วัดวังก์วิเวการาม

พิกัด: 15°07′59″N 98°26′42″E / 15.1329894°N 98.4449518°E / 15.1329894; 98.4449518
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
วัดวังก์วิเวการาม
แผนที่
ชื่อสามัญวัดหลวงพ่ออุตตมะ
ที่ตั้งถนนทางหลวงชนบทกาญจนบุรี 3024 ตำบลหนองลู อำเภอสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี
นิกายเถรวาท
ผู้ก่อตั้งพระราชอุดมมงคล (เอหม่อง อุตฺตมรมฺโภ)
พระประธานหลวงพ่อขาว
เจ้าอาวาสพระมหาสุชาติ สิริปญฺโญ ป.ธ.9
กิจกรรมนมัสการสังขารของหลวงพ่ออุตตมะ นมัสการหลวงพ่อขาว นมัสการเจดีย์พุทธคยาจำลอง ชมพระอุโบสถหลังเก่าที่จมอยู่ใต้น้ำ ชมสะพานมอญและทัศนียภาพบริเวณสามประสบ
พระพุทธศาสนา ส่วนหนึ่งของสารานุกรมพระพุทธศาสนา

วัดวังก์วิเวการาม; (มอญ: ဘာဝင်္ကဝိဝေကာရာမ) หรือ วัดหลวงพ่ออุตตมะ (ဘာကျာ်ဇၞော်အ္စာတၠဥတ္တမ) เป็นวัดที่พระราชอุดมมงคล (เอหม่อง อุตฺตมรมฺโภ) หรือ หลวงพ่ออุตตมะ ร่วมกับชาวบ้านอพยพชาวกะเหรี่ยงและชาวมอญ ได้ร่วมกันสร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2496 ที่บ้านวังกะล่าง อำเภอสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี ใกล้กับชายแดนไทย-พม่า ห่างจากอำเภอเมืองกาญจนบุรี ประมาณ 220 กิโลเมตร

ประวัติ[แก้]

ในระยะแรกมีเพียงกุฏิและศาลา มีฐานะเป็นสำนักสงฆ์ แต่ชาวบ้านโดยทั่วไปเรียกว่า วัดหลวงพ่ออุตตมะ ตั้งอยู่บนเนินสูงในบริเวณที่เรียกว่า สามประสบ ซึ่งเป็นจุดที่แม่น้ำ 3 สาย คือแม่น้ำซองกาเลีย แม่น้ำบีคลี่ แม่น้ำรันตี ไหลมาบรรจบกัน ในปี พ.ศ. 2505 ได้รับอนุญาตจากกรมการศาสนาให้ใช้ชื่อว่า วัดวังก์วิเวการาม ซึ่งตั้งตามชื่ออำเภอเดิม คืออำเภอวังกะ-สังขละบุรี ซึ่งต่อมาถูกยุบเป็นกิ่งอำเภอ ก่อนที่จะยกฐานะเป็น อำเภอสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรีในปี พ.ศ. 2508

เมื่อ พ.ศ. 2527 การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยได้ก่อสร้าง เขื่อนเขาแหลม หรือ เขื่อนวชิราลงกรณ์ ซึ่งเมื่อกักเก็บน้ำแล้ว น้ำในเขื่อนจะท่วมตัวอำเภอเก่ารวมทั้งบริเวณหมู่บ้านชาวมอญทั้งหมด ทางวัดจึงได้ย้ายมาอยู่บนเนินเขาในที่ปัจจุบัน[1] หลวงพ่ออุตตมะได้จัดสรรที่ดินของวัดวังก์วิเวการามให้ชาวบ้านครอบครัวละ 30 ตารางวา ปัจจุบันหมู่บ้านชาวมอญมีพื้นที่ราว 1,000 ไร่เศษ มีผู้อาศัยราว 1,000 หลังคาเรือน ชาวบ้านเกือบทั้งหมดจัดเป็นผู้พลัดถิ่นสัญชาติพม่าซึ่งไม่มีบัตรประชาชน หาเลี้ยงชีพโดยการปลูกพืชผักสวนครัวตามชายน้ำ ทำประมงชายฝั่ง คนหนุ่มสาวส่วนหนึ่งนิยมเป็นลูกจ้างในโรงงานเย็บเสื้อที่อยู่ไม่ห่างจากหมู่บ้าน

พระอุโบสถวัดวังก์วิเวการามหลังใหม่ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา เมื่อ พ.ศ. 2528

อาคารเสนาสนะ[แก้]

วัดก่อสร้างด้วยศิลปะแบบมอญและไทยประยุกต์ วิหารศิลปะมอญปัจจุบันเป็นที่เก็บสังขารของหลวงพ่ออุตตมะในโลงแก้ว ส่วนศาลาการเปรียญ เป็นอาคารคอนกรีตสองชั้น ชั้นล่างใช้เป็นที่จัดงานบุญต่าง ๆ ส่วนชั้นบนเป็นพิพิธภัณฑ์ใช้เก็บคัมภีร์ใบลานอักษรมอญโบราณ พระพุทธรูป อัฐบริขาร และเครื่องใช้ต่างๆ[1]

ที่วิหารพระหินอ่อนประดิษฐานพระพุทธรูปหินอ่อน พระพุทธรูปหยกขาว หุ่นขี้ผึ้งรูปเหมือนหลวงพ่ออุตตมะ รวมถึงงาช้างแมมมอธ นอกจากนี้ภายในวัดยังมีเจดีย์พุทธคยาจำลอง สร้างจำลองแบบจาก เจดีย์พุทธคยา ประเทศอินเดีย โดยสร้างเมื่อ พ.ศ. 2521[1] บริเวณใกล้กับวัดวังก์วิเวการามคือ สะพานมอญ เป็นสะพานไม้ที่ยาวที่สุดในประเทศไทย

ส่วนบริเวณวัดหลวงพ่ออุตตมะเดิม ปัจจุบันพระอุโบสถหลังเก่าจมอยู่ใต้น้ำ มีชื่อเสียงด้านสถานที่ท่องเที่ยวเป็นที่รู้จักกันในชื่อว่า วัดใต้น้ำ สังขละบุรี[2]

ลำดับเจ้าอาวาส[แก้]

ลำดับที่ รายนาม เริ่มวาระ สิ้นสุดวาระ
1 พระราชอุดมมงคล (เอหม่อง อุตฺตมรมฺโภ)[3] พ.ศ. 2504 พ.ศ. 2549
รักษาการ พระครูกาญจนสิทธิสาร (จันทิมา) พ.ศ. 2549 พ.ศ. 2549
2 พระมหาสุชาติ สิริปญฺโญ ป.ธ.9 พ.ศ. 2549 ยังดำรงตำแหน่ง

กิจกรรม[แก้]

วัดวังก์วิเวการามเปิดให้นักท่องเที่ยวและประชาชนเข้าเยี่ยมชมและสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทุกวันเวลา 07.30 - 18.30 น.

วัดวังก์วิเวการามเป็นสถานที่ท่องเที่ยว และเป็นศูนย์รวมจิตใจของผู้คนหลายเชื้อชาติที่อาศัยอยู่ในอำเภอสังขละบุรี เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์สำหรับชาวมอญ ในการประกอบพิธีกรรมตามประเพณีของมอญงานอื่น เช่น ช่วงเดือนกุมภาพันธ์ของทุกปี มีการจัดงานคล้ายวันเกิดของหลวงพ่ออุตตมะ มีงานกิจกรรมและพิธีกรรมทางศาสนา อย่าง งานแข่งขันชกมวยคาดเชือก การแสดงวัฒนธรรมท้องถิ่น เช่น การรำแบบมอญ การรำตงของชาวกะเหรี่ยง และมีการแต่งกายตามแบบวัฒนธรรมชาวไทยรามัญ[4]

อ้างอิง[แก้]

  1. 1.0 1.1 1.2 "วัดวังก์วิเวการาม สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดกาญจนบุรี". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2019-12-30. สืบค้นเมื่อ 2019-04-18.
  2. "สัมผัสชีวิตหมู่บ้านมอญและชมวัดหลวงพ่ออุตตมะ". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2007-09-27. สืบค้นเมื่อ 2006-10-20.
  3. "พระราชอุดมมงคล วิ. (เอหม่อง อุตฺตมรมฺโภ) | พระสังฆาธิการ". sangkhatikan.com (ภาษาอังกฤษ).
  4. "วัดวังก์วิเวการาม". กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา.[ลิงก์เสีย]

แหล่งข้อมูลอื่น[แก้]

15°07′59″N 98°26′42″E / 15.1329894°N 98.4449518°E / 15.1329894; 98.4449518