ลิงจมูกเชิดสีทอง

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
ลิงจมูกเชิดสีทอง[1]
สถานะการอนุรักษ์
การจำแนกชั้นทางวิทยาศาสตร์
อาณาจักร: Animalia
ไฟลัม: Chordata
ชั้น: Mammalia
อันดับ: Primates
วงศ์: Cercopithecidae
สกุล: Rhinopithecus
สปีชีส์: R.  roxellana
ชื่อทวินาม
Rhinopithecus roxellana
(Milne-Edwards, 1870)
ชนิดย่อย[2]
  • R. r. hubeiensis
  • R. r. qinlingensis
  • R. r. roxellana
แผนที่แสดงการกระจายพันธุ์
ชื่อพ้อง
  • Pygathrix roxellana

ลิงจมูกเชิดสีทอง หรือ ค่างจมูกเชิดสีทอง (อังกฤษ: golden snub-nosed monkey; จีน: 川金丝猴; ชื่อวิทยาศาสตร์: Rhinopithecus roxellana[3]) สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมประเภทไพรเมต จำพวกค่างชนิดหนึ่ง

เป็นลิงจมูกเชิดที่เป็นต้นแบบของลิงจมูกเชิดทั้งหมด จัดเป็นค่างหรือลิงโลกเก่าขนาดใหญ่ชนิดหนึ่ง มีขนยาว สีขนมีหลากหลายสี ทั้งสีทอง และสีแดง แตกต่างกันไปตามถิ่นที่อยู่อาศัยและชนิดย่อย (มี 3 ชนิด ดูได้ที่ตางราง[2]) มีความยาวลำตัวประมาณ 51-83 เซนติเมตร ส่วนหางยาวถึง 55-97 เซนติเมตร [4]

ตัวผู้มีลักษณะเหมือนกับตัวเมีย แต่มีขนาดใหญ่กว่ามากถึงครึ่งหนึ่ง มีพฤติกรรมอาศัยอยู่รวมกันเป็นฝูงใหญ่ กินใบไม้และดอกไม้ต่าง ๆ เป็นอาหาร รวมถึงไลเคนและเปลือกไม้ด้วยยามถึงฤดูกาลที่อาหารขาดแคลน โดยสามารถที่จะกินพืชชนิดต่าง ๆ ได้ถึง 60 ชนิด[5]

ลูกลิงขนาดเล็ก จะมีสีขนที่อ่อนไม่เหมือนตัวเต็มวัย โดยจะอาศัยอยู่กับแม่จนกว่าจะโต เมื่ออายุได้ราว 6-7 ปี มีระยะเวลาการตั้งท้องนาน 200 วัน ออกลูกครั้งละ 1 ตัว ในช่วงฤดูใบไม้ผลิเท่านั้น ลิงตัวเมียที่มีลูกจะมีสถานะทางสังคมมากกว่าลิงที่ไม่มีลูก ขณะที่ตัวผู้ที่มีคู่ก็จะได้เลื่อนสถานะ และแสดงออกถึงความเป็นผู้นำด้วยการ เป็นผู้นำฝูงในการต่อสู้ปกป้องอาณาเขต หากมีลิงฝูงอื่นเข้ามา[5]

มีลักษณะเด่น คือ ไม่มีกระดูกดั้งจมูก โดยรูจมูกจะอยู่เชิดขึ้นไปทำให้แลดูเหมือนว่าจมูกเชิด สันนิษฐานว่าเป็นการวิวัฒนาการเพื่อให้จมูกหดสั้นเล็กลงเพื่อหลีกเลี่ยงการถูกความหนาวเย็นกัด อันเป็นสภาพอากาศของถิ่นที่อยู่อาศัย เนื่องจากสันนิษฐานว่าเป็นลิงที่หลงรอดมาจากยุคน้ำแข็งยุคสุดท้าย และทำให้มีถิ่นกระจายพันธุ์จำกัดเฉพาะป่าดิบทึบบนภูเขาสูงกว่า 3,000 เมตรและห่างไกล ในตอนกลางและตอนใต้ของประเทศจีน เช่น มณฑลยูนนาน, เสฉวน, ฉ่านซี, กานซู และหูเป่ย์[1] จะอยู่รวมกันเป็นฝูงขนาดใหญ่ ซึ่งอาจมีจำนวนสมาชิกมากกว่า 400 ตัว ปัจจุบันมีลิงจมูกเชิดสีทองเหลืออยู่ในโลกประมาณ 20,000 ตัว ราว 4,000 ตัวอาศัยอยู่ในแถบภูเขาซึ่งทางการจีนจัดตั้งเป็นเขตอนุรักษ์ธรรมชาติ เนื่องจากอยู่ในสภาวะใกล้สูญพันธุ์จากการถูกล่าเพื่อเอาหนัง กระดูก และเนื้อเพื่อการบริโภค รวมถึงการรุกรานถิ่นที่อยู่อาศัยจากมนุษย์ด้วยการตัดไม้ทำลายป่าด้วย[6]

อ้างอิง[แก้]

ในสถานที่เลี้ยง
  1. 1.0 1.1 Groves, C. (2005-11-16). Wilson, D. E.; Reeder, D. M. (บ.ก.). Mammal Species of the World (3rd ed.). Johns Hopkins University Press. p. 174. ISBN 0-801-88221-4.
  2. 2.0 2.1 2.2 Yongcheng, L. & Richardson, M. (2008). Rhinopithecus roxellana. In: IUCN 2008. IUCN Red List of Threatened Species. Downloaded on 4 January 2009.
  3. Guo, Songtao, Li, Baoguo, Watanabe, Kunio (October 2007). "Diet and activity budget of Rhinopithecus roxellana in the Qinling Mountains, China". Primates: Journal of Primatology 48 (4): 268–276.
  4. "ยูนนานได้รับการขนานนามว่า "อาณาจักรสัตว์" เพราะอุดมไปด้วยสัตว์นานาชนิด บางชนิดหายากและพบได้ตามธรรมชาติในยูนนานเท่านั้น (ยูนนาน ตอน 5)". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2010-05-20. สืบค้นเมื่อ 2013-01-28.
  5. 5.0 5.1 Untamed China with Nigel Marven, สารคดีทางอนิมอลพลาเน็ต
  6. ลิงจมูกเชิดสีทอง

แหล่งข้อมูลอื่น[แก้]

ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับ Rhinopithecus roxellana ที่วิกิสปีชีส์