วัดโพธิ์ธาตุ
บทความนี้ต้องการการจัดหน้า จัดหมวดหมู่ ใส่ลิงก์ภายใน หรือเก็บกวาดเนื้อหา ให้มีคุณภาพดีขึ้น คุณสามารถปรับปรุงแก้ไขบทความนี้ได้ และนำป้ายออก พิจารณาใช้ป้ายข้อความอื่นเพื่อชี้ชัดข้อบกพร่อง |
บทความนี้ไม่มีการอ้างอิงจากแหล่งที่มาใด |
วัดโพธิ์ธาตุ | |
---|---|
วัดโพธิ์ธาตุ | |
ชื่อสามัญ | วัดโพธิ์ธาตุ |
ที่ตั้ง | บ้านชุมแพ ตำบลชุมแพ อำเภอชุมแพ จังหวัดขอนแก่น 40130 |
นิกาย | มหานิกาย เถรวาท |
เจ้าอาวาส | พระครูจารุวรรณสาร จารุวณฺโณ |
จุดสนใจ | สักการะเจดีย์โพธิ์ธาตุและเจดีย์ญาคูหงส์ |
กิจกรรม | วัดในพระพุทธศาสนาที่มีกิจกรรมเชิงพุทธตลอดปี |
ส่วนหนึ่งของสารานุกรมพระพุทธศาสนา |
วัดโพธิ์ธาตุ ตั้งอยู่ที่ บ้านชุมแพ หมุ่ที่ 10 ตำบลชุมแพ อำเภอชุมแพ จังหวัดขอนแก่น สังกัดคณะสงฆ์ มหานิกาย ที่ดินตั้งวัดมีเนื้อที่ 6 ไร่ 68 ตารางวา น.ส. 3 ก. เลขที่ 560 อาณาเขตทิศเหนือประมาณ 3 เส้น 1 วา 3 ศอก จดถนนดอนกู่ ทิศใต้ประมาณ 3 เส้น จดถนนเพียแก้ว ทิศตะวันออกประมาณ 1 เส้น 17 วา 2 ศอก จดถนนราษฎร์บำรุง ทิศตะวันตกประมาณ 2 เส้น 3 วา จดถนนโพธิ์ธาตุ ก่อตั้งวัดเมื่อ วันที่ 12 มีนาคม พ.ศ 2221 อ้างอิงจาก หลักฐานทางราชการ ทะเบียนวัดภาค 9 กรมการศาสนา ทะเบียนวัดของอำเภอชุมแพ มีที่ธรณีสงฆ์จำนวน 3 แปลง เนื้อที่ 25 ไร่ 2 งาน 74 ตารางวา น.ส. 3 เลขที่ 560 โฉนดที่ดิน เลขที่ 967 และ ส.ค. 1 เลขที่ 154
อาคารเสนาสนะประกอบด้วย อุโบสถ กว้าง 8.20 เมตร ยาว 23.10 เมตร เป็นอาคารคอนกรีตเสริมเหล็ก สร้างเมื่อ พ.ศ 2519 ศาลากาญจนาภิเษก เป็นอาคารคอนกรีตเสริมเหล็ก 2 ชั้น สร้างเมื่อ พ.ศ 2539 ศาลาการเปรียญ กว้าง 30.00 เมตร ยาว 40.00 เมตร สร้างเมื่อ พ.ศ 2503 หอระฆังขนาดใหญ่ สร้างด้วยคอนกรีตเสริมเหล็ก 1 หลัง กุฎิพระภิษษุสงฆ์และสามเณร จำนวน 6 หลัง และ ศาลาบำเพ็ญกุศลจำนวน 2 หลัง สร้างด้วยคอนกรีตเสริมเหล็ก ปูชนียวัตถุมีพระประธานในพระอุโบสถหล่อด้วยทองคำแท้ ขนาดหน้าตักกว้าง 1.50 เมตร สูง 2 เมตร ปางมารวิชัย ศิลปะแบบสุโขทัย พระพุทธรูปโบราณ พระนาคปรก 2 องค์ พระพุทธรูป นามว่า หลวงพ่อโพธิ์ธาตุ และ มีเจดีย์ 2 องค์ ได้รับการบูรณะปฏิสังขรณ์แล้ว 1 องค์ คือ เจดีย์โพธิ์ธาตุ โดยบนเจดีย์มีพระพุทธรูปโบราณประจำวัดประดิษฐาน เดิมเป็นธาตุเจดีย์ที่ก่อด้วยหินทรายที่ได้รับอิทธิพลศิลปะล้านช้างแบบเดียวกันกับเจดีย์วัดธาตุบ้านแห่ มีลักษณะเป็นเจดีย์ทรงปราสาทขนาดเล็ก ยอดเป็นเจดีย์เหลี่ยมย่อมุม รูปฐานเป็น 4 เหลี่ยม และมีช่องอยู่บนธาตุทั้งหมด 4 ทิศ ต่อมาได้รับการบูรณะปฏิสังขรป์ในปีพุทธศักราช 2528 สมัยพระครูวิบูลสารนิวิฐ (เจ้าอาวาสวัดโพธิ์ธาตุรูปที่ 17) โดยใช้ศิลปะท้องถิ่นแบบผสมผสานล้านช้าง-รัตนโกสินทร์ โทนสีขาว-ทอง และได้นำพระพุทธรูปไปประดิษฐานที่ช่องทั้ง 4 ทิศ ทิศตะวันออกและทิศใต้ ประดิษฐานพระพุทธรูปโบราณปรางนาคปรก ทางทิศเหนือประดิษฐานพระพุทธรูปปรางประทานพรและทางทิศตะวันตกประดิษฐานพระพุทธรูปปรางมารวิชัย และ เจดีย์ที่ยังไม่ได้รับการบูรณะ 1 องค์ คือ เจดีย์ธาตุญาณคูหงส์ ซึ่งปัจจุบันเป็นโบราณสถานที่มีต้นไม้ ได้แก่ ต้นตะโก ต้นมะเกลือ ต้นแจ้ง ขึ้นคลุมเจดีย์ ซึ่งเป็นที่เคารพสักการะของชาวเมืองชุมแพ โดยวัดโพธิ์ธาตุมีความสัมพันธ์กับประวัติศาสตร์ท้องถิ่นชุมชนเมืองชุมแพ ตั้งแต่ยุคแรกเริ่มยุคบุกเบิก โดยเป็นวัดเก่าแก่และวัดประจำอำเภอชุมแพ
ศาสนสถาน[แก้]
- อุโบสถ ความกว้าง 8.20 เมตร ความยาว 23.10 เมตร ความสูง 24 เมตร 10 หน้าต่าง 4 ประตู สร้างตามแบบแปลนของกรมศิลปากร แบบ ก เป็นอาคารคอนกรีตเสริมเหล็กขนาดใหญ่ สร้างเมื่อวันที่ 5 กันยายน พ.ศ 2519 ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา โดย พลเอกประจวบ สุนทรางกูล เป็นผู้รับสนองพระราชโองการขณะนั้นและประกาศของสำนักงานนายกรัฐมนตรี ลงวันที่ 19 สิงหาคม พ.ศ 2526 ในการก่อสร้าง พลเอกเกรียงศักดิ์ ชมนันท์ ซึ่งเป็นนายกรัฐมนตรี ในขณะนั้นเป็นประธานในพิธียกช่อฟ้าและร่วมทำบุญโดยการถวายเงินส่วนตัว จำนวน 100,000 บาท(หนึ่งแสนบาทถ้วน) ส.ส.แถม ดีบุญมี ณ ชุมแพ ร่วมทำบุญโดยถวายเงินส่วนตัว 100,000 บาท(หนึ่งแสนบาทถ้วน) ส.ส.สมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ร่วมทำบุญโดยถวายเงินส่วนตัวจำนวน60,000 บาท(หกหมื่นบาทด้วน)และเงินบริจาคของชาวชุมแพ ใช้ในการก่อสร้างทั้งสิ้น 7,000,000 บาทเศษ สร้างเสร็จมีการเฉลิมฉลองสมโภช 9 วัน 9 คืน คือ วันที่ 11-19 มีนาคม พ.ศ 2532 ภายในอุโบสถมีพระประธาน หล่อด้วยทองคำแท้ ขนาดหน้าตักกว้าง 1.50 เมตร สูง 2 เมตร ปางมารวิชัย ศิลปะแบบสุโขทัย
- ศาลากาญจนาภิเษก ตามแบบของกรมศิลปากร เป็นอาคารเสริมเหล็ก 2 ชั้น สร้างเมื่อที่ 4 มีนาคม พ.ศ 2539 วางศิลาฤกษ์ โดย พระราชวิทยาคม(คูณ ปริสุทฺโธ) งบประมาณในการก่อสร้าง รวมเป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 5,762,049.75 บาท(ห้าล้านเจ็ดแสนหกหมื่นสองพันสี่สิบเก้าบาทเจ็ดสิบห้าสตางค์) ซึ่งเป็นเงินที่ได้จากการบริจาคทั้งสิ้น เมื่อสร้างเสร็จเฉลิมฉลองสมโภชเมื่อวันที่ 24-26 มีนาคม พ.ศ 2543 รวม 3 วัน 3 คืน ศาลากาญจนาภิเษกเป็นศาลาการเปรียญหลักที่ใช้ในการทำสังฆกรรมในหลายพิธีการของวัดโพธิ์ธาตุ โดยใช้งานชั้นใต้ถุน(ชั้นที่ 1) เนื่องจากชั้นที่ 2 มีบรรไดขึ้นไปสูงชัน ทำให้พระภิษษุสงฆ์อุบาสกอุบาสิกาผู้สูงอายุขึ้นลงลำบากไม่สะดวกนัก จึงได้ย้ายลงมาทำชั้นล่าง ชั้นบนประดิษฐานพระประธาน ขนาดหน้าตักกว้าง 1.50 เมตร สูง 2 เมตร ปางพระพุทธชินราช
- เจดีย์โพธิ์ธาตุ เดิมเป็นธาตุเจดีย์ที่ก่อด้วยหินทรายที่ได้รับอิทธิพลศิลปะล้านช้างแบบเดียวกันกับเจดีย์วัดธาตุบ้านแห่ มีลักษณะเป็นเจดีย์ทรงปราสาทขนาดเล็ก ยอดเป็นเจดีย์เหลี่ยมย่อมุม รูปฐานเป็น 4 เหลี่ยม และมีช่องอยู่บนธาตุทั้งหมด 4 ทิศ ต่อมาได้รับการบูรณะปฏิสังขรป์ในปีพุทธศักราช ๒๕๒๘ สมัยพระครูวิบูลสารนิวิฐ (เจ้าอาวาสวัดโพธิ์ธาตุรูปที่ 17) โดยใช้ศิลปะท้องถิ่นแบบผสมผสานล้านช้าง-รัตนโกสินทร์ โทนสีขาว-ทอง และได้นำพระพุทธรูปไปประดิษฐานที่ช่องทั้ง 4 ทิศ ทิศตะวันออกและทิศใต้ ประดิษฐานพระพุทธรูปโบราณปรางนาคปรก ทางทิศเหนือประดิษฐานพระพุทธรูปปรางประทานพรและทางทิศตะวันตกประดิษฐานพระพุทธรูปปรางมารวิชัย
- โบราณสถานเจดีย์ญาคูหงส์ สันนิฐานว่าเป็นธาตุเก็บอัฐิของ พระญาคูหงส์ หงฺสเตโช ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกของอุโบสถ มีลักษณะเป็นซากโบราณสถานขนาดเล็กก่ออิฐ ปัจจุบันมีจอมปลวกและต้นไม้ 3 ต้นห่อหุ้มไว้ คือ ต้นตะโก ต้นมะเกลือ และต้นแจ้ง มองเห็นอิฐถือปูนบางส่วน รอบต้นไม้และธาตุมีการก่อรั้วอิฐมอญล้อมรอบไว้ ภายในรั้วอิฐรอบธาตุมีหลักฐานทางโบราณคดีที่สำคัญ ได้แก่ เสมาหินทราย 3 ใบ ใบหนึ่งเป็นเสมายอดสามเหลี่ยม มีสันนูนสูงแนวตั้งตรงกลางแผ่น อีกใบหนึ่งเป็นชิ้นส่วนเสมาครึ่งใบ นอกจากนี้ยังมีก้อนหินทรงรีและพระพุทธรูปที่สลักจากหินทราย 2 องค์ รวมทั้งชิ้นส่วนสิ่งก่อสร้างต่างๆที่สร้างขึ้นในสมัยหลัง มีพระพุทธรูป 3 องค์จากอุโบสถ(สิม) หลังเดิมที่ได้รื้อถอนไปแล้ว และ พระพุทธรูปองค์ใหญ่อีก 1 องค์ คือ พระพุทธรูปปรางมารวิชัย ที่ปัจจุบันประดิษฐานไว้ ณ หอพระโรงเรียนบ้านชุมแพ โบราณสถานเจดีย์ญาคูหงส์ได้รับการประกาศขึ้นทะเบียนโบราณสถานในราชกิจจานุเบกษาเรื่องการกำหนดจำนวนโบราณวัตถุสถานสำหรับชาติ เล่มที่ 57 หน้า 2527 วันที่ 22 ตุลาคม พุทธศักราช 2483
- ศาลอัฐิพระมงคลธรรมภาณี(ศรีรวย อุตฺตโม ป.ธ.๕)(พระครูวิบูลสารนิวิฐ) อดีตเจ้าอาวาสวัดโพธิ์ธาตุและอดีตที่ปรึกษาเจ้าคณะอำเภอสีชมพู สร้างขึ้นเพื่อประดิษฐานอัฐิ หุ่นขี้ผึ้ง พัดยศ สมณะศักดิ์ต่างๆหรือสิ่งของเครื่องใช้ของพระครูวิบูลสารนิวิฐ (อดีตเจ้าอาวาสวัดโพธิ์ธาตุและอดีตที่ปรึกษาเจ้าคณะอำเภอสีชมพู)
- กุฏิวิบูลรังสรรค์ ใช้เป็นกุฏิสำหรับเจ้าอาวาสวัด ลักษณะเป็นอาคารคอนกรีตเสริมเหล็ก 2 ชั้น พื้นปูด้วยหินอ่อนทั้ง 2 ชั้น หลังคาสามมุก ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกศาลากาญจนาภิเษก สร้างเมื่อวันที่ 30 กันยายน พ.ศ 2436 โดยใช้งบประมาณจากเงินบริจาคจำนวน 1,780,000 บาท(หนึ่งล้านเจ็ดแสนแปดหมื่นบาทถ้วน)
- ศาลาธรรมสังเวช หลังที่ 1 เป็นอาคารคอนกรีตเสริมเหล็กชั้นเดียว ใช้เป็นศาลาบำเพ็ญกุศล หรือ ศาลาพักศพ ตั้งอยู่บริเวณทางทิศใต้ของเมรุและทิศตะวันตกของโบราณสถานเจดีย์ญาคูหงส์ โดยเมื่อปี พ.ศ 2560 ได้ต่อเติมหลังคาสังกะสีเพิ่มยื่นออกมาข้างหน้าจนติดกับโบราณสถานเจดีย์ญาคูหงส์
- ศาลาธรรมสังเวช หลังที่ 2 เป็นอาคารคอนกรีตเสริมเหล็กชั้นเดียว ใช้เป็นศาลาศาลาบำเพ็ญกุศล หรือ ศาลาพักศพหลังที่ 2 ตั้งอยู่บริเวณทิศเหนือของโบราณสถานเจดีย์ญาคูหงส์ ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกของเมรุ บูรณะต่อเติมครั้งใหญ่เมื่อปี พ.ศ 2564
- ศาลาการเปรียญ ก่อสร้างเมื่อวันที่ 9 มกราคม พ.ศ 2539 เสาท่องล่างเป็นคอนกรีตเสาท่อนบนเป็นไม้ หลังคาทรงไทยมุงสังกะสี ความยาว 23.00 เมตร ความกว้าง 6.80 เมตร ชั้นบนมีทั้งหมด 7 ห้อง ตั้งอยู่บริเวณหลังเมรุและศาลาธรรมสังเวช
- หอระฆังใหญ่ เป็นหอระฆังแบบคอนกรีตเสริมเหล็กขนาดใหญ่ มีทั้งหมด 3 ชั้น ชั้นที่ 2-3 ติดตั้งระฆัง ชั้นที่ 1 มีกลองเพลน ฆ้อง และ โป่ง โดยหอระฆังตั้งอยู่บริเวณข้างกับศาลาเก็บของและกุฏิพระภิษษุสงฆ์
- กุฏิพระภิษษุสงฆ์และสามเณร จำนวน 6 หลัง
- ศาลานั่งพักทั่วไป จำนวน 7 หลัง
- ศาลาพักรถยนต์และรถจักรยานยนต์ จำนวน 2 หลัง
- เมรุ เป็นอาคารคอนกรีตเสริมเหล็ก สร้างเมื่อปี พ.ศ 2527 ใช้งบประมาณทั้งสิ้นจำนวน 100,000 บาทถ้วน(หนึ่งแสนบาทถ้วน) ตั้งอยู่ทิศเหนือวัดโพธิ์ธาตุติดกับศาลาธรรมสังเวช หลังที่ 1 และ หลังที่ 2
- ห้องครัวใหญ่ จำนวน 2 หลัง
- ห้องน้ำสำหรับปุถุชนอุบาสกอุบาสิกา จำนวน 3 แห่ง
- ลานกว้างอเนกประสงค์ จำนวน 1 แห่ง
- ประตูโขลงทั้งหมด 4 ทิศ ได้แก่ ประตูโขลงใหญ่ทางทิศตะวันออก มีรูปปั้นยักษ์ทศกัณฐ์และยักษ์อินทราชิตเฝ้าทั้ง 2 ฝั่งของประตู ประตูโขลงทางทิศเหนือ สร้างเมื่อปี พ.ศ 2536 ประตูโขลงทางทิศตะวันตก สร้างเมื่อปี พ.ศ 2534 ประตูโขงทางทิศใต้ สร้างเมื่อปี พ.ศ 2512 (แต่ปัจจุบันได้ทำกันแพงปิดกั้นไว้แล้ว) และ ประตูเล็ก 1 แห่ง ได้แก่ ทางทิศใต้ บริเวณด้านหลังศาลากาญจนาภิเษก จึงสรุปได้ว่ามีประตูที่สามารถเข้าออกได้ในปัจจุบันทั้งหมด 4 ประตู
ลำดับเจ้าอาวาส[แก้]
ลำดับที่ | รายนาม/สมณศักดิ์ | เริ่มวาระ | สิ้นสุดวาระ | หมายเหตุ | |
---|---|---|---|---|---|
1 | ท่านญาครูหงส์ หงฺสเตโช | พ.ศ. 2221 | พ.ศ. 2248 | ||
2 | พระอาจารย์ชาลี อมโร | พ.ศ. 2248 | พ.ศ. 2261 | ||
3 | พระอาจารย์วันทา วนฺทจิตฺโต | พ.ศ. 2261 | พ.ศ. 2278 | ||
4 | พระอาจารย์คล้อย (ฮ้อย) วินยธโร | พ.ศ. 2278 | พ.ศ. 2296 | ||
5 | พระอาจารย์พุทธา พุทฺธเสฏฺโฐ | พ.ศ. 2296 | พ.ศ. 2313 | ||
6 | พระอาจารย์จันดี จนฺทโสภโณ | พ.ศ. 2313 | พ.ศ. 2332 | ||
7 | พระประแดงจันดี จนฺทปุญฺโญ | พ.ศ. 2332 | พ.ศ. 2352 | ||
8 | พระอาจารย์คำมี อภิปุญฺโญ (ล่ามสมบัติ) | พ.ศ. 2352 | พ.ศ. 2369 | ||
9 | พระอาจารย์หนู สุทฺธสีโล (เวียงเหล็ก) | พ.ศ. 2369 | พ.ศ. 2382 | ||
10 | พระอาจารย์คำดี สุวณฺโณ (ทองล้น) | พ.ศ. 2382 | พ.ศ. 2399 | ||
11 | พระประแดงมูล กตปุญฺโญ (โม้แก้ว) | พ.ศ. 2399 | พ.ศ. 2416 | ||
12 | พระอาจารย์สิงห์ จนฺทสาโร (จันทร์หนองขาม) | พ.ศ. 2416 | พ.ศ. 2435 | ||
13 | พระประแดงเส็ง พิมฺพวโร (มีพิมพ์) | พ.ศ. 2435 | พ.ศ. 2451 | ||
14 | พระอาจารย์จันดา จนฺทูปโม | พ.ศ. 2451 | พ.ศ. 2469 | อุปัชฌาย์ | |
15 | พระวิสารทสุธี (พระมหาบด เกสโว) | พ.ศ. 2469 | พ.ศ. 2485 | เจ้าคณะอำเภอชุมแพ , อุปัชฌาย์ | |
16 | พระปลัดหนูกานต์ กนฺตสีโล | พ.ศ. 2485 | พ.ศ. 2502 | ||
17 | พระมงคลธรรมภาณี (พระครูวิบูลสารนิวิฐ) | พ.ศ. 2502 | พ.ศ. 2554 | ที่ปรึกษาเจ้าคณะอำเภอสีชมพู , อุปัชฌาย์ | |
18 | พระครูสุโมธานเขตคณารักษ์ ดร. | พ.ศ. 2554 | พ.ศ. 2557 | เจ้าคณะอำเภอชุมแพ , รักษาการเจ้าอาวาสวัดโพธิ์ธาตุ , อุปัชฌาย์ | |
19 | พระครูจารุวรรณสาร ( เกรียง จารุวณฺโณ ) | พ.ศ. 2557 | ปัจจุบัน |
บุญประเพณี[แก้]
โดยวัดโพธิ์ธาตุไม่ได้ยึดถือเอาบุญหรือประเพณีอย่างใดอย่างหนึ่งประเพณีใดประเพณีหนึ่งเป็นจุดเด่น แต่จะยึดถือตามฮีต 12 คลอง 14 ประเพณีวัฒนธรรมอิสานที่ได้ปฏิบัติสืบต่อกันมาตั้งแต่สมัยบรรพบุรุษ ดังนี้
- บุญเดือนอ้าย
- บุญเดือนยี่
- บุญข้าวจี่
- บุญผะเหวดเทศน์มหาชาติ
- บุญสงกรานต์
- บุญเดือนหก (เดิมเป็นบุญบั้งไฟและบุญบวชนาค แต่ในปัจจุบันได้ยกเลิกไปแล้ว)
- บุญเบิกบ้าน (บุญซำฮะ)
- บุญเข้าพรรษา
- บุญข้าวประดับดิน
- บุญข้าวสาก
- บุญออกพรรษา
- บุญกฐิน
ศาสนสถานที่สำคัญ[แก้]
อ้างอิง[แก้]
1. กองพุทธสถาน,กรมการศาสนา. ประวัติวัดทั่วราชอาณาจักร หน้าที่ เล่ม 12 ,กรุงเทพฯ : กองพุทธศาสนสถาน กรมการศาสนา, 2526.
2. ประกาศกรมศิลปากร เรื่องกำหนดจำนวนโบราณวัตถุสถานสำหรับชาติ เล่มที่ 57 หน้า 2527 วันที่ 22 ตุลาคม พุทธศักราช 2483
3. วัดในอำเภอชุมแพ