พระเกตุ

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
พระเกตุ
เทวนาครี: केतु
พระเกตุ ในคติอินเดีย ทรงคทา ทรงนกอินทรีเป็นพาหนะ
ตำแหน่งเทพแห่งความเป็นสิริมงคล ความลึกลับ ความหวั่นไหว การทะเลาะวิวาท การเสียสละ การปล่อยวาง ดาวหาง
จำพวกเทวดานพเคราะห์ และอสูร
อาวุธพระขรรค์,ดาบ,โล่,ธง,คทา,หอก,หม้อน้ำ,ลูกประคำ ฯลฯ
สัตว์พาหนะนาค,นกอินทรี,แร้ง,ปลา,กวาง,แพะ,ราชรถสีส้มเทียมม้าสีแดง ๘ ตัว
คู่ครองพระนางจิตรเลขา
บุตรกุมิตัน (วานรสิบแปดมงกุฎในรามเกียรติ์)
ดาวพระเคราะห์เกตุโลก หรือ ดาวเกตุ (ดาวเนปจูน)

พระเกตุ (เทวนาครี: केतु เกตุ) เป็นเทวดานพเคราะห์องค์หนึ่ง ในคติไทย พระเกตุถูกสร้างขึ้นมาจากพระศิวะทรงนำนาค ๙ ตัว บดป่นเป็นผง ห่อผ้าสีทอง ประพรมด้วยน้ำอมฤต แล้วเสกได้เป็นพระเกตุ มีพระวรกายสีทอง ทรงเครื่องประดับด้วยทองคำและแก้วโกเมน ทรงนาคเป็นพาหนะ ประจำอยู่ทิศเบื้องกลาง บ้างก็ว่า พระเกตุเกิดจากหางของพระราหู เนื่องจากพระราหูแอบไปขโมยน้ำอมฤตที่เทวดาได้กวนไว้ดื่ม พระวิษณุโกรธจึงขว้างจักรตัดเอวพระราหู เดชะฤทธิ์น้ำอมฤต พระราหูจึงไม่ตาย และกลับไปยังวิมานเดิม หางที่ขาดนั้นเองก็กลายเป็นพระเกตุ ประจำอยู่ทิศเบื้องกลาง ให้ผลเป็นกลาง ๆ ในการพยากรณ์ จึงไม่นิยมพิจารณาพระเกตุมากนัก

พระเกตุครึ่งนาคหัวขาดแบบฮินดู

ในคติฮินดู พระเกตุ เป็นน้องชายของพระราหู ที่เกิดจากท้าววิประจิตติ กับนางสิงหิกา แต่ส่วนมากนิยมว่า พระเกตุเป็นส่วนลำตัวของพระราหูที่ถูกจักรตัดออกไป พระราหูจึงมีแต่หัว ส่วนพระเกตุมีแต่ลำตัวที่ไม่มีหัว บ้างก็ว่าพระศุกร์ได้นำนาคมาผ่าเป็น ๒ ส่วน เพื่อมาต่อให้ราหูและเกตุ พระราหูมีหัวเป็นอสูรตัวเป็นเทพนาค พระเกตุมีหัวเป็นเทพนาคตัวเป็นอสูร

ลักษณะของพระเกตุ ในคติไทย เป็นเทพบุรุษมีกายสีทอง มี ๒ กร ทรงพระขรรค์เป็นอาวุธ สวมมงกุฎยอดชัย สวมอาภรณ์สีทอง ทรงเครื่องประดับด้วยทองคำและแก้วโกเมน ทรงนาคเป็นพาหนะ ในคติฮินดู เป็นเทพอสูรมีกายสีส้มทองดังดอกทองกวาว กายใหญ่ มีเศียรใหญ่ นัยน์ตาสีแดงเลือด บ้างก็ว่าสีน้ำตาล มี มี ๔ กร ทรงธง คทา ดาบ โล่ ฯลฯ สวมมงกุฎทองคำ มีรัศมีสีแดง สวมอาภรณ์สีทองและสีแดง ทรงเครื่องประดับด้วยทองคำและแก้วโกเมน ทรงนกอินทรีเป็นพาหนะ บ้างก็วาดพระเกตุเป็นครึ่งอสูรครึ่งนาค บ้างก็วาดพระเกตุเป็นครึ่งอสูรครึ่งนาค แต่หัวขาด พระเกตุ ยังมีนามอื่นๆอีก อาทิ เช่น พระโฆระ,พระสถูลศิระ,พระธวชากฤติ,พระมหาภีติกร,พระจิตรวรรณ,พระรักตเนตร,พระมหาสูร,พระกรูระกัณฐ์,พระโกรธนิธิ,พระอันตยเคราะห์,พระคทาปาณี,พระมันทสขา ฯลฯ

ในโหราศาสตร์ไทย พระเกตุถูกแทนด้วยสัญลักษณ์ ๙ (เลขเก้าไทย) มีอัตราการจรในแต่ละราศีประมาณสองเดือน โคจรย้อนจักรราศีเช่นเดียวกับราหู แต่ไม่ได้เล็งกับราหูตลอดเวลาเช่นทางสากลและอินเดีย โดยในส่วนของเกตุมีความสัมพันธ์กับจันทร์ จึงเป็นปัจจัยที่มีความหมายที่คล้ายกับจันทร์ส่วนหนึ่งคือความหวั่นไหว อ่อนไหวได้ง่าย แต่ว่าเป็นขั้นสูงของจันทร์ที่ละเอียดกว่า จึงแทนด้วยสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่รับรู้ได้ด้วยใจ และเมื่อเกตุไปกุมกับดาวเคราะห์ใดๆ จะทำให้ดาวนั้นเพิ่มการตอบสนองจากการถูกกระทบมากขึ้น เช่นการเกิดอารมณ์ร่วมกับเหตุการณ์อันเกิดจากดาวที่จรมากระทบได้มากขึ้นกว่าเดิม ซึ่งมีสิ่งที่เกิดดุจดังเลข ๙ ที่มีลักษณ์ที่ดุจดังน้ำหรือเปลวไฟที่มีอาการสั่นไหวนั่นเอง

พระเกตุเมื่อเทียบกับความเชื่อทางตะวันตกแล้ว เทียบได้กับโพไซดอนตามเทพปกรณัมกรีก และเนปจูนตามเทพปกรณัมโรมัน

ส่วนเกตุทางสากลและอินเดียคือจุดตัดของวงโคจรโลกรอบดวงอาทิตย์ตัดกับดวงจันทร์โคจรรอบโลก คือช่วงที่เป็นจุดตัดที่มีทิศทางการโคจรของดวงจันทร์จากที่อยู่ทิศใต้ของเส้นวงโคจรของโลกรอบดวงอาทิตย์กำลังเดินขึ้นไปทางทิศเหนือของเส้นวงโคจรของโลกรอบดวงอาทิตย์

อ้างอิง[แก้]

  • อุระคินทร์ วิริยะบูรณะ และคณะ.พรหมชาติ ฉบับหลวง. กรุงเทพฯ:สำนักงาน ลูก ส.ธรรมภักดี, ม.ป.ป.
  • เทพย์ สาริกบุตร และคณะ.พรหมชาติ ฉบับราษฎร์. กรุงเทพฯ:สำนักงาน ลูก ส.ธรรมภักดี, ม.ป.ป.