มาครอส

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
ภาพจากปกดีวีดีMacross Memorial DVD Box Set

มาครอส (ญี่ปุ่น: マクロスโรมาจิMakurosu ทับศัพท์จาก Macross) เป็นซีรีส์แอนิเมชั่นญี่ปุ่น สร้างโดย โชจิ คาวาโมริ และสตูดิโอนุเอะ (Studio Nue) ในปี 2525 เรื่องราวเกี่ยวกับโลกภายหลังปี 2542 (ค.ศ. 1999) โดยมีเค้าโครงเรื่องอันเป็นเอกลักษณ์คือ รักสามเส้า ไอดอล เสียงเพลง และ วัลคีรี (หุ่นรบแปลงร่าง) ชื่อมาครอสเป็นคำเรียกรวม ๆ ของซีรีส์สองกลุ่ม กลุ่มแรกเป็นไทม์ไลน์หลักของซีรีส์ เช่น ปราการเวหา มาครอส, ปราการเวหา มาครอส: ยังจำความรักได้ไหม?, มาครอสพลัส, มาครอสเซเว่น, มาครอสซีโร่ และ มาครอสฟรอนเทียร์ อีกกลุ่มเป็นไทม์ไลน์ที่ไม่เกี่ยวกับไทม์ไลน์หลัก ปัจจุบันมีซีรีส์เดียวคือ ปราการเวหา มาครอส II : เลิฟเวอร์ส อะเกน ซึ่งไม่ได้สร้างโดยสตูดิโอนุเอะ[1]

เนื้อเรื่อง[แก้]

ในเดือน ก.ค ปี ค.ศ.1999  มีอุกกาบาตขนาดยักษ์ตกสู่โลก ณ.เกาะอาตาเรียใต้ ผลการสำรวจปรากฏว่าเป็นยานอวกาศต่างดาวขนาดใหญ่กว่า 1 กิโลเมตร และมีเทคโนโลยีก้าวหน้ากว่ามนุษย์มาก ( OTM : Over Technology Machine ) สร้างความตื่นตระหนกให้แก่ มวลมนุษยชาติ นอกจากนี้ยังได้รู้ว่ามีมนุษย์ต่างดาวที่มีร่างกายใหญ่โต แต่มีลักษณะคล้ายคลึงมนุษย์ เรียกว่าพวกเซนทราดี้ (Zentradi)

ในปีถัดมา(ปี2000) สหประชาชาติเริ่มแผนที่จะรวมโลกเป็นหนึ่งเดียวกัน แต่หลายประเทศคัดค้าน

ในเดือนสิงหาคมได้เริ่มมีการพัฒนาอาวุธรูปแบบมนุษย์ที่รู้จักกันในชื่อ "DESTROID " ถัดมาในเดือน ตุลาคม กองทัพ อากาศ กองทัพเรือ และ นาวิกโยธินของสหพันธ์โลกเริ่มแผนการพัฒนา ยานรบเปลี่ยนรูปแบบได้ ( VARIABLE FIGHTER ) ซึ่งมีความซับซ้อนมากกว่า DESTROID ที่เป็นแบบมนุษย์ธรรมดา

โดยทั้งหมดได้ลอกเลียนแบบเทคโนโลยี OTM : Over Technology Machine บริษัทสโตนเวลล์ได้รับเลือกเป็นหัวหน้าโครงการนี้ โดยมี ดร.เอช ทาชิกาฮอฟ เป็นหัวหน้าโครงการ แล้วกระจายแผนงาน โดย บ.สโตนเวลล์รับผิดชอบในส่วนของ โครงสร้างและลำตัว , บ.ชินจูชู เฮฟวี่อินดัสทรี รับผิดชอบเรื่องเครื่องยนต์หลัก และ ทรัสต์รีเวอร์เซอร์ , บ.เซนติเนนตัลพัฒนาระบบอาวุธ และระบบแบททรอยด์ รูปแบบพื้นฐานของ VARIABLE FIGHTER คือรูปแบบมนุษย์ ( BATTROID) การพัฒนาดำเนินการภายใต้ชื่อรหัส " BVF-X " ถึงแม้ว่าราคา , ค่าใช้จ่ายต่างๆในการพัฒนาจะสูงกว่า DESTROID หลายเท่าก็ตามที ขณะเดียวกันทางสหประชาชาติก็ประสบปัญหา กับการรวมโลกให้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน โดยมีหลายประเทศคัดค้าน จนกลายเป็นสงครามที่รู้จักกันในนาม " สงครามรวมเป็นหนึ่ง "

ปี 2001 เดือน กุมภาพันธ์สหพันธ์โลกให้บริษทเอกชนหลายบริษัท ฟื้นฟูตัวยานต่างดาวขึ้นมาอีกครั้ง ( มีบริษัทออดิกซ์เป็นหัวจักรใหญ่ ) โครงการสร้างยานรบอวกาศจึงเริ่มขึ้น ขณะเดียวกันบริษัทสโตนเวลล์ ได้นำแผนงานของบริษัท เมก้า เบลคอม เข้ามาใช้พัฒนา valkyrie

ปี 2003 ได้มีการนำระบบขับเคลื่อนของ บริษัท ชินจูชู เฮฟวี่ อินดัสทรี มาใช้ นอกจากนี้ยังมี บริษัท เซนติเนนตัล จากกองทัพบก มาร่วมด้วย ทำให้การพัฒนารุดหน้าอย่างรวดเร็ว

ปี 2006 เดือน มกราคม เครื่องทดสอบเครื่องแรกเริ่มสร้าง หลังจากสหพันธ์โลกได้รับชัยชนะใน " สงครามรวมเป็นหนึ่ง " ซึ่งสงครามครั้งนี้ กินระยะเวลาถึง 6ปีสหพันธ์โลกตั้งขึ้นอย่างสมบูรณ์

ปี 2008 เดือน พฤศจิกายน เครื่องทดสอบเครื่องแรกก็ได้ออกบินเป็นครั้งแรก ด้วยวัสถุดิบ และ โครงสร้าง ที่อาศัยทฤษฎี จาก OTM. ทำให้มีประสิทธิภาพสูง เดือนธันวาคม เครื่อง 2-4 ก็ตามกัน ออกมา ( ชื่อรหัสเครื่องทดสอบ คือ ' VF-1A ' ) ปัญหาที่พบคือ การเปลี่ยนร่างจากแบททรอยด์ เป็น เครื่องบิน การเปลี่ยนร่างจะอยู่ในสภาวะไร้การป้องกัน ทำให้เกิดรูปแบบที่เรียกว่า ' GERWALK ' ขึ้นเพื่อลดสภาพไร้ การป้องกันลง และ เพิ่มประสิทธิภาพการรบในแนวดิ่งอีกด้วย

ปี 2009 เดือน มกราคม Valkyrie เริ่มเข้าสู่สายการผลิต และ มีการนำเข้าประจำการในหลายๆที่  หลังจากการบูรณะหลายปี สหพันธ์โลกก็ได้เปิดตัว ยานอวกาศขนาดยักษ์ รหัส SDF-1 ( Super Fortess Dimention No.1 ) หรือ MACROSS นั่นเอง.. เดือน กุมภาพันธ์ มาครอสกำลังเริ่มทดลองออกเดินทางในอวกาศ ขณะที่กำลังทำพิธีเริ่มการทำงานของ มาครอส " มาครอส แคนนอน " เกิดยิงโดยอัตโนมัติ ขณะเดียวกันกองยาน" เซนทราดี้ "ผ่านมาทางโลก กว่าจะรู้ว่า ทั้งหมดเป็นกับดัก ของเผ่าอื่นที่ทิ้งไว้ ( หมายถึง Proto Culture ) ทำให้เกิดสงครามระหว่างโลก กับ เซนทราดี้ครั้งแรก ทำให้ทางสหพันธ์โลกต้องต่อสู้โดยไม่มีทางเลือก กัปตัน ผู้บัญชาการยานมาครอสได้ตัดสินใจใช้ " มาครอส " ตอบโต้ จึงทำการขนย้ายกองกำลังและพลเมือง ภายในตัวยานมาครอสเป็นเมืองขนาดใหญ่ที่รู้จักกันในนามว่า " MACROSS CITY "แล้วทำการ " โฟรด " ( วาร์ป,ระบบเคลื่อนย้ายมวลสาร ) เพื่อตั้งรับที่ดวงจันทร์ แต่เกิดการผิดพลาด เพราะ มาครอสเป็นเทคโนโลยีของชาวต่างดาว ทำให้ไปไกลถึงดาว พลูโต ภายในยานมาครอส เรื่องราวต่างๆจึงเริ่มขึ้น

" อิชิโจ ฮิคารุ " หนุ่มน้อยนักบินฝึกหัด ได้ตาม รอยด์ ฟอกเกอร์ รุ่นพี่นักบินมือหนึ่งประจำกองยานวาลคีรี่ ซึ่งบังเอิญผลัดหลงขณะที่ถูกกองยานเซนทราดี้จู่โจม แลัวได้ไป พบกับ " ลิน มินเมย์ ( LIN MINMEI ) " สาวน้อยลูกครึ่งจีน ซึ่งพลัดหลงกับครอบครัว ฮิคารุ กับ มินเมย์ จึงต้องติดอยู่เซคเตอร์ทีเสียหาย ทั้ง 2 คนอยู่จำเป็นด้วยกันตามลำพัง แล้วก็เริ่มมีความรักกัน จนกระทั่งมีคนมาช่วยเหลือ ในเวลาต่อมา ฮิคารุ ได้สมัครเป็นนักบินตามรุ่นพี่ จนได้อยู่หน่วยเดียวกับ รอยด์ ในฐานะนักบินที่3 ( หัวหน้าหน่วยคือ รอยด์ นักบินที่ 2 คือ แม็กซ์ ) ส่วน มินเมย์ นั้นก็ได้รับตำแหน่ง " มิส มาครอส " ทำให้ความสัมพันธ์ ของทั้ง 2 เริ่มห่างเหินกัน ฮิคารุ ได้พบกับ มิซะ ฮายาเซะ ซึ่งไม่ค่อย จะลงรอยกันนัก

ขณะเดินทางกลับมายังโลก มีการปะทะกับเซนทราดี้ปะปลาย แต่ไม่โดนโจมตีอย่างเต็มที่สักครั้งทั้งที่มีกองกำลังมากกว่า เพราะว่า.... ตำนานของเซนทราดี้กล่าวว่า " ไม่ให้ยุ่งเกี่ยวกับโปรโตคัลเจอร์ ( บรรพบุรุษ ) " มีลักษณะคล้ายมนุษย์โลก พวกเซนทราดี้เรียกมนุษย์ว่า " ไมครอน ( Micron)ผู้นำของเซนทราดี้ ยังคลางแคลงใจเกี่ยวกับ ตำนาน จึงวางแผนจับชาวโลก

ชาวเซนทราดี้ได้บุกจับเชลยชาวโลกซึ่งได้แก่ มิซะ , อิชิโจ ,แม็กซ์ และ อากาซากิถูกจับ รอยด์ ตามช่วยแต่ก็ถุกจับเช่นกัน  ทำให้ทราบความจริงบาง อย่างว่า เซนทราดี้พัฒนาร่างกายให้ใหญ่โต และ ทำ สงครามเพื่อสืบทอดวัฒนธรรม และ เมื่อได้พบกับ วัฒนธรรมของมนุษย์ ความสัมพันธ์ระหว่างชายหญิง เช่น เสียงเพลง และ การจุมพิต อิชิโจ กับ มิซะ ทำให้ชาวเซนทราดี้ หวั่นไหว และ หวาดกลัว

หลัง จากนั้นกองยานเซนทราดี้ถูกจู่โจมโดย เซนทราดี้อีกฝ่ายที่เป็นหญิง พวกนี้เรียกว่า " เมลทราดี้ "ภายหลังได้เจรจายอมรับวัฒนธรรมของมนุษย์  ทำให้พวกอิชิโจ หลบหนีไปได้แต่รอยด์ ฟอกซ์เกอร์เสียชีวิต ทางด้าน มิซะ จึงหาวิธีต่อกรกับเซนทราดี้ โดยใช้เสียงเพลงของ " ลิน มินเมย์ " ทางด้านเมลทราดี้ ก็ได้โจมตีมาครอส อิชิโจนำกองกำลังออกรบ หลังจาก รอยด์เสียชีวิต อิชิโจก็เข้ารับตำแหน่งหัวหน้ากองยาน วาลคิรี

เป็นการพบกันในการต่อสู้ครั้งแรก ระหว่าง แม็กซิมิเลียม จีเนียส นักบินอัจฉริยะชาวโลก กับ นักบินมือหนึ่งของเมลทราดี้ มิเรีย ฟารีน่า ซึ่งเป็นการต่อสู้แบบตัวต่อตัว แม็กซ์ถูกหลอกเข้าไปต่อสู้ใน ยานของเมลทราดี้ ผลการต่อสู้คือ เสมอกัน วาลคิรีของแม็กซ์เสียหาย ยับเยิน ด้านมิเรียปางตาย ทั้ง 2 ได้พบกัน และเรียกว่ารัก แรกพบ แม็กซ์ ก็แปลสภาพตนเป็นเซนทราออกรบคู่กัน

ปี 2010 เดือน มกราคม แม็กซ์กับมิเรียแต่งงานกัน ซึ่งเป็นแรงพลักดันส่วนหนึ่ง ทำให้ สนธิสัญญาสงบศึก กับ กองยานบรีไดน์ส มบูรณ์ในเดือนต่อมา

แต่แล้วกองยาน " โบโดลซ่า " กองยานใหญ่ของเซนทราดี้ ก็เข้าโจมตี การต่อสู้ครั้งสุดท้าย ระหว่างมนุษย์กับชาวเซนทราดี้ ก็เริ่มขึ้นโดยมนุษย์ได้ใช้ยุทธวิธี " มินเมย์ แอทแทค "ประจวบกับมีกองยานบรีไดน์ หนุนหลังทำให้กองยานโบโดลซ่าพ่ายแพ้ในที่สุด

หลังจากนั้น ในเดือน มีนาคม สงครามยุติมีการทำความสะอาดชั้นบรรยากาศและทำการติดตั้ง " แกรน แคนนอน " ที่ฐานทัพอพอลโล บนดวงจันทร์พบผู้รอดชีวิตบนดวงจันทร์กว่าแสนคน ทางโลกก็อพยพพลเมืองมาไว้ที่โคโลนี่

เดือน เมษายน มีการจัดตั้งรัฐบาลร่วมกันระหว่างมนุษย์กับเซนทราดี้เซนทราดี้ทำการย่อขนาดตัวให้มีขนาดเท่ามนุษย์ ( เรียกว่าไมครอน )

เดือน พฤษภาคม มาครอส ซิตี้ ถือกำเนิดอีกครั้ง มีการนำเทคนิคของโปรโตคัลเจอร์ เรื่องการโคลนนิ่งมาทดลอง

เดือน มิถุนายน ฐานอพอลโลมีการสร้าง SDF-2 และ เปลี่ยนชื่อเป็น " MEGA ROAD 1"

ปี 2011 เดือน มีนาคม แม็กซ์และมิเรียก็สร้างประวัติศาสตร์โดยให้กำเนิดบุตรสาว นาม " โคมิเรีย " นับว่าเป็นลูกครึ่งมนุษย์กับเมลทราดี้คนแรก เริ่มมีการวางแผนขนย้ายประชากรเพื่อตั้งรกรากในดาวเคราะห์แห่งใหม่

ปี 2012 ยานขนย้ายประชากรลำแรก ภายใต้รหัส " SDF-2 " MEGA ROAD 1" โดยที่ลิน มินเมย์ จัดคอนเสิร์ต ซาโยนาระ และเปิดตัว VF-4 LIGHTNING III วัลคิรี่แห่งอนาคต

ปี 2013 พบดาวเคราะห์ที่สามารถอาศัยอยู่ได้ ณ. กลุ่มดาว " กรุมบริดจ์ 1816 "ชาวโลกขนานนามว่า ดวงดาวแห่งสรวงสวรรค์ " เอเดน "

ปี 2016  MEGAROAD-1 หายสาปสูญ เมื่อเดินทางสู่ใจกลางของแกแล็คซี่ ( แถวหมู่ดาววาโรเตอร์ )

ปี 2020 ศูนย์ทดสอบอาวุธ " New Edward Flight Center " เปิดที่ดาวเคราะเอเดน

ปี 2030 ยานขนย้ายประชากรรุ่นใหม่ ลำแรกแล้วเสร็จ สามารถขนย้ายประชากรได้ถึง 1 ล้านคน

ปี 2031 ภาพยนตร์เกี่ยวกับ สงครามครั้งแรกระหว่างมนุษย์กับเซนทราดี้ ถูกสร้างขึ้น " DO YOU REMEMBER LOVE ? "

ปี 2038 การอพยพประชากรครั้งที่ 38 โดยที่มีแม็กซ์ เป็นผู้บัญชาการ และ มิเรีย เป็นนายกเทศมนตรี ของกองยานมาครอส 7

ปี 2045 กองยานมาครอส7 เดินทางมาถึงใจกลางแกแล็คซี่ และ ถูกโจมตีจากศัตรูที่ไม่รู้จักเรื่องราวต่างๆในมาครอส7 จึงเริ่มขึ้น

มาครอส 7[แก้]

เนื้อเรื่องในภาคนี้จะเป็นเรื่องราวในอีก 35 ปี หลังจากสงครามครั้งใหญ่ระหว่างโลก และเซนทราดี้(Space War I)จบลง พร้อมกับ ตำนานเสียงเพลงอันลือลั่นของ ลิน มินเมย์ ใน มาครอส ภาคแรก ออกฉายปี 1982 ใน tv series version และ ถูกนำมาตัดต่อใหม่ในรูปแบบของ movie ชื่อว่า Macross the Movie : Do You Remember Love? ออกฉายครั้งแรกในวันที่ 16 ตุลาคม 1994 ความยาวทั้งหมด 49 ตอน มีตอนพิเศษอีก 3 ตอน เรียกว่า Macross7 encore เป็นตอนที่สร้างขึ้นมาแต่ไม่ได้นำออกฉาย โดยเนื้อเรื่องในภาคนี้จะมีการกล่าวถึง Macross ภาคแรกเล็กน้อย โดยเนื้อเรื่องจะอิงกับ Macross the Movie ไม่ใช่ภาค tv series โดยในภาคนี้จะยังคงเอกลักษณ์ของ Series Macross ทุกภาค นั่นคือ สงคราม เสียงเพลง และรักสามเส้าเหมือนภาคก่อนๆ แต่เนื้อหาในภาคนี้เทียบกับภาคก่อนๆแล้ว จะเบากว่าภาคก่อนๆมาก ว่ากันว่าพระเอกภาคนี้ฝีมือการขับวัลคิลี่เก่งที่สุดในMacrossแล้ว

ปี 2045 เดือนตุลาคม ขณะที่กองยานมาครอส7 ( ภายใต้การบัณชาการของแม็กซิมิเลียน จีเนียส ) เดินทางถึง แถบหมู่ดาว " วาโรเตอร์ " แต่ทันใดนั้นสิ่งไม่คาดฝันก็เริ่มขึ้น การโจมตีจากกองยานไม่ทราบสัญชาติ แถมวิธีการจู่โจม ก็ประหลาดโดยการโจมตีด้วยลำแสง สีเขียว เล็งตรงค็อกพิท นักบินที่ถูกลำแสงจะมีอาการเซื่องซึม เสมือนไร้ความรู้สึก หมดสมรรถภาพ อีกด้าน " ไฟร์ บอมเบอร์ " กำลังเปิดการแสดง ทันทีที่บาซาร่าทราบว่าเกิดสงคราม ก็ดิ่งไปกลับไป ยังที่พักนำ VF-19 CUSTOM ที่มีคันบังคับรูปกีตาร์ ออกสู่สนามรบสู้กับยานรบวาโรเตอร์เสมอ แต่โดยไม่ทราบสาเหตุ ศัตรูก็ล่าถอยไป การกระทำของบาซาร่านี้สร้างความไม่พอใจให้กับ กัมริน คิซากิ นักบินมือดีของหน่วย ไดมอนด์ฟอร์ส

ทางด้าน ผ.บ แม็กซ์ ก็มิได้จับ หรือ ลงโทษ บาซาร่า โดยไม่ทราบสาเหตุ ที่ทางแม็กซ์ ไม่ลงโทษบาซาร่า ที่ร้องเพลงกลางสนามรบก็เพื่อทดสอบ VF-19 cm และ ศึกษาว่าเสียงเพลงใช้ในการรบ เช่นเดียวกับสมัยลิน มินเมย์ ได้รึไม่ ? หลังจากนั้นกองยานมาครอส7 ก็ถูก จู่โจมอย่างต่อเนื่อง แต่ไม่ถึงขั้นรุนแรง เนื่องจากฝ่ายศัตรูต้องการทดสอบว่าชาวโลก ( ทั้งมนุษย์ และ เซนทราดี้ ) สามารถฟื้นพลังที่เรียกว่า " สปิริตเทียร์ " ได้รึไม่ ? อาการที่โดนดูดสปิริตเทียร์ จะมีอาการ เซื่องซึม ตาลอย ไม่อยากมีชีวิตอยู่ ปรากฏว่าชาวโลกสามารถฟื้นพลังสปิริตเทียร์ได้ ทางฝ่ายวาโรเตอร์จึงวางแผน ช่วงชิง " CITY 7 " แต่ว่า " BATTLE 7 " ก็เข้ามาขวาง แต่ก็ทำให้ ซิตี้7 โฟล์ด การเคลื่อนย้ายโดยการทำให้เกิดสร้างสนามพลังโยกย้ายด้วยความเร็วเหนือแสง ไปโดยไม่รู้ทิศทาง ทำให้ ซิตี้7 ต้องลอยเขว้งในอวกาศโดยไม่รู้ตำแหน่งของตน ทั้งแบทเทิล7 และ พวกวาโรเตอร์ ต่างก็ออกค้นหาอย่างรีบเร่ง ในตอนนี้ ซิตี้7 ได้จับเชลยชาววาโรเตอร์ได้ ปรากฏว่าเป็นนักบินชาวโลกทีหายสาปสูญไป และถูกควบคุมจิตใจ ( MIND CONTROL )ด้านกีกิล ได้ปลุก " SIVIL " ซึ่งเป็น " PROTO DEVIL " โปรโตเดวิล คือ เผ่าพันธุ์ปิศาจที่มีพลังทำลายล้างสูง สามารถเคลื่อนที่ไปในอวกาศได้อย่างอิสระ และ ดำรงชีวิตโดยการดูดสปิริตเทียร์ของสิ่งมีชีวิตสิ่งอื่นๆ  หลังจาก ชิวิล ตื่นขึ้นก็มุ่งตรงไปหา ซิตี้ 7ฝ่ายแบทเทิล7 ก็ค้นหาซิตี้ 7 พบ  โดยการจับคลื่นพลังเสียง Sound Energyของบาซาร่า  แต่ทันใดนั้น ชีวิล ก็เข้าจู่โจมหน่วยช่วย เหลือของแบทเทิล 7 ที่ส่งมาอย่างราบคาบ ครั้น บาซาร่าขับ VF-19 ออกมา ชีวิลก็มุ่งตรงเข้ามาหาโดยทันที แต่ก็ไม่สามารถ ทำอะไรได้ เพราะมีพลังบางอย่างป้องกันอยู่ ชีวิลเรียกบาซาร่าว่า " อนิมัส สปิริตเทียร์ " เมื่อได้ฟังเพลงบาซาร่าก็ บินหนีไป ทางด้าน กัมริน ที่มากับช่วยเหลือ จำเป็นต้องรับหน้าที่ป้องกัน ซิตี้ 7 แทนหัวหน้าเนื่องจาก ถูกชีวิลดูดสปิริตเทียร์

หลังจากนั้น ซิตี้ 7 ก็พุ่งเข้าหาดวงอาทิตย์เนื่องจากแรงดึงดูดของดวงอาทิตย์ แต่แบทเทิล 7 ก็ตามมาช่วยทันเวลา จากนั้น ก็มีการจัดตั้งหน่วยรบ ระหว่าง ทหาร และประชาชนขึ้นนั่นคือหน่วย " SOUND FORCE " และ " EMERALD FORCE " ขึ้น โดยการควบคุมของ ดร.ชิบะ หลังจาก ด.ร ชิบะ ได้ทำการศึกษาทำให้รู้ว่า โปรโตเดวิล ถ้าได้รับพลังสปิริตเทียร์ ที่สูงมากไป ที่ชีวิล เรียกว่า " อนิมัส สปิริตเทียร์ " ทำให้ ด.ร ชิบะ นำเสียงเพลงของบาซาร่า มาต่อสู้กับ โปรโตเดวิล ทางโปรโตเดวิล โดยการนำของ เกลเบนิช เริ่มแผน " สปิริตเทียร์ ฟาร์ม " โดยต้องการจับกองยานมาครอส7 เกลเบนิช จึงปลุก " กาวิล " และ " กราวิล " ขึ้นมา

อีกด้านกองยานมาครอส 5 ก็ค้นพบดวงดาวที่สามารถอาศัยอยู่ได้ จึง ติดต่อมาหา มาครอส 7

ทางชีวิลที่แฝงตัวเข้ามา โดยการสิงร่างมนุษย์ ปรากฏร่างต่อหน้าบาซาร่า ชีวิลมุ่งเข้าหมายจะดูด พลังของบาซาร่า แบบปากต่อปากจึงทำให้ตัวเองเกิดการบาดเจ็บจนต้องอยู่ในสภาวะจำศีล

มาครอส 7 เดินทางที่ดาวเคราะห์ " LUCK " ดวงดาวที่มาครอส 5ค้นพบ แต่กลับพบว่ากองยานมาครอส 5 ถูกทำลายย่อยยับไปก่อนแล้ว และอยู่ๆ โปรโตเดวิลก็โผล่มาจู่โจมโดยไม่คาดคิด อย่างรุนแรง แต่กองยานมาครอส7 ก็รอดมาได้ เพราะการช่วยเหลือของบซาร่า เคย ทำให้กองยานมาครอส 7 ต้องติดอยู่บนดาวเคราะห์ ลักซ์ ทางบาซาร่า และ กีกิล ( หัวหน้ากองยานฝ่าย วาโรเตอร์ ) ต่างก็ออกตามหาชีวิล และ ก็ พบทั้งสองพยายามจะช่วยชีวิล แต่ก็สายไปหลังจากที่ทาง ผู้พันบาตันแห่ง หน่วยพัฒนาอาวุธ นำยานขน ชีวิล ไป ต่อมากีกิลได้จับมิเรน่าเพื่อเป็นตัว ประกันในการช่วย ชีวิล ในที่สุดชีวิลก็ตื่นแตอยู่ในสภาวะไร้สติ แล้วบินหนีไป ต่อมา บาซาร่าก็ได้ออกติดตาม ชีวิล ด้านโปรโตเดวิล ( ชาววาโรเตอร์ ) ก็ ส่ง กาวิล มาตามล่า กิกิล กับ ชีวิล ที่กระทำการนอกคำสั่ง ด้านมิเรน่า ก็ ออกตามาบาซาร่า เช่นกัน ในที่สุดบาซาร่า และ กิกิล ก็พบชีวิล

และทั้งสองก็ร่วมมือกัน ( ถึงแม้จะไม่ค่อยจะเต็มใจนัก ) ในที่สุด ชีวิล ก็ตื่นขึ้นด้วยเสียงเพลงของบาซาร่า ในตอนนี้กีกิล เริ่มเข้าใจในเสียงเพลง และ ร้องเพลงของบาซาร่าได้  ทำให้ " PROTO CULTER " ที่จมอยู่ใต้ทะเลโผล่ขึ้นมา ทางมิเรน่า และ กัมริน ก็ตามเสียงเพลงมาพบกับ บาซาร่า หลังจากแม็กซ์ทราบว่ามี โปรโตคัลเจอร์โผล่ขึ้นมา ก็ส่งเอคิเซดอนที่ปรึกษา ประจำ แบทเทิล ๗ มาศึกษา ทำให้ทราบความเป็นมาของ โปรโตเดวิล และ วิธีต่อสู้กับโปรโตเดวิล แต่โปรโตเดวิลก็ส่ง กาวิล และ กราวิล มาทำลาย หลังจากนั้น ด.ร ชิบะ ก็ผลิต " SOUND BOOSTER " เพื่อเพิ่มพลังให้ ซาวด์ ฟอร์ส ในที่สุด โปรโตเดวิลก็โจมตี มาครอส 7 ที่ดาวเคราะห์ ลักซ์ มาครอส 7 พยายามจะโฟล์ดหนีแต่ก็ถูก " นัตตี้ บาวโก้ " สะกดไว้ไม่ให้หนี ใกล้ๆกันนั้น กีกิล และ ชีวิล ถูกหมายชีวิต แต่บาซาร่าก็เข้ามาช่วย ตอนนี้กีกิลเองก็เข้าใจ ถึงเสียงเพลง ทำให้สามารถปลดปล่อย สปิริตเทียร์ ได้เช่นเดียวกับ บาซาร่า ตอนนี้ กีกิลสามารถบินได้เองแล้ว  ทันใดนั้น กาวิล ก็ จู่โจมใส่ กีกิล แต่ก่อนที่กีกิลจะสิ้นใจได้ เรียกร่างที่แท้จริงของตน ( เดิมเป็นโปรโตเดวิล ) และปลดปล่อยคลื่นทำลายล้าง จน ดาวเคราะห์ แหลกสลายรวมทั้งตนเองด้วย

แม็กซ์ ได้วางแผนโต้กลับ โดยใช้ชื่อว่า " ปฏิบัติการ สตาร์เกเซอร์ " โจมตีดาววาโรเตอร์ โดยใช้ยานฟรีเกต เดินทางไป การตอบโต้ครั้งนี้ล้มเหลว ทั้งหมดโดนจับกุม รวมทั้ง แม็กซ์ หัวหน้าการปฏิบัติการครั้งนี้ด้วย แต่ก็สามารถหลบหนี ออกมาได้ แล้ว พบกับเชลยกองยานมาครอส5 ถูกกักในเครื่องดูดสปิริตเทียร์ ทั้งนี้ก็ไม่สามารถช่วยเหลือออกมาได้ ทุกคนจึงกลับไปตั้งต้นกันที่ มาครอส7 ใหม่ แต่กาวิลก็ตามกลับมาด้วยโดยการสิงร่าง กัมริน และได้สร้างความปั่นป่วน แก่กองยาน มาครอส 7 อย่างมาก แต่ก็ถูก มิเรน่า และ ซาวด์ฟอร์ส ขับไล่ออกไปได้

และแล้ว เกลเบนิช ก็ส่งโปรโตเดิล " โกลาม " และ " โซมอด " มา และปะทะ กับ ซาวด์ฟอร์ส ทันใดนั้น เชลยของ มาครอส5 ก็ถูกนำออกมา ทำให้ พวก บาซาร่าไม่สามารถทำอะไรได้ พวก กัมริน และ ด็อกก้า วางแผนช่วงชิงเชลย ได้สำเร็จ แล้วจึงจู่โจมด้วย มิซายส์นิวเคลียร์ แต่หยุดยั้งได้เพียงชั่วครู่เท่านั้น ทันใดนั้น โกลาม และ โซมอด ก็ตรง มายัง มาครอส7 แต่บาซาร่าก็เข้ามาขวาง ปลดปล่อยพลัง " SOUND BEAM " ออกมา โกลาม และ โซมอดก็ ปล่อยพลังสู้เช่นกัน ( เหมือน ดรากอนบอล ปล่อยพลังสู้กัน เว่อร์!!! ) ขณะที่ฝ่ายบาซาร่ากำลังเสียเปรียบ ทันใดนั้น ชีวิล ก็โผล่ออกมาช่วย บาซาร่า ไว้จนตัวตาย ด้านบาซาร่า เองเสียใจมากจึงร้องเพลง " MY SOUL FOR YOU " ปฏิกิริยาของร่าง ชีวิล กำลังดูด พลังสปิริตเทียร์ ของบาซาร่าชีวิล ก็คืนชีพ แต่บาซาร่าตกอยู่ในสภาพ ปางตาย ชีวิลโกรธมากมุ่งหน้ากลับไป หมายปลิดชีพเกลเบนิช แต่ก็ไม่สามารถทำอะไรได้ แถมถูกขังอยู่ในผลึกอีก ด้าน มาครอส 7 ก็เริ่มสิ้นหวังเมื่อไร้พลัง สปิริตเทียร์ไร้ขีดจำกัดของ บาซาร่า

เมื่อกองยานมาครอส 7 ไม่มีบาซาร่าอีกต่อไปแล้ว การต่อสู้ครั้งสุดท้ายที่กำลังจะเริ่มขึ้น เกลเบนิชเผยร่างแท้จริงออกมา ( โปรโตเดวิลตัวสุดท้าย ) ออกคำสั่ง ให้ กาวิล ช่วงชิงสปิริตเทียร์ โดยช่วงชิงยานรีสอร์ต ด.ร ชิบะค้นหาวิธีกำจัด โปรโตเดวิล โดยให้ มิเรน่า ปลดปล่อย ซาวด์บาเรีย ให้แก่ " MACROSS CANNON " แล้วยิงใส่โปรโตเดวิล จากนั้นแบทเทิล 7 แยกตัวออกจาก ซิตี้ 7 แล้ว มุ่งตรงไปยังดาว วาโรเตอร์ แล้วทำการจู่โจม โปรโตเดวิล หลังจากโจมตี เกลเบนิช ได้เพียง 3นัด สิ่งที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น แกนกลางของ มาครอสแคนนอน เกิดความร้อนสูง จนระเบิด ทำให้ เกลเบนิช โกรธจัด โจมตี แบทเทิล 7 จนพังยับเยิน ทันใดนั้นก็มีปฏิกิริยา โฟร์ด กองยานมาครอส  ตามมาช่วย แบทเทิล 7 แต่ก็ไม่สามารถช่วยอะไรได้มากนัก แถม " VF-11 MAXL " มิเรน่าก็ถูก กราวิล จู่โจมจนเสียหายหนัก เรย์ กับ วิฮีด้า จึงเข้ามาช่วยไว้ ( แถมมี ซาวด์ บาเรีย ด้วย ) มิเรน่าจึงรีบรุดไปที่โรงพยายาลเข้ามาหา บาซาร่า พยายามปลุกแต่ก็ ไม่เป็นผล จากนั้นก็มีเสียงร้องเพลงมาจากข้างหลัง มิเรน่า นั่นคือ กัมริน นั่นเอง นอกจากนี้เสียงดังสนั่นจากด้าน นอกโรงพยาบาล ทุกคนร่วมร้องเพลงเพื่อปลุก บาซาร่า และแล้ว บาซาร่า ก็ตื่นขึ้นสร้างความดีใจให้กับทุกๆคนมาก ภายนอกยาน มาครอส 7 ยิ่งตรึงเครียด " VF-22S " ของแม็กซ์กับมิเรีย ก็ร่วมมือกันโจมตี เกลเบนิช เพียงแค่สกิด สเกา เกลเบนิชเท่านั้น ตอนนี้ เกลเบนิช ดูดพลังสปิริตเทียร์ไม่เลือกไม่ว่าฝ่ายตนหรือฝ่ายชาวโลก ทันใดนั้น VF-19 CUSTOM ก็โผล่มามุ่งตรงเข้าหา เกลเบนิช แต่สุดท้ายสิ่งมีชีวิตบนดาว วาโรเตอร์ ก็ถูกดูดสปิริตเทียร์ จนหมด ทางด้านชีวิลที่ถูกขังอยู่ก็ เริ่มจะเข้าใจเสียงเพลง ขณะที่บาซาร่ารู้สึกตัว ระเบิดพลัง สปิริตเทียร์ทำให้ ทุกคนรู้สึกตัว แล้วทิ้งดิ่งตรงมาหา เกลเบนิช แต่ยังไม่ถึงตัว เกลเบนิช VF-19 CUSTOM ก็แหลกเป็นชิ้นๆ ทันใดนั้น ชีวิลก็เข้ามาช่วย บาซาร่า ไว้แล้วพุ่งตรงมาโจมตี เกลเบนิช แต่ก็ไร้ผล

ชีวิลหันไปมอง บาซาร่า ชีวิลจึงเข้าใจว่า พลังอนิมัสสปิริตเทียร์ คืออะไร ? จึงหันมาร้องเพลงร่วมกลับ บาซาร่า ทำให้ก่อเกิดพลังสปิริตเทียร์มหาศาล ในที่สุด เกลเบนิช เองก็เข้าใจเสียงเพลง และทำลายพลังปีศาจทั้งหมด ออกไป เกลเบนิชจึงยอมแพ้แล้วจากไป ชีวิลเองก็ตามไป แต่ก่อนไปทั้ง บาซาร่า และ ชีวิล ต่างก็มองตาซึ่งกันและกัน ทั้งสองเข้าใจว่าทั้งคู่รู้สึกต่อ กันอย่างไร แต่ก็ต้องจำใจจากกัน " บาซาร่า ฉันจะไม่ลืมเธอ และ เพลง ของเธอตลอดไป " และชีวิลก็บินจากไป แสงอาทิตย์ยามรุ่งอรุณก็สาด แสงมา ทุกคนปลอดภัยแล้วการต่อสู้ก็จบลง ทุกหน่วยตรวจสอบความ เสียหาย และ ซ่อมแซมเตรียมการออกเดินทางครั้งใหม่ต่อไป

นอกจากนี้ มาครอสยังเป็นชื่อเรียกของยานรบหลักระดับใหญ่ที่สุดของซีรีส์อีกด้วย

การเรียงลำดับภาคต่างๆตามไทม์ไลน์ปี ค.ศ.ของมาครอส[แก้]

มาครอส ซีโร่  (2008)

มาครอส (2009-2012) (*รวมถึงภาคหนังโรง Do you remember love ด้วย)

มาครอส Flash Back 2012 (2012)

มาครอส พลัส  (2040) (รวมถึง OAV และ หนังโรง)

มาครอส 7  (2045-2046)

มาครอส 7 The Galaxy Is Calling Me! (2046)

มาครอส 7 Encore (2046)

มาครอส Dynamite 7 (2047)

มาครอส ฟรอนเทียร์  (2059)[2]

มาครอส เดลต้า (2067)

มาครอส 2 (2092) **แต่ภาคนี้จะถือว่าไม่รวมอยู่ในไทม์ไลน์ของมาครอสก็ว่าได้**

ตารางเวลาเนื้อเรื่อง[แก้]

ปี เดือน เหตุการณ์
ค.ศ. 1999 7 อุกกาบาตขนาดใหญ่ตกมาทางตอนใต้ของ เกาะอัตตาเลีย ซึ่งมันคือ ยานอวกาศนอกโลก หรือ ASS1
ค.ศ. 2001 2 บริษัท ออดิกส์ ฟื้นฟูยาน ASS1 แผนการสร้างยานรบอวกาศเริ่มขึ้น
ค.ศ. 2009 1 SDF1 หรือ มาครอส ถือกำเนิด
2 มาครอส ออกเดินทาง พร้อมกองกำลังเซนทราดี โดยพลังงานแสงอาทิตย์ คณะสำรวจถูกโจมตี และหลุดจากวงโคจรโลก เกิดสงครามโลก และเซ็นโทราตี้ ครั้งที่ 1
11 ฮายาซาวะ, อิจิโจ, แมกซิมิเลียน, โคซากิ ถูกกลุ่มเซนทราดีจับเป็นเชลย การเจรจาของโลก และเซนทราดีเกิดขึ้น
12 มาคอรส เดินทางครั้งใหม่
ค.ศ. 2010 1 แมกซิมิเลียนและมิเรีย แต่งงานกันในอวกาศ ถือเป็นคู่แรกระหว่างมนุษย์และเมลทรานดี
2 มาครอส และกองเรือบริตไทม์ เจรจาสงบศึก หลังจากที่ฝ่ายโลกใช้แผนลินมินเมย์ ในการรวมทั้ง 2 ฝ่ายเข้าด้วยกัน
3 จากหมดสงครามอวกาศครั้งที่ 1 มีการย้ายคนไปบนดวงจันทร์ ทางฝั่งยานอพอลโล ด้วยยาน โคโลนี่หลายแสนคน
4 จัดตั้งรัฐบาลใหม่ มีโปรแกรมการศึกษา เซนทราดี เปิดใช้ เข้าสู่ยุคไมครอน
5 เมืองมาครอส ถือกำเนิดครั้งใหม่ คนและสัตว์ต่างมีการทำโคลนนิ่ง
6 ฐานอพอลโลบนดวงจันทร์สร้าง SDF2 และเปลี่ยนชื่อเป็น เมกาโรด 01
ค.ศ. 2011 3 มิเรีย และ แมกซิมิเลียน ให้กำเนิดทารกจากการผสมในอวกาศ มีชื่อว่า โคมิเลีย มีเรีย ฟารีนา จีเนียส
8 เกิดการระเบิดครั้งใหญ่หลายจุดบนโลก
9
10
11
ค.ศ. 2012 1
8
9
ค.ศ. 2013 4
11
ค.ศ. 2014
ค.ศ. 2016
ค.ศ. 2017 บุตรคนที่สองของมีเรียและแมกซิมิเลียนชื่อ มิราเคิล จีเนียส กำเนิด
ค.ศ. 2022 บุตรแฝดของมีเรียและแมกซิมิเลียนชื่อ มิวส์ จีเนียส และ เทเรส จีเนียส กำเนิด
ค.ศ. 2024 บุตรคนที่ 5 ของมีเรียและแมกซิมิเลียนชื่อ เอมิเลีย จีเนียส กำเนิด
ค.ศ. 2025
ค.ศ. 2026 บุตรคนที่ 6 ของมีเรียและแมกซิมิเลียนชื่อ มิรันดา จีเนียส กำเนิด
ค.ศ. 2030 9
11
12
ค.ศ. 2031 2 มิเลน แฟลร์ จีเนียส บุตรสาวคนที่ 7 ของมิเรียและแมกซิมิเลียนกำเนิด
ค.ศ. 2038
ค.ศ. 2040
ค.ศ. 2045 10
ค.ศ. 2046
ค.ศ. 2047
ค.ศ. 2059

รายชื่อตอน[แก้]

เพลง[แก้]

เพลงที่สำคัญๆของมาครอสภาคนี้

  • - Macross [Opening song] มาครอส
  • - รัก,ยังจำได้ไหม [ลิน มินเมย์] Ai, Oboete Imasuka
  • - แฟนของฉันเป็นนักบิน [ลิน มินเมย์] Watashi no Kare wa Pilot

แผนผังวิวัฒนาการ[แก้]

เผ่า รายละเอียด เพิ่มเติม
Protoculture เป็นมนุษย์ผู้ทรงปัญญาเผ่าพันธ์แรกของจักรวาลที่มีอารยธรรม
Zentradi กองกำลังทหารมนุษย์ยักษ์ที่ถูกสร้างโดย Protoculture แบ่งเป็น Zentran (เพศชาย) และ Meltlandi (เพศหญิง) ทั้งสองฝ่ายเป็นศัตรูกัน
Human มนุษย์โลก ชาย หญิง ที่ถูกสร้างโดย Protoculture
Protodeviln ทหารยักษ์ที่ถูกสร้างโดย Protoculture ให้มีพลังเหนือกว่าเผ่า Zentradi มีทั้งหมด 7 ตน พวกนี้ต้องการ spiritia ในการดำรงชีวิต ซึ่ง spiritia ที่ว่านั้นเกิดจากอารมณ์ความรู้สึกของมนุษย์

อ้างอิง[แก้]

  1. "สำเนาที่เก็บถาวร". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2008-01-06. สืบค้นเมื่อ 2008-01-05.
  2. มามาครอสฟรอนเทียร์

แหล่งข้อมูลอื่น[แก้]