตัวและอ่อนตัว การพิจารณาเกี่ยวกับสะพานสูงทั้ง 3 แห่งนี้ ได้ถูกหยิบยกขึ้นมาพิจารณาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2496 ได้มีการพิจารณากันหลายครั้งและนำวิธีการต่าง ๆ มาเปรียบเทียบเพื่อให้การปรับปรุงสะพานทั้ง 3 แห่งเป็นไปโดยความเหมาะสมและประหยัด โดยการช่วยเหลือจากการรถไฟแห่งชาติญี่ปุ่น เมื่อได้หยิบยกวิธีการต่าง ๆ มาพิจารณาทั้งข้อดีและข้อเสียแล้ว จึงได้ตกลงเลือกสร้างและปรับปรุงสะพานทั้ง 3 แห่ง ในปี พ.ศ. 2508 และแล้วเสร็จในปี พ.ศ. 2510

สะพานสองหอ ตัวเหล็กโครงสะพานทั่วไปอยู่ในสภาพดี จุดอ่อนแออยู่ที่ปลายโครงเหล็กยื่น ที่ช่องกลางมีอาการอ่อนตัวมาก จึงได้พิจารณาเพื่อเสริมกำลังความแข็งแกร่งของสะพานนี้ โดยวิธีตั้งเสาหอเหล็กขึ้นใหม่ที่กึ่งกลางสะพาน ขึ้นไปรับปลายโครงการสะพานยื่นที่ช่องกลางทำการเสริมตัวโครงสะพานเหล็กโดยเพิ่มเนื้อที่หน้าตัดให้มีความแข็งแรงขึ้น ค่าบูรณะปรับปรุงเสริมกำลังความแข็งแรงของสะพานสองหอ และสะพานสามหอ รวมเป็นเงิน 6,290,000 บาท

สถานที่ใกล้เคียง[แก้]

อ้างอิง[แก้]

  1. "การสร้างสะพานหอสูง 3 แห่งในภาคเหนือ". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2016-03-05. สืบค้นเมื่อ 2009-10-08.