มายเวิลด์

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
มายเวิลด์
อีพีโดย
วางตลาด17 พฤศจิกายน ค.ศ. 2009
(ดู ประวัติการจำหน่าย)
บันทึกเสียง2008-2009
แนวเพลงป๊อป, ทีนป๊อป, อาร์แอนด์บี, แดนซ์ป๊อป
ความยาว25:58 นาที
ค่ายเพลงไอส์แลนด์, อาร์บีเอ็มจี
โปรดิวเซอร์อัชเชอร์ (ผู้อำนวยการสร้าง), สกูเตอร์ เบราน์(ผู้อำนวยการสร้าง), แอนโตนิโอ แอลเอ เรด (ผู้อำนวยการสร้าง), คริสโตเฟอร์ สจวต, อิเซเคล เลวิส, บาเลวา มูฮัมมัด, เดอะ-ดรีม, มีดี้ มาเฟีย, ดาโปะ โทริโมโตะ, JB & Corron, Lashaunda "Babygirl" Carr
อันดับความนิยมจากนักวิจารณ์ดนตรี
ลำดับอัลบั้มของจัสติน บีเบอร์
มายเวิลด์
(2009)
มายเวิลด์ 2.0
(2010)
ซิงเกิลจากมายเวิลด์
  1. "วันไทม์"
    จำหน่าย: 7 กรกฎาคม ค.ศ. 2009
  2. "วันเลสโลนลีเกิร์ล[9]"
    จำหน่าย: 6 ตุลาคม ค.ศ. 2009
  3. "เลิฟมี"
    จำหน่าย: 26 ตุลาคม ค.ศ. 2009
  4. "แฟวอริตเกิร์ล"
    จำหน่าย: 3 พฤศจิกายน ค.ศ. 2009

มายเวิลด์ 2.02010

มายเวิลด์ (อังกฤษ: My World) คือผลงานชุดแรกของจัสติน บีเบอร์ ชาวแคนาดา ซึ่งถือเป็นผลงานส่วนแรกจากสองส่วนในผลงานชุด มายเวิลด์ ผลงานชุดนี้จัดอยู่ในประเภทอีพี ออกจำหน่ายเมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน ค.ศ. 2009 โดยค่ายไอส์แลนด์เรเคิดส์ และในผลงานส่วนที่สองออกจำหน่ายในวันที่ 23 มีนาคม ค.ศ. 2010[10] บีเบอร์จัดทำผลงานชุดนี้ร่วมกับโปรดิวเซอร์และนักประพันธ์เพลงที่หลากหลาย อาทิ อัชเชอร์ ที่ปรึกษาของเขา, ทริกกี สจวต, เดอะ-ดรีม, มิดิ มาเฟีย และอื่นๆอีกมากมาย บทเพลงนี้ผลงานชุดนี้ส่วนใหญ่ได้รับแรงบันดาลใจจากเรื่องราวความรักของวัยหนุ่มสาวและสถานการณ์ที่กำลังจะเติบโตสู่วัยผู้ใหญ่ ดนตรีในอัลบั้มเป็นแนวอาร์แอนด์บีที่ได้รับอิทธิพลจากแนวป๊อป อัลบั้มนี้ได้รับการวิจารณ์ในเชิงบวกและเปิดตัวในอันดับที่ 6 บนชาร์ บิลบอร์ด 200 ของสหรัฐอเมริกา[11] มียอดจำหน่ายกว่า 137,000 ชุดในสัปดาห์แรกหลังออกจำหน่าย[12] ซึ่งในขณะนั้นถือเป็นศิลปินหน้าใหม่ที่เปิดตัวได้ดีที่สุดในปี ค.ศ. 2009 [10] จนกระทั่งถูกทำลายสถิติโดยอัลบั้ม ไอดรีมอะดรีม ของซูซาน บอยล์ ที่เปิดตัวในชาร์ตอัลบั้มแห่งประเทศแคนาดาในอันดับที่หนึ่งและได้รับรางวัลแผ่นเสียงทองคำในสัปดาห์นั้น[13][14]. อัลบั้มนี้ได้รับรางวัลแผ่นเสียงทองคำขาว (Platinum) ในประเทศแคนาดาในช่วงระยะเวลาไม่ถึงเดือนหลังออกจำหน่าย[15] ขณะเดียวกันนั้นก็ได้รางวัลแผ่นเสียงทองคำในสหรัฐอเมริกาโดยสถาบัน RIAA เช่นกัน ต่อมาไม่ถึงสองเดือนก็ได้รับรางวัลแผ่นเสียงทองคำขาวในสหรัฐอเมริกา และมียอดจำหน่ายมากกว่าหนึ่งล้านชุด[16] หลังจากนั้นไม่ถึงเดือนที่ได้ออกจำหน่ายในสหราชอาณาจักรไปแล้วนั้น ก็ได้รับรางวัลแผ่นเสียงเงินโดยสถาบัน BPI ของสหราชอาณาจักร[17]

"วันไทม์" ซิงเกิลแรกของอัลบั้มออกจำหน่ายเมื่อวันที่ 7 มิถุนายน ค.ศ. 2009 และเป็น 1 ใน 15 เพลงแรก (Top 15) ของชาร์ตแคนาดาฮอต 100 และ 1 ใน 20 เพลงของชาร์ต บิลบอร์ด ฮอต 100 ของสหรัฐอเมริกา สามซิงเกิลต่อมาออกจำหน่ายผ่านไอทูนส์ ซิงเกิลที่สอง "วันเลสโลนลีเกิร์ล" ออกจำหน่ายเมื่อวันที่ 6 ตุลาคม ค.ศ. 2009 และขึ้นชาร์ตสิบอันดับแรกของชาร์ตแคนาดาฮอต 100 และ 20 อันดับแรกของชาร์ต บิลบอร์ด ฮอต 100 และซิงเกิลที่สาม "เลิฟมี" ออกจำหน่ายเมื่อวันที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2552 และซิงเกิลที่สี่ "แฟวอริตเกิร์ล" ออกจำหน่ายวันที่ 3 พฤศจิกายน ค.ศ. 2009

ก่อนการออกจำหน่ายอัลบั้ม บีเบอร์กลายเป็นศิลปินเดี่ยวคนแรกของประวัติศาสตร์นิตยสาร บิลบอร์ด ที่มีซิงเกิลอย่างน้อยสี่ซิงเกิลขึ้น 40 อันดับแรกของชาร์ตฮอต 100 ก่อนการออกจำหน่ายอัลบั้ม[18] เพื่อการสนับสนุนการจำหน่ายอัลบั้มดังกล่าว บีเบอร์ออกรายการวิทยุและโทรทัศน์เพื่อประชาสัมพันธ์ และจัดคอนเสิร์ตทัวร์ในประเทศแคนาดาโดยได้รับการสนับสนุนจาก Urban Behavior[19][20]

ประวัติ[แก้]

จัสตินเริ่มต้นอาชีพของเขาในยูทูบ จากการที่เขาและมารดาโพสต์วิดีโอของเขาที่ร้องเพลงในงานประกวดดนตรีเพื่อให้สมาชิกในครอบครัวคนอื่นที่ไม่ได้ดู แต่ทว่าความนิยมของเขาในยูทูบเติบโตอย่างรวดเร็ว สกูเตอร์ เบราน์ ซึ่งเคยทำงานเป็นผู้อำนวยการการตลาดให้กับ So So Def เห็นวิดีโอของเขา และสนใจในตัวเขามาก ได้บินพาบีเบอร์ไปยังแอตแลนตา รัฐจอร์เจีย เพื่อปรึกษากับอัชเชอร์และเขาก็ได้เซ็นสัญญากับค่ายไอส์แลนด์ในระยะเวลาอันรวดเร็ว[21] Braun[22] และพาบีเบอร์บินไปยังแอตแลนตา รัฐจอร์เจีย อันเป็นที่พำนักของอัชเชอร์ นักร้องและนักประพันธ์เพลงแนวอาร์แอนด์บี[22] สัปดาห์ต่อมาบีเบอร์จึงมีโอกาสขับร้องให้อัชเชอร์ฟัง[23] ซึ่งเขาเองก็สนใจในทันใด และให้เขาทดลองขับร้องกับแอนโตนิโอ แอลเอ เรดไอส์แลนด์เรเคิดส์ ซึ่งเขาได้เซ็นสัญญาในเดือนตุลาคม ค.ศ. 2008[22] มีการรายงานว่าจัสติน ทิมเบอร์เลกจะให้บีเบอร์เข้าเซ็นสัญญา แต่เขากลับเซ็นสัญญาร่วมกับอัชเชอร์[24] อัชเชอร์แนะนำบีเบอร์สู่วงการเมื่อเดือนเมษายน ค.ศ. 2009 ณ ลอสแองเจิลลิส ภายหลังการบันทึกเสียงเพลง "วันไทม์" เท่านั้น อัชเชอร์บรรยายบีเบอร์ต่อหน้าฝูงชนว่าเป็น "คลื่นลูกใหม่" และเป็น "ความภูมิใจสำหรับผมและไอส์แลนด์เดฟแจม"[21]

ในการสัมภาษณ์กับ JSYK แห่งเอโอแอล เมื่อได้ถามถึงชื่อของอัลบั้ม เขาตอบว่า "มันเรียบง่ายมาก มันเป็นทางเดียวที่ผมจะอธิบายถึงมันได้ มันประกอบไปด้วยองค์ประกอบมากมายในโลกของผม"[25] เมื่อถามถึงดนตรีของเขา บีเบอร์กล่าวว่า "ผมคิดว่าผู้สูงวัยก็สามารถซาบซึ้งไปกับบทเพลงของผมได้ เพราะผมได้ใช้หัวใจในการขับร้อง และมันก็ไม่ล้าสมัย ผมคิดว่าผมสามารถเติบโตในฐานะนักร้องได้ และแฟนเพลงก็จะเติบโตตามผมเช่นกัน"[26] เมื่อกล่าวถึงอัลบั้มของเขาในเอ็มทีวีนิวส์ บีเบอร์กล่าวว่า

"There's a lot of stuff that's not just about love. There's songs that teens can relate to, as far as parents not being together and divorce, and just stuff that happens in everyday life. There's a lot of [artists] my age, [and] their whole album [is], 'Everything is perfect.' "Real life isn't perfect, so my album kind of portrays that. You just have to make the best of what you have."[27]

รายชื่อเพลง[แก้]

ลำดับชื่อเพลงประพันธ์Producer(s)ยาว
1."One Time"
  • Tricky Stewart
  • The-Dream,
  • James Bunton
  • Corron Cole
  • Thabiso Nkhereanye
  • C. Stewart
  • Kuk Harrell,
  • J. Bunton
  • C. Cole
3:35
2."Favorite Girl"
  • Antea Birchett
  • Anesha Birchet
  • D'Mile
  • Delisha Thomas
D'Mile4:16
3."Down to Earth"
Midi Mafia4:05
4."Bigger"
  • Bieber
  • Midi Mafia
  • Dapo Torimiro
  • Frank Ocean
  • Midi Mafia
  • Dapo Torimiro
3:17
5."One Less Lonely Girl"
  • Ezekiel Lewis
  • Balewa Muhammad
  • Sean Hamilton
  • Hyuk Shin
  • Usher Raymond IV
  • E. Lewis
  • B. Muhammad
  • S. Hamilton
  • H. Shin
3:49
6."First Dance" (featuring Usher)
  • Bieber
  • Usher Raymond IV
  • Jesse "Corparal" Wilson
  • Ryan Lovette
  • Dwight Reynolds
  • Alexander "Prettyboifresh" Parhm, Jr.
Prettyboifresh3:42
7."Love Me"
  • Peter Svensson
  • Nina Persson
  • Peter Hernandez
  • Phillip Lawrence
  • Ari Levine
DJ Frank E3:12
ความยาวทั้งหมด:25:58
iTunes Store bonus tracks
ลำดับชื่อเพลงประพันธ์Producer(s)ยาว
8."Common Denominator"
  • Bieber
  • Lashaunda "Babygirl" Carr
L. Carr4:02
9."One Less Lonely Girl" (French Vocal)
  • E. Lewis
  • B. Muhammad
  • S. Hamilton
  • H. Shin
  • Usher Raymond IV
  • Andrée Watters
  • E. Lewis
  • B. Muhammad
  • S. Hamilton
  • H. Shin
3:48
ความยาวทั้งหมด:33:48

โครงสร้างดนตรี สไตล์และเนื้อเพลง[แก้]

ดนตรีของอัลบั้มเป็นไปในแนวอาร์แอนด์บีที่ได้รับอิทธิพลจากดนตรีป๊อป และได้มีการนำไปเปรียบเทียบกับผลงานของศิลปินอื่นๆ อาทิ ไมเคิล แจ็กสัน, สตีวี วันเดอร์, คริส บราวน์[7] อัชเชอร์ และเน-โย ในฉบับมาตรฐานของอัลบั้มสามารถแบ่งตามลักษณะเด่นของดนตรีออกเป็น 2 ส่วนคือเสียงอาร์แอนด์บีจังหวะขึ้นในเพลง "วันไทม์" และ "แฟวิเรตเกิร์ล", "บิกเกอร์" และ "เลิฟมี" และจังหวะในแบบช้าอย่าง "เฟิสต์แดนซ์", "วันเลสส์โลนลรเกิร์ล" และ "ดาวน์ทูเอิร์ธ" ซึ่งประกอบด้วยจังหวพอันเดอร์โทนของอาร์แอนด์บีแบบง่ายๆ


อ้างอิง[แก้]

  1. อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ <ref> ไม่ถูกต้อง ไม่มีการกำหนดข้อความสำหรับอ้างอิงชื่อ allmusic
  2. อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ <ref> ไม่ถูกต้อง ไม่มีการกำหนดข้อความสำหรับอ้างอิงชื่อ BillboardReview
  3. อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ <ref> ไม่ถูกต้อง ไม่มีการกำหนดข้อความสำหรับอ้างอิงชื่อ BostonGlobe
  4. อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ <ref> ไม่ถูกต้อง ไม่มีการกำหนดข้อความสำหรับอ้างอิงชื่อ Wood
  5. Review: My World. The New York Times. Retrieved on 2009-12-08
  6. อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ <ref> ไม่ถูกต้อง ไม่มีการกำหนดข้อความสำหรับอ้างอิงชื่อ RSarticle
  7. 7.0 7.1 Infantry, Ashante. Review: My World. Toronto Star. Retrieved on 2009-11-17.
  8. Quick Spins: Reviews of albums by Justin Bieber, Clipse, and Animal Collective. Washington Post.. Retrieved on 2009-12-08
  9. "Justin Bieber Readies Second Single". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2012-07-12. สืบค้นเมื่อ 2009-11-08.
  10. 10.0 10.1 "Justin Bieber reigns supreme!". Def Jam. สืบค้นเมื่อ 2009-12-26.
  11. "Billboard 200, Week of December 5, 2009". Nielsen. 2009-11-26. สืบค้นเมื่อ 2009-12-26.
  12. "John Mayer tops album chart; Norah Jonas and Justin Bieber, not too shabby". Entertainment Weekly. 2009-11-25.
  13. "Justin Bieber tops album chart: PHOTO, November 25th, 2009". celebrifi.com. 2010-02-27.[ลิงก์เสีย]
  14. "Canadian Albums Chart, Week of December 5, 2009". Nielsen. 2009-11-26. สืบค้นเมื่อ 2009-12-26.
  15. "Gold & Platinum". cria.ca. December 2009. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2012-03-22. สืบค้นเมื่อ 2010-02-02.
  16. อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ <ref> ไม่ถูกต้อง ไม่มีการกำหนดข้อความสำหรับอ้างอิงชื่อ RIAA
  17. "Justin Bieber BPI album certifications". BPI. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2010-01-17. สืบค้นเมื่อ 14/02/2010. {{cite web}}: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |accessdate= (help)
  18. "Official News: Good Morning America and My World Pt 2". Island DefJam. 2009-11-13. สืบค้นเมื่อ 2009-12-26.
  19. อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ <ref> ไม่ถูกต้อง ไม่มีการกำหนดข้อความสำหรับอ้างอิงชื่อ BieberTour
  20. "Justin Bieber on Meeting Obama, Kissing Rihanna and Hanging with Asher Roth". 2009-12-11. สืบค้นเมื่อ 2009-12-26.
  21. 21.0 21.1 Mitchell, Gail (2009-04-28). "Usher Introduces Teen Singer Justin Bieber". Billboard. สืบค้นเมื่อ 2009-07-23.
  22. 22.0 22.1 22.2 Herrera, Monica (2009-07-19). ""Time" is right for teen singer Justin Bieber". Reuters. Billboard. สืบค้นเมื่อ 2009-07-22.
  23. "Neon Limelight Interviews: Usher Protegé Justin Bieber: Accidental Star". Neon-Limelight.com. 2009 11 08. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2012-05-26. สืบค้นเมื่อ 2009 11 08. {{cite web}}: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |accessdate= และ |date= (help)
  24. Vena, Jocleyn (2009-09-13). "Justin Bieber's Debut Album Isn't Just About Teen Love". MTV. สืบค้นเมื่อ 2009-09-13.
  25. "On The Phone With Justin Bieber". AOL JSYK. 2009-11-17. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2010-03-23. สืบค้นเมื่อ 2010-01-06.
  26. "My World: Amazon.com". Amazon.com. สืบค้นเมื่อ 2009-12-26.
  27. "Justin Bieber Says My World Is 'Not Just About Love". MTV News. 2009-11-17. สืบค้นเมื่อ 2010-01-06.