มหาวิหารซันตาโกรเช

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
ด้านหน้าบาซิลิกา
ภายใน

บาซิลิกาซานตาโครเช (ภาษาอิตาลี: Basilica di Santa Croce; ภาษาอังกฤษ: Basilica of the Holy Cross) เป็นวัดบาซิลิกาชั้นรองของนิกายโรมันคาทอลิกตั้งอยู่ที่เมืองฟลอเรนซ์ฟลอเรนซ์ในประเทศอิตาลี ที่ตั้งแต่เดิมเป็นที่ลุ่มนอกกำแพงเมืองฟลอเรนซ์ ภายในวัดเป็นที่เก็บศพคนสำคัญๆ ของอิตาลีเช่นไมเคิล แอนเจโล, กาลิเลโอ กาลิเลอี, และคนอื่นจึงเป็นที่รู้จักกันว่าเป็น “Pantheon of the Italian Glories” (จุดยอดของความเลิศของอิตาลี)

สิ่งก่อสร้าง[แก้]

วัดซานตาโครเชเป็นวัดฟรานซิสกันที่ใหญ่ที่สุดในโลก สิ่งที่เด่นของวัดคือชาเปลสิบหกชาเปลในจำนวนนั้นบางชาเปลเป็นจิตรกรรมฝาผนังโดยจอตโต ดี บอนโดเนและลูกศิษย์ และอนุสรณ์ผู้เสียชีวิต

ตามตำนานกล่าวว่าวัดซานตาโครเชก่อตั้งโดยนักบุญฟรานซิสแห่งอาซิซิเอง ตัววัดปัจจุบันสร้างแทนวัดเดิมโดยเริ่มการก่อสร้างเมื่อวันที่ 12 พฤษภาคม ค.ศ. 1294[1] อาจจะโดยสถาปนิกอาร์นอลโฟ ดิ แคมบิโอ (Arnolfo di Cambio) โดยทุนทรัพย์จากครอบครัวผู้มั่งคั่งในฟลอเรนซ์ วัดได้รับการสถาปนาเมื่อปี ค.ศ. 1442 โดยสมเด็จพระสันตะปาปายูจีนที่ 4 ตัวสิ่งก่อสร้างสะท้อนให้เห็นความเรียบง่ายของลัทธิฟรานซิสกัน ผังเป็นกางเขนอียิปต์แบบตัว “T” (Tau cross) ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของนักบุญฟรานซิส [1] ยาว 115 เมตรด้วยทางเดินกลางแยกจากทางเดินข้างด้วยแนวคอลัมน์แปดเหลี่ยม ทางด้านใต้เดิมเป็นคอนแวนต์ซึ่งยังมีตัวตึกหลงเหลืออยู่

ภายในคอนแวนต์เป็นชาเปลแพซซี (Cappella dei Pazzi) สร้างสำหรับใช้เป็นหอประชุมสงฆ์ ระหว่างปี ค.ศ. 1442 ถึงปี ค.ศ. 1446 และมาเสร็จเมื่อปีคริสต์ทศศตวรรษ 1470 ฟีลิปโป บรูเนลเลสกี (ผู้เป็นผู้ออกแบบและสร้างมหาวิหารฟลอเรนซ์) มีส่วนในการออกแบบซึ่งรักษาความเรียบง่ายปราศจากการตกแต่ง

ในปี ค.ศ. 1560 ทางวัดรื้อฉากกางเขนที่แยกระหว่างทางเดินกลางกับบริเวณสงฆ์ออกเพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายการปฏิรูปศาสนาของนิกายโรมันคาทอลิก (Counter-Reformation) ภายในก่อสร้างใหม่โดยจอร์โจ วาซารี ซึ่งทำให้การตกแต่งเดิมเสียหายไปบ้างโดยเฉพาะแท่นบูชาเกือบทั้งหมดซึ่งแต่เดิมเป็นส่วนหนึ่งของฉาก

หอระฆังสร้างในปี ค.ศ. 1842 แทนหอเดิมที่ถูกทำลายโดยฟ้าผ่า เป็นลักษณะแบบสถาปัตยกรรมฟื้นฟูกอธิค ด้านหน้าเป็นหินอ่อนโดย นิโคโล มาทาส (Nicolò Matas) จากปี ค.ศ. 1857-1863 ฟีลิปโป บรูเนลเลสกีเป็นผู้สร้างภายในคอนแวนต์ เสร็จเมื่อ ค.ศ. 1453 ในปี ค.ศ. 1966 เมื่อน้ำท่วมเมืองฟลอเรนซ์ทำความเสียหายอย่างหนักแก่วัด ซึ่งต้องใช้เวลาซ่อมหลายสิบปี

ในปี ค.ศ. 1866 วัดกลายมาเป็นสมบัติของสาธารณะตามนโยบายการลดอำนาจของสถาบันศาสนาหลังจากที่ประเทศอิตาลีประกาศตนเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน[2] [3]

พิพิธภัณฑ์ซานตาโครเช (Museo dell'Opera di Santa Croce) ของวัดปัจจุบันตั้งอยู่ในบริเวณที่แต่เดิมเป็นหอฉัน ภายในบริเวณระเบียงคดมีอนุสาวรีย์ของ ฟลอเรนซ์ ไนติงเกล ซึ่งเป็นชื่อเมืองที่ฟลอเรนซ์ตั้งตาม

ในปัจจุบันหอพักของพระแต่เดิมกลายมาเป็นโรงเรียนช่างหนังซึ่งผู้เข้าชมสามารถชมการแสดงสาธิตการทำกระเป๋า และผลิตภัณฑ์เครื่องหนังต่างๆได้

ศิลปะ[แก้]

งานศิลปะของจิตรกรภายในวัดก็ได้แก่:

อนุสรณ์สำหรับผู้เสียชีวิต[แก้]

อนุสรณ์สำหรับไมเคิล แอนเจโล
อนุสรณ์สำหรับกาลิเลโอ กาลิเลอี

บาซิลิกาซานตาโครเชกลายมาเป็นที่นิยมในการเก็บศพของชาวฟลอเรนซ์หรือสร้างอนุสาวรีย์ที่ระลึกที่นั่น อนุสรณ์สำหรับผู้เสียชีวิตบางคนตั้งอยู่ภายในคูหาสวดมนต์ที่เป็นของครอบครัวที่มั่งคั่งเช่นบาร์ดิหรือเปรูซซิ ต่อมาก็มีการสร้างอนุสาวรีย์สำหรับชาวอิตาเลียนคนสำคัญๆ จากเมืองอื่นด้วย อนุสรณ์สำหรับผู้เสียชีวิตที่สำคัญๆ ก็ได้แก่:

อ้างอิง[แก้]

  1. Chiarini, Gloria (2007). "Basilica of Santa Croce". Florence Art Guide. สืบค้นเมื่อ 2007-07-30.
  2. Besse, J M (1911). "Suppression of Monasteries in Continental Europe: C. Italy". Catholic Encyclopedia. New Advent. สืบค้นเมื่อ 2007-07-30.
  3. "Santa Croce: Overview". Opera of Santa Croce. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2007-08-28. สืบค้นเมื่อ 2007-07-30.
  4. Borsook, Eve (1991). Vincent Cronin (บ.ก.). The Companion Guide to Florence, 5th Edition. HarperCollins; New York. pp. 100–104.

ดูเพิ่ม[แก้]

แหล่งข้อมูลอื่น[แก้]