มิชชั่น:อิมพอสซิเบิ้ล ปฏิบัติการรัฐอำพราง

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
มิชชั่น:อิมพอสซิเบิ้ล ปฏิบัติการรัฐอำพราง
โปสเตอร์ภาษาไทย
กำกับคริสโตเฟอร์ แม็คควอรี่
บทภาพยนตร์คริสโตเฟอร์ แม็คควอรี่
เนื้อเรื่อง
  • คริสโตเฟอร์ แม็คควอรี่
  • ดรูว์ เพียร์ซ
สร้างจากMission: Impossible
โดย บรูซ เกลเลอร์
อำนวยการสร้าง
  • ทอม ครูซ
  • เจ.เจ. แอบรัมส์
  • ไบรอัน เบิร์ค
  • เดวิด เอลลิสัน
  • ดานา โกลด์เบิร์ก
  • ดอน เกรนเจอร์
นักแสดงนำ
กำกับภาพโรเบิร์ต เอลส์วิต
ตัดต่อเอ็ดดี แฮมิลตัน
ดนตรีประกอบโจ เครเมอร์
บริษัทผู้สร้าง
ผู้จัดจำหน่ายพาราเมาต์พิกเจอส์
วันฉาย30 กรกฎาคม 2015 (ไทย)[1]
31 กรกฎาคม 2015 (สหรัฐอเมริกา)
ความยาว131 นาที[2]
ประเทศสหรัฐอเมริกา
ภาษาอังกฤษ
ทุนสร้าง150 ล้านดอลลาร์สหรัฐ[3]
ทำเงิน682.7 ล้านดอลลาร์สหรัฐ[4]
ก่อนหน้านี้มิชชั่น:อิมพอสซิเบิ้ล ปฏิบัติการไร้เงา
ต่อจากนี้มิชชั่น:อิมพอสซิเบิ้ล ฟอลล์เอาท์
ข้อมูลจาก IMDb
ข้อมูลจากสยามโซน

มิชชั่น:อิมพอสซิเบิ้ล ปฏิบัติการรัฐอำพราง[5][6] (อังกฤษ: Mission: Impossible – Rogue Nation) เป็นภาพยนตร์โลดโผน/สายลับ ลำดับที่ 5 ในชุด มิชชั่น:อิมพอสซิเบิ้ล กำกับและเขียนบทโดยคริสโตเฟอร์ แม็คควอรี่ นำแสดงโดยทอม ครูซ, เจเรมี เรนเนอร์, ไซมอน เพกก์และวิง เรมส์

มิชชั่น:อิมพอสซิเบิ้ล ปฏิบัติการรัฐอำพราง มีกำหนดเข้าฉายเดิมคือวันที่ 25 ธันวาคม 2015 ก่อนจะถูกเลื่อนมาเป็นวันที่ 31 กรกฎาคม 2015[7] ตัวอย่างภาพยนตร์แรกเผยแพร่ในวันที่ 22 มีนาคม 2015[8][9]

เรื่องย่อ[แก้]

หลังทำภารกิจขัดขวางการขนส่งอาวุธเคมีให้ผู้ก่อการร้ายได้สำเร็จ สายลับหน่วย IMF อีธาน ฮันต์ (ทอม ครูซ) ได้พูดถึงองค์กรลับชื่อ "ซินดิเคต" (Syndicate) แต่ฝ่าย CIA ไม่เชื่อว่ามีอยู่จริง จากนั้นไม่นาน ฮันต์ก็ถูกกลุ่มซินดิเคตจับตัวไป เขาหลบหนีออกมาได้ด้วยความช่วยเหลือจากอิลซา เฟาสต์ (รีเบกกา เฟอร์กูสัน) สายลับสาวผู้ลึกลับ ในเวลาเดียวกัน ผู้อำนวยการหน่วย CIA อลัน ฮันลีย์ (อเล็ก บอลด์วิน) ได้เสนอต่อคณะกรรมการสภาสหรัฐฯ ว่า IMF เป็นหน่วยที่มักใช้อำนาจเกินขอบเขตและควรถูกยุบ เนื่องจากตำแหน่งรัฐมนตรี IMF ว่างลงจึงไม่มีผู้แก้ต่าง ทำให้หน่วย IMF ถูกยุบในที่สุด วิลเลียม แบรนต์ (เจเรมี เรนเนอร์) ผู้อำนวยการฝ่ายปฏิบัติการภาคสนามของ IMF เตือนฮันต์ให้รีบซ่อนตัว ส่วนฮันต์ต้องสืบหาชายผมสีบลอนด์สวมแว่นคนหนึ่งที่เขาเห็นก่อนถูกจับไป ซึ่งต่อมาฮันต์พบว่าชายคนนั้นชื่อ โซโลมอน เลน (ฌอน แฮร์ริส) เป็นอดีตสายลับ MI6

หกเดือนต่อมา ฮันต์ซึ่งยังสืบหากลุ่มซินดิเคตไม่พบได้ติดต่อเบนจี ดันน์ (ไซมอน เพกก์) อดีตสายลับภาคสนาม โดยทำทีว่าให้ดันน์มาชม ตูรันโด ที่ออสเตรีย ซึ่งมีรัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศออสเตรียมาร่วมชมด้วย ถึงแม้ฮันต์และดันน์จะหยุดยั้งการลอบสังหารรัฐมนตรีได้สำเร็จ แต่กลุ่มซินดิเคตซ้อนแผนด้วยการระเบิดรถของรัฐมนตรี ฮันต์ถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้ลงมือฆ่ารัฐมนตรีและถูกหน่วยปฏิบัติการพิเศษของ CIA ไล่ล่า แบรนต์จึงติดต่อลูเทอร์ สติกเคล (วิง เรมส์) อดีตสายลับมือดีให้เร่งหาตัวฮันต์ พวกเขาพบว่าฮันต์และดันน์เดินทางไปพบเฟาสต์ที่โมร็อกโก เพื่อเข้าไปขโมยข้อมูลสำคัญของกลุ่มซินดิเคตในอาคารความปลอดภัยสูงใต้โรงไฟฟ้า แต่เมื่อนำข้อมูลออกมาได้แล้ว เฟาสต์กลับหลบหนีไปพร้อมกับข้อมูลในยูเอสบีแฟลชไดรฟ์ ซึ่งดันน์ได้ทำสำเนาข้อมูลไว้

เฟาสต์กลับไปที่อังกฤษเพื่อส่งมอบข้อมูลให้แอตต์ลี (ไซมอน แมคเบอร์นีย์) ผู้ดูแลภารกิจ แต่แอตต์ลีกลับลบข้อมูลในไดรฟ์แล้วบังคับให้เธอกลับไปหาเลน เฟาสต์และเลนพบว่าไฟล์ข้อมูลดังกล่าวต้องมีรหัสจากนายกรัฐมนตรีสหราชอาณาจักร (ทอม ฮอลแลนเดอร์) เลนจึงส่งเฟาสต์ไปหาฮันต์ ในขณะเดียวกันก็ส่งคนไปลักพาตัวดันน์เพื่อบีบบังคับให้ฮันต์เปิดไฟล์ดังกล่าวให้ ฮันต์ตกลงทำตาม แต่แบรนต์บอกกับฮันลีย์และแอตต์ลีให้ทำการอารักขานายกรัฐมนตรีไว้ จนกระทั่งแอตต์ลีตัวจริงเดินทางมา จึงเปิดเผยว่าแบรนต์รู้กับฮันต์และให้ฮันต์ปลอมเป็นแอตต์ลีคนที่อยู่กับนายกรัฐมนตรี พวกเขาพบว่าซินดิเคตเป็นโครงการลับที่แอตต์ลีจัดตั้งขึ้นโดยพลการ มีเลนเป็นหัวหน้า ส่วนสติกเคลพบว่าไฟล์ดังกล่าวเป็นข้อมูลที่เข้าถึงเงินทุนจำนวนมาก

ฮันต์จดจำข้อมูลทั้งหมดและทำลายไฟล์ทิ้ง เขาเดินทางไปพบดันน์และเฟาสต์ แล้วบีบให้เลนปล่อยตัวทั้งสองคนเพื่อแลกกับข้อมูลทั้งหมด หลังการหลบหนีและไล่ล่าไปตามถนนในกรุงลอนดอน เฟาสต์ฆ่าวินเทอร์ (เยนส์ ฮูลเตน) ลูกน้องมือขวาของเลนในการดวลมีด ส่วนฮันต์ล่อเลนไปติดกับแล้วรมด้วยแก๊สจนหมดสติ ก่อนจะส่งตัวไปคุมขัง

หลังเรื่องทั้งหมดยุติ ฮันลีย์ได้เสนอให้มีการเปิดหน่วย IMF อีกครั้ง โดยอ้างว่าการยุบหน่วยในคราวก่อนเป็นแผนช่วยฮันต์ คณะกรรมการสภาสหรัฐฯ มีมติเห็นชอบทั้งที่ยังแคลงใจกับเจตนาของฮันลีย์ หลังออกจากที่ประชุม แบรนต์แสดงความยินดีกับฮันลีย์ในฐานะรัฐมนตรี IMF คนใหม่

นักแสดง[แก้]

การตอบรับ[แก้]

บ็อกซ์ออฟฟิศ[แก้]

มิชชั่น:อิมพอสซิเบิ้ล ปฏิบัติการรัฐอำพราง ทำรายได้เปิดตัวทั่วโลก 121 ล้านดอลลาร์สหรัฐ[13] มีรายได้รวม 682.7 ล้านดอลลาร์สหรัฐ[4] เป็นภาพยนตร์ที่ทำรายได้สูงสุดเป็นอันดับที่ 3 ในชุด มิชชั่น:อิมพอสซิเบิ้ล[14]

การตอบรับในประเทศไทย[แก้]

มิชชั่น:อิมพอสซิเบิ้ล ปฏิบัติการรัฐอำพราง ทำรายได้เปิดตัวในประเทศไทย 24.55 ล้านบาท[15] ระหว่างวันที่ 27 สิงหาคม – 2 กันยายน 2015 ภาพยนตร์เรื่องนี้ทำรายได้ในประเทศไทย 139.73 ล้านบาท[16]

ภาคต่อ[แก้]

ทอม ครูซประกาศว่าเขาจะกลับมารับบท "อีธาน ฮันต์" ใน Mission: Impossible 6[17] และคาดว่าจะเริ่มถ่ายทำในปี 2016[18] ในขณะที่พาราเมาต์พิกเจอส์ก็ยืนยันว่าภาคที่ 6 กำลังอยู่ในขั้นพัฒนา[19] ต่อมาวันที่ 19 พฤศจิกายน 2015 มีข่าวว่าพาราเมาต์พิกเจอส์วางตัวให้คริสโตเฟอร์ แม็คควอรี่กลับมากำกับในภาคที่ 6 และให้รีเบกกา เฟอร์กูสันกลับมารับบท อิลซา เฟาสต์อีกครั้ง[20] ต่อมาแม็คควอรี่และเฟอร์กูสันประกาศว่าจะกลับมากำกับและรับบทอิลซา เฟาสต์ตามลำดับ[21][22] ในเดือนเมษายน 2016 ทอม ครูซยืนยันว่าการถ่ายทำจะเริ่มในช่วงฤดูใบไม้ร่วงของปีนี้[23] อย่างไรก็ตาม ด้วยปัญหาระหว่างพาราเมาต์พิกเจอส์กับทอม ครูซก่อนหน้านี้ ครูซให้สัมภาษณ์ภายหลังว่าการถ่ายทำจะเริ่มในช่วงฤดูใบไม้ผลิปี 2017[24] และมีกำหนดฉายวันที่ 27 กรกฎาคม 2018[25] เมื่อวันที่ 25 มกราคม 2018 มีการเปิดเผยชื่อภาพยนตร์คือ Mission: Impossible – Fallout[26][27] ตัวอย่างภาพยนตร์เผยแพร่ครั้งแรกในงานซูเปอร์โบวล์ครั้งที่ 52[28]

อ้างอิง[แก้]

  1. Mission:Impossible - Rogue Nation -- Major Cineplex
  2. " Mission: Impossible – Rogue Nation". British Board of Film Classification. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ July 23, 2015. สืบค้นเมื่อ 23 กรกฎาคม ค.ศ. 2015. {{cite web}}: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |accessdate= (help)
  3. Audiences Plan To Accept ‘Mission: Impossible 5′ While Taking ‘Vacation’ – Box Office Preview
  4. 4.0 4.1 "Mission: Impossible - Rogue Nation (2015)". Box Office Mojo (Amazon.com). สืบค้นเมื่อ March 23, 2017.
  5. ตัวอย่างแรกของ Mission: Impossible: Rogue Nation มิชชั่น:อิมพอสซิเบิ้ล : ปฏิบัติการรัฐอำพราง
  6. "Mission Impossible Rogue Nation มิชชั่นอิมพอสซิเบิ้ล ปฏิบัติการรัฐอำพราง". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2015-06-14. สืบค้นเมื่อ 2021-09-27.
  7. Tom Cruise’s ‘Mission: Impossible 5′ Moved Forward to July 31
  8. Mission: Impossible Rogue Nation - Fate
  9. 'Mission: Impossible 5' trailer is out
  10. รีเบคก้า เฟอร์กูสัน นางเอกใหม่ของ MI 5
  11. 5th ‘Mission: Impossible’ goes to extremes, ups the stakes
  12. 'Mission: Impossible' villain revealed: Sean Harris is clean-cut but a nasty 'Rogue' killer
  13. "MISSION: IMPOSSIBLE - ROGUE NATION Wins The Weekend With $56M Debut; $121M Worldwide". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2015-08-07. สืบค้นเมื่อ 2015-08-08.
  14. "Mission: Impossible - Franchise". Box Office Mojo. สืบค้นเมื่อ 3 December 2018.
  15. รายได้เปิดตัวหนังใหม่ประจำวันที่ 30 ก.ค. 2558
  16. รายได้หนังประจำวันที่ 27 ส.ค. - 2 ก.ย. 2558
  17. Tom Cruise Announces Plans for ‘Mission: Impossible 6’
  18. "Tom Cruise Says Mission: Impossible 6 Aims to Shoot Next Year". IGN.
  19. McNary, Dave. "'Mission: Impossible 6′: Paramount Backs Tom Cruise for Another Sequel". Variety. สืบค้นเมื่อ August 3, 2015.
  20. Kroll, Justin. "Christopher McQuarrie Eyeing Return for 'Mission: Impossible 6' (EXCLUSIVE)". Variety. สืบค้นเมื่อ November 19, 2015.
  21. "ChristopherMcQuarrie on Twitter". Twitter.
  22. Friedman, Roger (December 8, 2015). "Mission Accomplished: Rebecca Ferguson First Tom Cruise Leading Lady Doing a Second "M:I"". Showbiz 411.
  23. "Tom Cruise Promises 'Incredible Set Pieces' for 'Mission: Impossible 6'". Variety.
  24. Kit, Borys (September 16, 2016). "Tom Cruise Closes 'Mission: Impossible 6' Deal, Preproduction to Resume (Exclusive)". The Hollywood Reporter.
  25. D'Alessandro, Anthony (November 8, 2016). "Paramount Schedules 'Mission: Impossible 6' For Summer 2018; 'Downsizing' Hits Christmas Weekend 2017". Deadline.
  26. "'Mission: Impossible 6' Title, First-Look Photo Revealed". Variety. January 25, 2018. สืบค้นเมื่อ January 30, 2018.
  27. "กลับมาแล้ว! Mission: Impossible 6 เผยภาพแรกฉากบู๊เสี่ยงตาย และชื่อภาคอย่างเป็นทางการ". ประชาชาติ. January 26, 2018. สืบค้นเมื่อ January 30, 2018.
  28. "Mission: Impossible - Fallout trailer drops during Super Bowl". EW. February 4, 2018. สืบค้นเมื่อ February 5, 2018.

แหล่งข้อมูลอื่น[แก้]