วีระพล นครหลวงโปรโมชั่น

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
วีระพล นครหลวงโปรโมชั่น
ชื่อจริงธีระพล สำราญกลาง
ฉายาพยัคฆ์หน้าขรึม
Deathmask (ภาษาอังกฤษ)
รุ่นซูเปอร์ฟลายเวท
แบนตัมเวท
เกิด16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2511 (55 ปี)
จังหวัดสระบุรี
ชกทั้งหมด72
ชนะ66
ชนะน็อก46
แพ้4 ( แพ้น็อก 3 )
เสมอ2
ผู้จัดการสุชาติ พิสิฐวุฒินันท์
ค่ายมวยนครหลวงโปรโมชั่น
เทรนเนอร์มนต์สวรรค์ แหลมฟ้าผ่า
โชคชัย พิสิฐวุฒินันท์
สุเทพ ณ นคร
ไฟล์:Tatuyosiuxiraponn.jpg
ชนะน็อก โจอิจิโร ทัตสึโยชิ ในการพบกันครั้งที่สอง

วีระพล นครหลวงโปรโมชั่น มีชื่อจริงว่า ธีระพล สำราญกลาง เกิดเมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2511 ที่อำเภอแก่งคอย จังหวัดสระบุรี เป็นบุตรของนายแก่เฮง และนางลม สำราญกลาง ต่อมาครอบครัวได้ย้ายมาอยู่ที่จังหวัดนครราชสีมา

ยอดมวยไทย[แก้]

วีระพลเคยชกมวยไทยมาก่อนอย่างโชกโชน เป็นมวยฝีมือดี ในชื่อ "วีระพล สหพรหม" ประสบความสำเร็จอย่างมาก เคยเป็นแชมป์มวยไทย 3 รุ่นของเวทีราชดำเนิน เคยผลัดแพ้-ชนะในแบบน็อก กับ "แซมซั่น" แสนเมืองน้อย ลูกเจ้าพ่อมเหศักดิ์ (ซึ่งต่อมากลายมาเป็นแชมป์โลกของสหพันธ์มวยโลก (WBF) ในรุ่นจูเนียร์แบนตัมเวท ที่ป้องกันตำแหน่งไว้ได้มากถึง 38 ครั้ง) โดยเป็นการแพ้น็อกครั้งแรกในการชกมวยไทยของแสนเมืองน้อยด้วย[1] รวมถึงเคยเป็นนักมวยไทยยอดเยี่ยมของเวทีราชดำเนิน ในปี พ.ศ. 2536 เมื่อหาคู่ชกในแบบมวยไทยไม่ได้แล้ว "เสี่ยฮุย" สุชาติ พิสิฐวุฒินันท์ จึงได้ซื้อตัววีระพลต่อมาจาก "อั้งม้อ" ชูเจริญ ระวีอร่ามวงศ์ ผู้จัดการคนเดิม เพื่อสร้างสรรค์ในแบบมวยสากลอาชีพ โดยตั้งเป้าไว้ที่เป็นแชมป์โลก

ชก 4 ครั้งเป็นแชมป์โลก[แก้]

วีระพลชกมวยสากลครั้งแรก ก็ได้ชิงแชมป์เลย โดยชิงแชมป์เงาของสภามวยโลก (WBC) รุ่นจูเนียร์​แบนตัมเวท​ กับโจเอล จูนิโอ นักมวยชาวฟิลิปปินส์ โดยชนะน็อกในยกที่ 3 ไป จากนั้นวีระพล อุ่นเครื่องอีก 3 ครั้ง ก็ได้ชิงแชมป์โลกของจริงกับนักมวยไทยด้วยกันเอง คือ ดาวรุ่ง ชูวัฒนะ นับเป็นศึกสายเลือดอีกครั้ง โดยมีเดิมพันวางไว้สูงของผู้จัดการทั้งสองฝ่าย และศึกครั้งนี้ สุชาติ พิฐวุฒินันท์ เป็นผู้จัดเอง นอกจากนี้แล้ว ทั้งคู่เมื่อครั้งยังชกมวยไทย เคยมีผู้จัดการคนเดียวกัน คือ "อั้งม้อ" ชูเจริญ ระวีอร่ามวงศ์ จึงเสมือนเป็นศึกสายเลือดของนักมวยค่ายเดียวกันเองอีกด้วย ซึ่งผลการชก วีระพลเป็นฝ่ายใช้ลีลาหลอกล่อ ดักชกเอาชนะคะแนน 12 ยก ดาวรุ่งไป แม้ในยกที่ 2 จะถูกหมัดของดาวรุ่งชกเอาจนก้นเตี้ย แต่ก็ได้กลายเป็นแชมป์โลกของสมาคมมวยโลก (WBA) รุ่นแบนตัมเวท คนใหม่ และเป็น แชมป์โลกที่มีสถิติการชกมวยน้อยที่สุดเป็นอันดับสองของโลก คือ ชกเพียง 4 ครั้ง ก็ได้แชมป์โลกด้วย (อันดับหนึ่ง คือ แสนศักดิ์ เมืองสุรินทร์ และ วาซีล โลมาเชนโก ที่ชกเพียง 3 ครั้ง)

แชมป์โลกสมัยที่ 2[แก้]

แต่วีระพลป้องกันตำแหน่งครั้งแรกกับ นานา คอนาดู นักมวยรองแชมป์โลก WBA อันดับ 1 ชาวกานา ที่ จังหวัดกาญจนบุรี เมื่อเดือนมกราคม พ.ศ. 2539 วีระพลก็เสียตำแหน่งไปทันที โดยแพ้ทีเคโอ​ในยกที่ 2 เท่านั้น แต่กลุ่มผู้สนับสนุนคือ สุชาติ พิสิฐวุฒินันท์ ก็ไม่ละทิ้งความพยายาม โดยตั้งเป้าไว้ที่จะให้ชิงแชมป์โลกอีกครั้ง วีระพลจึงถูกสร้างสรรค์อีกครั้งอย่างเป็นขั้นเป็นตอน ขึ้นชกสม่ำเสมอสร้างประสบการณ์และความแข็งแกร่ง เมื่อ ศิริมงคล สิงห์มนัสศักดิ์ เสียตำแหน่งแชมป์โลกสภามวยโลก (WBC) แบนตัมเวท ให้แก่ โจอิจิโร ทัตสึโยชิ นักมวยชาวญี่ปุ่นไป วีระพลจึงมีโอกาสขึ้นชิงแชมป์อีกครั้งในฐานะรองแชมป์โลก WBC อันดับ 5 โดยที่วีระพลเดินทางไปชกถึงประเทศญี่ปุ่น และก็สามารถเอาชนะทีเคโอ โจอิจิโร ทัตสึโยชิ ไปได้ในยกที่ 6 อย่างงดงาม เป็นที่น่าประทับใจ

ซึ่งในการชกครั้งนี้ วีระพลยังต้องเจอกับความชุลมุนจากบรรดาแฟน ๆ ของทัตสึโยชิที่เข้ามารุมทำร้ายด้วย เมื่อวีระพลและคณะได้เดินจากห้องพักถึงเวที และเมื่อชกเสร็จแล้วก็ยังต้องรออีกกว่า 30 นาที จึงจะลงจากเวทีได้ [2]

หลังจากนั้นวีระพลได้ชกป้องกันตำแหน่งอีกหลายหลายครั้ง ทั้งในและนอกประเทศ นับ 10 กว่าครั้ง เป็นขวัญใจของแฟนมวย ได้รับรางวัลนักกีฬายอดเยี่ยมของชาติ หลายต่อหลายครั้ง แต่ในการป้องกันตำแหน่งครั้งที่ 15 กับ โฮซูมิ ฮาเซงาวะ นักมวยรองแชมป์โลก WBC อันดับ 4 ชาวญี่ปุ่น วีระพลกลับเป็นฝ่ายแพ้คะแนนเสียแชมป์ไปอย่างสูสี และเมื่อได้มีการแก้มือกันอีกครั้ง ผลการชกก็ออกมาเป็นว่า วีระพลเป็นฝ่ายแพ้ทีเคโอไปในยกที่ 9 อีก แต่ วีระพลและกลุ่มผู้สนับสนุนก็ยังไม่ละความพยายาม ยังคงสนับสนุนวีระพลต่อไป โดยหวังว่าจะกลับมาเป็นแชมป์อีกครั้ง ในสมัยที่ 3

ท้ายที่สุดในวันที่ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2551 วีระพลขึ้นชกตัดเชือกเพื่อไปหาผู้ชนะไปชิงแชมป์โลก โดยพบกับ แชมป์อินเตอร์เนชันแนล (แชมป์เงา WBC)​ วูซี มาลิงกา ชาวแอฟริกาใต้ที่ จังหวัดนนทบุรี ปรากฏว่า วีระพล สู้สังขารและสภาพร่างกายไม่ไหว เป็นฝ่ายแพ้ทีเคโอในยกที่ 4 เท่านั้น โดยในปลายยกที่ 3 วีระพลถูกหมัดรัวชุดของมาลิงกา จนลงไปกองนับแปดก่อนระฆังจะช่วยหมดยกพอดี ขึ้นยกที่ 4 วีระพลยังถูกหมัดฮุกรัวเป็นชุดของมาลิงกา จนกรรมการบนเวทีเห็นว่าวีระพลหมดทางสู้ จึงยุติการชกไปเพียงแค่ยกที่ 4 เท่านั้น ทำให้หลังจากไฟต์นี้ ความหวังในการขึ้นชิงแชมป์โลกอีกครั้งของวีระพลต้องดับวูบลงไป แต่หลังจากนี้วีระพลก็ยังคงชกเคลื่อนไหวอีกเป็นระยะ ๆ พร้อมกับเป็นเทรนเนอร์ให้กับ นภาพล เกียรติศักดิ์โชคชัย นักมวยในสังกัดเดียวกันเมื่อครั้งขึ้นชิงแชมป์โลก WBC รุ่นซูเปอร์แบนตัมเวท กับ โทชิอากิ นิชิโอกะ ด้วย ด้วยเห็นว่าวีระพลเคยชกกับนิชิโอกะมาแล้วถึง 4 ครั้งด้วยกัน ก่อนที่จะแขวนนวมไปในที่สุด

วีระพลเป็นคนมีหน้าตาเคร่งขรึม จึงได้รับฉายาว่า "พยัคฆ์หน้าขรึม"

ในช่วงเดือนกันยายน พ.ศ. 2560 มีกระแสข่าวว่าวีระพลเตรียมจะขึ้นชกมวยไทยกับแสนเมืองน้อย ลูกเจ้าพ่อมเหศักดิ์ อดีตนักมวยไทยชื่อดังและอดีตแชมป์โลกของสหพันธ์มวยโลก (WBF) ในรุ่นจูเนียร์แบนตัมเวท ซึ่งแรกๆวีระพลขอปรึกษากับทางครอบครัวก่อนว่าจะให้ชกหรือไม่ [3] ต่อมา นายณัฐเดช วชิรรัตนวงศ์ โปรโมเตอร์ศึกเพชรยินดี ได้ประกาศว่า มวยคู่นี้จะขึ้นชกกันในวันที่ 27 ธันวาคม พ.ศ. 2560 ในรายการศึกเพชรยินดี ที่เวทีราชดำเนิน [4]โดยผลการชกเป็น แสนเมืองน้อย ลูกเจ้าพ่อมเหศักดิ์ เป็นฝ่ายเอาชนะคะแนนไปอย่างขาดลอย โดยไม่มีการถ่ายทอดสดทางโทรทัศน์ แต่มีการนำเทปบันทึกภาพมาออกอากาศทางช่องโทรทัศน์ดาวเทียมหลังการชกไม่กี่ชั่วโมง เช่นเดียวกับมวยไทยเวทีมาตรฐานตามปกติ

ชีวิตส่วนตัว[แก้]

วีระพลปัจจุบันสมรสแล้ว มีลูกชายหนึ่งคน และลูกสาวหนึ่งคน หลังจากแขวนนวมแล้ว วีระพลได้เปิดกิจการร้านอาหารที่อำเภอเมืองชัยภูมิ จังหวัดชัยภูมิ ชื่อ "ร้านแชมป์โลก" โดยเป็นผู้ปรุงอาหารเอง[1]

เกียรติประวัติ[แก้]

อ้างอิง[แก้]

  1. 1.0 1.1 เจาะชีวิต "วีระพล นครหลวงโปรโมชั่น". MuaythaiDaily. 15 May 2014. สืบค้นเมื่อ 28 February 2015.
  2. ชัยชนะสุดสะใจบนแผ่นดินซามูไร "ผมทำได้แล้ว !!" โดย นิพนธ์ ขาวอุบล, หน้า 8-9-10-11 มวยโลก: ปีที่ 8 ฉบับที่ 751 ประจำวันที่ 27 มกราคม-2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2542
  3. คอมวยลุ้น!"วีระพล"คุยครอบครัวชกย้อนยุค"แซมซั่น"
  4. ลงตัวแล้ว!มวยย้อนยุคแซมซั่น-วีระพล 27ธ.ค.นี้

แหล่งข้อมูลอื่น[แก้]