ยุทธพงษ์ แสงศรี

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
ยุทธพงษ์ แสงศรี
ข้อมูลส่วนบุคคล
เกิด7 เมษายน พ.ศ. 2500 (67 ปี)
จังหวัดบึงกาฬ
ศาสนาพุทธ

นายยุทธพงษ์ แสงศรี เป็นอดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดหนองคาย และอดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดบึงกาฬ สังกัดพรรคพลังประชาชน

ประวัติ[แก้]

ยุทธพงษ์ แสงศรี เกิดเมื่อวันที่ 7 เมษายน พ.ศ. 2500 ที่อำเภอโซ่พิสัย จังหวัดบึงกาฬ (ขณะนั้นยังเป็นส่วนหนึ่งของจังหวัดหนองคาย) สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี จากสาขาวิชานิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช (มสธ.)

การทำงาน[แก้]

ยุทธพงษ์ แสงศรี ได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดหนองคาย ในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2550 สังกัดพรรคพลังประชาชน ต่อมาในปี พ.ศ. 2554 มีการแยกส่วนหนึ่งของจังหวัดหนองคาย ออกมาจัดตั้งเป็นจังหวัดบึงกาฬ ส่งผลให้เขาเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของจังหวัดบึงกาฬ ตามบทเฉพาะกาลของพระราชบัญญัติดังกล่าว

ในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2554 เขาถูกจัดให้ลงสมัครรับเลือกตั้งในระบบบัญชีรายชื่อ ลำดับที่ 98 สังกัดพรรคเพื่อไทย แต่เขาได้ลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคฯ ในเดือนพฤษภาคมของปีเดียวกัน[1] และลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดบึงกาฬ แข่งกับนายนิพนธ์ คนขยัน (เพื่อไทย) นายเทวฤทธิ์ นิกรเทศ อดีต ส.ส.สัดส่วน แต่เขาได้รับคะแนนเป็นลำดับที่ 3[2]

ในปี 2562 เขาลงสมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดบึงกาฬ ในสังกัดพรรคชาติไทยพัฒนา แต่ได้คะแนนเพียง 316 คะแนน ต่อมาเขาได้ย้ายไปสังกัดพรรคไทยสร้างไทยในเวลาต่อมา

เครื่องราชอิสริยาภรณ์[แก้]

อ้างอิง[แก้]

  1. ปาร์ตี้ลิสต์พท.ไขก๊อกปัดน้อยใจลำดับ98
  2. "นิพนธ์ คนขยัน" นายก อบจ.จังหวัดที่ 77 "บึงกาฬ" เปิดศูนย์"ยางพารา"แห่งอีสาน
  3. ราชกิจจานุเบกษา, ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือกและเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎไทย ประจำปี ๒๕๕๔ เก็บถาวร 2022-09-29 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน, เล่ม ๑๒๘ ตอนที่ ๒๔ ข หน้า ๓๙, ๒ ธันวาคม ๒๕๕๔
  4. ราชกิจจานุเบกษา, ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือกและเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎไทย ประจำปี ๒๕๕๒ เก็บถาวร 2022-08-14 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน, เล่ม ๑๒๖ ตอนที่ ๑๖ ข หน้า ๗๘, ๔ ธันวาคม ๒๕๕๒