วัดป่าธรรมโสภณ

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
วัดป่าธรรมโสภณ
แผนที่
ที่ตั้งถนนราชมนู ตำบลทะเลชุบศร อำเภอเมืองลพบุรี จังหวัดลพบุรี รหัสไปรษณีย์ 15000
ประเภทวัดราษฏร์
นิกายมหานิกาย
พระพุทธรูปสำคัญหลวงพ่อพุทธมงคลสรรเพ็ชญ์ พระพุทธรูปปางมารวิชัยแกะสลักจากหินทราย ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก
ความพิเศษมีวิหารอยู่หลังหนึ่งซึ่งสร้างขึ้นในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช
จุดสนใจพื้นที่ของวัดเป็นสันคูเมือง
กิจกรรมเชิญชวนพุทธศาสนิกชนมาร่วมกันสวดมนต์ภาวนาเสริมดวงชะตาได้ที่อุโบสถ วัดป่าธรรมโสภณ โดยมี พระภาวนาวชิรมงคล รองเจ้าคณะจังหวัดลพบุรี เจ้าอาวาสฯ เป็นผู้นำสวด ซึ่งจะสวดกันทุกวันพระ ตั้งแต่เวลา 18.00 - 19.20 น.
พระพุทธศาสนา ส่วนหนึ่งของสารานุกรมพระพุทธศาสนา

วัดป่าธรรมโสภณ เป็นวัดตั้งอยู่เลขที่ 225/1 หมู่ 1 ถนนราชมนู ตำบลทะเลชุบศร อำเภอเมืองลพบุรี จังหวัดลพบุรี

ประวัติ[แก้]

วัดป่าธรรมโสภณ พื้นที่ของวัดเป็นสันคูเมือง อยู่ห่างจากศาลพระกาฬประมาณ 500 เมตร สร้างขึ้นเป็นวัด นับตั้งแต่ พ.ศ. 2225 ต่อมา กลายสภาพเป็นวัดร้าง ถูกทิ้งร้างอยู่ใจกลางเมืองลพบุรีมาแต่ครั้งในอดีต บริเวณวัดเป็นป่าไม้นานาชนิด ชาวบ้านจึงเรียกว่าวัดป่า มีวิหารอยู่หลังหนึ่งซึ่งสร้างขึ้นในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ในอดีต เดิมชื่อวัดป่าเรไลย์ ต่อมาใน พ.ศ. 2448 คุณถนอม คุณพรรณ คุณเชย และพระสมบัติยาธิบาล มีจิตศรัทธาอันเป็นมหากุศล มาปฏิสังขรณ์วิหาร ซึ่งมีอักษรจารึกอยู่หน้าบันวิหารดังกล่าว ต่อมา พ.ศ. 2449 พระอธิการฉาย สุวรรณสร (หลวงพ่อฉาย) พร้อมด้วยเพื่อนสหธรรมิกอีก 4 รูป ศิษย์วัดอีก 6 คน รวม 11 คน มาประจำอยู่ที่วัดป่าแห่งนี้และเปลี่ยนชื่อเสียใหม่ว่า “วัดป่าธรรมโสภณ” ช่วยกันพัฒนาวัดจนได้รับพระราชทานวิสุงคามเสมาเมื่อวันที่ 8 กันยายน พ.ศ. 2498 และได้ประกอบพิธีผูกพัทธสีมา เมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2499

ประวัติหลวงพ่อพุทธมงคลสรรเพ็ชญ์[แก้]

ลพบุรีเมื่อครั้งอดีตเคยเจริญรุ่งเรืองทางด้านสถาปัตยกรรม ศิลปกรรม เป็นอย่างมาก ดูได้จากซากปรักหักพังของสิ่งปลูกสร้างรวมทั้งสิ่งเคารพสักการะ โดยเฉพาะ “พระพุทธรูป” ในครั้งอดีตเชื่อกันว่าการสร้างพระพุทธรูปที่มีขนาดใหญ่จากวัสดุที่มีความแข็งแรงคงทนโดยเฉพาะหินที่ช่างจะต้องบรรจงแกะสลักด้วยความระมัดระวังให้มีความประณีตสวยงามมีพุทธลักษณะถูกต้องตรงกับสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธจ้า วัดป่าธรรมโสภณ เป็นวัดหนึ่งอยู่ในใจกลางเมืองลพบุรีที่มีพระประธานที่ประดิษฐานอยู่ในอุโบสถของวัดป่าธรรมโสภณเป็นพระพุทธรูปที่เรียกได้ว่ามีขนาดใหญ่โตที่สุดที่สร้างจากหินทราย มีขนาดหน้าตักวัดได้ 2 เมตร 30 เซนติเมตร ความสูงวัดได้ 3 เมตร 80 เซนติเมตร

กรมศิลปากรได้เคยดำเนินการ เพื่อจะนำไปเก็บรวบรวมไว้ที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ สมเด็จพระนารายณ์ แต่การเคลื่อนย้ายในสมัยนั้นเป็นไปด้วยความยากลำบาก เนื่องจากองค์ท่านใหญ่มาก กรมศิลปากรไม่มีพาหนะขนาดใหญ่เพื่อเคลื่อนย้ายได้มีเพียงแรงคน จึงได้ไปติดต่อขอกำลังทหารเกณฑ์จากค่ายปืนใหญ่ซึ่งเดิมตั้งอยู่บริเวณ โรงเรียนพิบูลวิทยาลัยในปัจจุบัน เจ้าหน้าที่กรมศิลป์ฯพร้อมกำลังทหารเกณฑ์หลายสิบนายพร้อมกันไปที่วัดตะพานหิน จากนั้นจึงช่วยกันลองยกเศียรดูก่อน โดยกำลังทหารนับสิบนายไม่สามารถยกเศียรขึ้นได้เนื่องจากมีขนาดใหญ่และทำจากหินทรายที่มีน้ำหนักมาก อีกทั้งมาคิดอีกทีว่าถึงนำไปได้ก็คงหาที่ตั้งยากจึงเปลี่ยนใจปล่อยไว้ตามเดิม ราวปี พ.ศ. 2483 หลวงพ่อฉายฯ ได้รับนิมนต์ฉันเพลในตลาดลพบุรี พร้อมด้วยพระเดชพระคุณหลวงพ่อพระธรรมรามมุนี(หลวงพ่อขุน) เจ้าอาวาสวัดเขาวงพระจันทร์ อดีตเจ้าคณะจังหวัดลพบุรี ได้สนทนากับพระเดชพระคุณ ได้ความว่าวัดป่าธรรมโสภณเป็นวัดที่มีอุโบสถใหญ่โต แต่ยังขาดองค์พระประธาน ขณะนี้มีพระพุทธรูปเก่าแก่อยู่องค์หนึ่งชื่อหลวงพ่อใหญ่ฝังจมดินอยู่ที่วัดตะพาน แถวคลองตาปี่ แต่ด้วยขนาดและน้ำหนักที่มากเกินความสามารถเจ้าหน้าที่กรมศิลปากรและทหารเกณฑ์หลายสิบนายได้ทดลองยกท่อนเศียรดูก่อน ปรากฏว่ายกไม่ขึ้น เจ้าหน้าที่จึงทิ้งองค์ท่านไว้ตามเดิม

วันรุ่งขึ้นหลวงพ่อฉาย ได้เดินทางไปติดต่อขอหลวงพ่อใหญ่มาเป็นองค์พระประธานในอุโบสถของวัด ทางเจ้าหน้าที่กรมศิลปากรก็ไม่ขัดข้องเพียงแต่ต้องให้ทางวัดดำเนินการเคลื่อนย้ายเอง

จากนั้นท่านได้เดินทางมายังวัดตะพานทันที ท่านได้จุดธูปเทียน บอกกล่าวขออนุญาตเคลื่อนย้ายองค์หลวงพ่อใหญ่ หลังเสร็จพิธี หลวงพ่อฉายได้ลองให้ทหารยกท่อนเศียรดูปรากฏว่ากำลังทหารเพียง 3 นายก็ยกขึ้นได้ จากนั้นจึงช่วยกันขุดชิ้นส่วนอื่นที่ฝังอยู่ใต้ดินจนครบองค์ นำใส่รถเข็น เข็นไปตามทางรถไฟจนถึงวัดป่า จากนั้นพระและเณรก็ช่วยกันหามเข้าไปในอุโบสถ ปะติดปะต่อจนเรียบร้อย แล้วจึงทำการลงรักปิดทอง 100% จนเหลืองอร่ามทั่วทั้งองค์ จนไม่เห็นหินทรายเนื้อเดิม จากนั้นหลวงพ่อฉายจึงได้ถวายนามให้ใหม่ว่า “หลวงพ่อพุทธมงคลสรรเพ็ชญ์” นับแต่นั้นมา

อ้างอิง[แก้]