พระบาทสมเด็จพระนโรดม สีหนุ

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
พระบาทสมเด็จพระนโรดม สีหนุ
พระมหาวีรกษัตริย์
พระวรราชบิดา
พระบรมฉายาลักษณ์ในปี 2526
พระมหากษัตริย์กัมพูชา
ครองราชย์ครั้งที่ 124 เมษายน 2484 – 2 มีนาคม 2498
ราชาภิเษก3 พฤษภาคม 2484
ก่อนหน้าพระบาทสมเด็จพระสีสุวัตถิ์ มุนีวงศ์
ถัดไปพระบาทสมเด็จพระนโรดม สุรามฤต
นายกรัฐมนตรี
ครองราชย์ครั้งที่ 224 กันยายน 2536  – 7 ตุลาคม 2547
ราชาภิเษก24 กันยายน 2536
ก่อนหน้าเจีย ซีม (ผู้สำเร็จราชการ)
ถัดไปพระบาทสมเด็จพระบรมนาถ นโรดม สีหมุนี
นายกรัฐมนตรี
พระราชสมภพ31 ตุลาคม พ.ศ. 2465
พนมเปญ กัมพูชาของอินโดจีน
สวรรคต15 ตุลาคม พ.ศ. 2555 (89 พรรษา)
ปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน
พระอัครมเหสีพระมหาวีรกษัตรีย์นโรดม มุนีนาถ สีหนุ พระวรราชมารดา
พระราชบุตร14 พระองค์
พระนามเต็ม
พระกรุณา พระบาทสมเด็จพระนโรดม สีหนุ ราชหริวงศ์ อุภโตสุชาติ วิสุทธิวงศ์ อัคคมหาบุรุษรัตน์ นิกโรดม ธัมมิกมหาราชาธิราช บรมนาถ บรมบพิตร พระเจ้ากรุงกัมพูชาธิบดี
ราชวงศ์ราชวงศ์ตรอซ็อกผแอม
(สายราชสกุลนโรดม)
พระราชบิดาพระบาทสมเด็จพระนโรดม สุรามฤต
พระราชมารดาพระมหากษัตริยานีสีสุวัตถิ์มุนีวงศ์ กุสุมะนารีรัตน์สิริวัฒนา
ศาสนาศาสนาพุทธ
ลายพระอภิไธย

พระบาทสมเด็จพระนโรดม สีหนุ (เขมร: នរោត្ដម សីហនុ; นโรตฺฎม สีหนุ ออกเสียง โนโรด็อม สีหนุ[1]; 31 ตุลาคม 2465 – 15 ตุลาคม 2555)  พระมหากษัตริย์รัชกาลที่ 112 แห่งราชอาณาจักรกัมพูชาตั้งแต่ปี 2484 – 2498 และ 2536 – 2547 โดยการสละราชบัลลังก์ให้แก่พระราชโอรสนโรดม สีหมุนี และดำรงพระอิสริยยศเป็นพระมหาวีรกษัตริย์ (พระวรราชบิดา) ในท้ายสุด

พระองค์เป็นกษัตริย์แห่งกัมพูชา, ประมุขแห่งรัฐกัมพูชา และนายกรัฐมนตรีแห่งกัมพูชาหลายสมัย กระทั่งบันทึกสถิติโลกกินเนสส์ได้บันทึกไว้ว่า พระองค์ทรงเป็นนักการเมือง ที่ทรงดำรงตำแหน่งทางการเมืองมากมายที่สุดในโลก (the world's greatest variety of political offices) [2][3][4][5] กล่าวคือ เป็นพระมหากษัตริย์ 2 สมัย ทรงเป็นประมุขแห่งรัฐ (ดำรงตำแหน่งกษัตริย์โดยไม่ได้รับการบรมราชาภิเษก) 2 สมัย ประธานาธิบดี 1 สมัย นายกรัฐมนตรี 2 สมัย และประมุขแห่งรัฐของรัฐบาลพลัดถิ่นของพระองค์เองอีก 1 สมัย ทั้งนี้พระองค์เป็นหุ่นเชิดของรัฐบาลเขมรแดงช่วงปี 2518 – 2519[6]

พระราชประวัติ[แก้]

พระกรุณาพระบาทสมเด็จพระนโรดม สีหนุ เสด็จพระราชสมภพเมี่อวันที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2465 ที่พระบรมราชวังจตุมุขสิริมงคลในกรุงพนมเปญ มีพระยศแต่เดิมว่า นักองราชวงศ์นโรดม สีหนุ เป็นพระราชโอรสพระองค์แรกและพระองค์เดียวในพระบาทสมเด็จพระนโรดม สุรามฤต ที่ประสูติแต่พระมหากษัตริยานีสีสุวัตถิ์มุนีวงศ์ กุสุมะนารีรัตน์เสรีวัฒนา พระองค์มีพระอนุชา และพระขนิษฐาต่างมารดา ได้แก่ พระองค์เจ้านโรดม วิชรา, สมเด็จกรมขุนนโรดม สิริวุธ และพระองค์เจ้านโรดม ปรียาโสภณ[7] ที่ประสูติแต่คุณเทพกัญญาโสภา (คิม อันยิป) [8]

พระองค์สืบเชื้อสายจากสองราชสกุล ได้แก่ ราชสกุลนโรดม กับ ราชสกุลสีสุวัตถิ์ สองราชสกุลที่ขัดแย้งกันในพระราชวงศ์ การที่พระองค์ทรงเป็นพระราชโอรสของพระบาทสมเด็จพระนโรดม สุรามฤตจากราชสกุลนโรดมและสมเด็จพระมหากษัตริยานีสีสุวัตถิ์ กุสุมะ นารีรัตน์ สิริวัฒนาจากราชสกุลสีสุวัตถิ์ นั้นทำให้พระองค์ทรงเป็นเสมือนผู้ไกล่เกลี่ยความขัดแย้งระหว่างสองราชสกุลให้ยุติลงและหันมาปรองดองกัน[9]

สมเด็จกรมพระนโรดม สุทธารส และพระองค์เจ้านโรดม พงางาม พระอัยกาฝ่ายพระชนกของพระองค์ เป็นพระราชบุตรในพระบาทสมเด็จพระนโรดม บรมรามเทวาวตาร แต่ต่างมารดากัน โดยสมเด็จกรมพระนโรดม สุทธารส ประสูติแต่คุณจอมเอี่ยมบุษบา สตรีชาวไทยจากสกุลอภัยวงศ์[10] ส่วนพระอัยยิกาฝ่ายพระชนกคือ พระองค์เจ้านโรดม พงางาม ประสูติแต่เจ้าจอมมารดานวล[10] ดังนั้นพระองค์นับเป็นพระญาติชั้นที่ 2 ของพระนางเจ้าสุวัทนา พระวรราชเทวีในรัชกาลที่ 6 ซึ่งทรงอุบัติในสกุลอภัยวงศ์ และพระญาติชั้นที่ 3 ของสมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี พระราชธิดาในพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวของสยาม ผ่านทางคุณจอมเอี่ยมบุษบา ทวดของพระองค์[11][12]

ส่วนพระอัยกาฝ่ายพระชนนีคือ พระบาทสมเด็จพระสีสุวัตถิ์ มุนีวงศ์ กษัตริย์รัชกาลก่อนหน้า ซึ่งเป็นพระราชโอรสในพระบาทสมเด็จพระสีสุวัตถิ์ ส่วนพระอัยยิกาฝ่ายพระชนนีคือ นักองมจะ นโรดม กาญจนวิมาน นรลักขณเทวี พระราชนัดดาในพระบาทสมเด็จพระนโรดม พรหมบริรักษ์[13]

พระองค์ได้นิยามตัวตนเมื่อครั้งยังทรงพระเยาว์ว่าเป็น "เด็กแก่น"[14] หรือ "เด็กซน"[4][5]

มูลเหตุแห่งการครองราชย์[แก้]

แม้จะมีการกล่าวกันว่าฝรั่งเศสมีปัจจัยในการเลือกพระองค์ขึ้นครองราชย์ อันเนื่องมาจากพระองค์ได้สืบเชื้อสายจากสองราชสกุล คือ นโรดมจากพระบิดา และสีสุวัตถิ์จากพระมารดา เมื่อเลือกพระองค์เป็นกษัตริย์ก็ถือเป็นการประนีประนอมแก่ทั้งสองราชสกุล และพระองค์ก็ใช้เหตุผลนี้อ้างเช่นกัน[15] แต่ข้อความดังกล่าวไม่เป็นความจริง เพราะมีเชื้อพระวงศ์อีกหลายพระองค์ซึ่งสืบเชื้อสายมาจากทั้งสองราชสกุล และอยู่ใกล้การสืบสันตติวงศ์มากกว่าพระองค์ด้วยซ้ำ[16] เช่น สมเด็จกรมพระสีสุวัตถิ์ มุนีเรศ พระราชโอรสในพระบาทสมเด็จพระสีสุวัตถิ์ มุนีวงศ์[17] และพระองค์เจ้านโรดม นรินทเดช ผู้นำคณะเสรีภาพ ก็เคยเป็นตัวเลือกของฝรั่งเศสในการสืบราชสมบัติต่อพระบาทสมเด็จสีสุวัตถิ์ มุนีวงศ์[18] เป็นต้น

ในช่วงที่ฝรั่งเศสอ่อนแอหลังจากความพ่ายแพ้ต่อเยอรมันในปี ค.ศ. 1940[19] และการที่ฝรั่งเศสยอมโอนอ่อนให้ญี่ปุ่นเข้ามาตั้งกองทหารในอาณานิคมอินโดจีนปลายปีเดียวกัน ตามด้วยการไกล่เกลี่ยสงครามฝรั่งเศสกับไทยช่วงต้นปี ค.ศ. 1941 ซึ่งลงเอยด้วยการเสียดินแดน[19] จนในเดือนสิงหาคม ค.ศ. 1941 ฝรั่งเศสก็ยอมให้ทหารญี่ปุ่น 8,000 นาย เข้ามาตั้งในกัมพูชา[19] แม้ฝรั่งเศสจะประนีประนอมกับกัมพูชา แต่กระนั้นก็มิได้ลดความเข้มงวดลงนัก โดยเฉพาะสถาบันพระมหากษัตริย์ เนื่องจากฝรั่งเศสต้องการใช้สถาบันกษัตริย์เพื่อเป็นเครื่องมือต่อการธำรงอำนาจของตนต่อไป[19]

ครองราชย์ครั้งแรก[แก้]

พระมหากษัตริย์แห่งกัมพูชายุคใหม่
สมเด็จพระหริรักษ์รามมหาอิศราธิบดี
พระบาทสมเด็จพระนโรดม บรมรามเทวาวตาร
พระบาทสมเด็จพระสีสุวัตถิ์
พระบาทสมเด็จพระสีสุวัตถิ์ มุนีวงศ์
พระบาทสมเด็จพระนโรดม สีหนุ (ครั้งที่ 1)
พระบาทสมเด็จพระนโรดม สุรามฤต
พระบาทสมเด็จพระนโรดม สีหนุ (ครั้งที่ 2)
พระบาทสมเด็จพระบรมนาถ นโรดม สีหมุนี
พระบาทสมเด็จพระนโรดม สีหนุ ในพระราชพิธีราชาภิเษกปีพ.ศ. 2484

หลังการเสด็จสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระสีสุวัตถิ์ มุนีวงศ์ ฝรั่งเศสจึงส่งราชสมบัติไปยัง นักองราชวงศ์นโรดม สีหนุ เชื้อพระวงศ์หนุ่มที่กำลังศึกษาอยู่ในลีเซ Chasseloup-Laubat ในไซ่ง่อน นักองราชวงศ์นโรมดม สีหนุ จึงเสด็จขึ้นครองราชสมบัติครั้งแรกเมื่อเดือนกันยายน พ.ศ. 2484 ทำให้การสืบราชสันตติวงศ์ของกัมพูชากลับมายังสายของพระบาทสมเด็จพระนโรดม พรหมบริรักษ์ หรือนักองราชาวดีอีกครั้งหนึ่ง[20] ด้วยฝรั่งเศสมั่นใจอย่างยิ่งยวดว่าจะสามารถคุมสถาบันพระมหากษัตริย์ให้ได้[19]

ต้นรัชกาล ผู้ที่ทรงอำนาจเหนือกว่าพระองค์กลับเป็น ออกญาวังวรเวียงชัย (จวน) เสนาบดีผู้ภักดีต่อการปกครองของฝรั่งเศส พระองค์เคยกล่าวถึงเขาว่า "[เป็น] ราชาองค์น้อย ๆ อย่างแท้จริง ทรงอำนาจดุจเรสิดังสุเปริเออร์ [Residents-Supérieur]"[21][22] แต่เขาก็พ้นจากตำแหน่งหลังการครองราชย์ของพระองค์ ซึ่งเป็นเครื่องหมายที่ฝรั่งเศสเอาใจยุวกษัตริย์พระองค์ใหม่ แม้ฝรั่งเศสจะเหลือขุนนางที่ภักดีต่อตนบ้าง เช่น จวน ฮล บุตรของออกญาวังวรเวียงชัย แต่ก็ไม่ทรงอิทธิพลเท่าบิดา[17]

อย่างไรก็ตามช่วงที่พระองค์ครงราชย์นั้นเป็นช่วงที่มีการต่อต้านฝรั่งเศสและเกิดกระแสชาตินิยม แต่ฝรั่งเศสก็ยังมีความสามารถที่จะปกป้องระบบการปกครองของตน ดังเมื่อเกิดการประท้วงในเดือนกรกฎาคม ค.ศ. 1942 เนื่องจากการที่ฝรั่งเศสจับกุมพระภิกษุรูปหนึ่งในข้อหาวางแผนรัฐประหารโดยมิให้ลาสิกขาเสียก่อน ฝรั่งเศสจึงใช้กำลังสลายกลุ่มผู้ชุมนุมกว่าพันคนอย่างรวดเร็ว[23] และช่วงปี ค.ศ. 1940 ก็มีการชุมนุมเรียกร้องเอกราชที่พระตะบองนำโดยปก คุณ (วิบูล ปกมนตรี) และรัฐบาลไทยในช่วง ค.ศ. 1940–1948 ก็ต่างสนับสนุนทุน, ฐาน และอื่น ๆ แก่เขมรอิสระ จึงมีการติดอาวุธต่อสู้กับฝรั่งเศสแถบชายแดนไทยอยู่เนือง ๆ [24] แต่ภายหลังเมื่อรัฐบาลไทยยุติการสนับสนุนเขมรอิสระจึงแตกเป็นหลายกลุ่ม เช่น ฝ่ายซ้ายเข้ากับเวียดมินห์ ส่วนฝ่ายขวาก็ทำการต่อต้านฝรั่งเศสและสีหนุ เป็นอาทิ[24]

วันที่ 9 มีนาคม ค.ศ. 1945 กองทหารญี่ปุ่นที่ยึดครองอินโดจีนของฝรั่งเศสอย่างหลวม ๆ ตั้งแต่ปลายปี ค.ศ. 1940 ได้เข้าปลดอาวุธฝรั่งเศสทั่วอินโดจีน และให้เจ้าหน้าที่ชาวฝรั่งเศสลาออกจากตำแหน่งการปกครอง[25] รวมทั้งมีการติดอาวุธให้แก่ชาวกัมพูชา และปลุกกระแสชาตินิยมต่อต้านฝรั่งเศสมาใช้เพื่อทานการรุกของฝ่ายสัมพันธมิตรที่คาดว่าจะเกิดในปีนั้น[25] โดยพระบาทสมเด็จพระนโรดม สีหนุทรงออกมาประกาศเอกราชและยกเลิกสนธิสัญญาและพันธะกรณีทั้งปวงที่มีต่อฝรั่งเศสออกเสีย และสร้างข้อตกลงกับญี่ปุ่นแทน[25]

ในวันที่ 9 สิงหาคม10 สิงหาคม ค.ศ. 1945 ได้มีการรัฐประหารต่อต้านกษัตริย์ซึ่งเป็นพวกของเซิง งอกทัญ ขณะที่เซิง งอกทัญ ได้ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีในเดือนเดียวกัน[26] หลังจากการรัฐประหารที่คลุมเครือ และไม่กี่วันต่อมาญี่ปุ่นก็ยอมแพ้แก่สัมพันธมิตรให้หยั่งเสียงการสนับสนุนเอกราช ซึ่งเป็นไปอย่างท่วมท้น แต่ภายหลังนายกเซิง งอกทัญ ก็ถูกปลดออก และฝรั่งเศสก็กลับมามีอำนาจแทนที่[27]

ตำแหน่งนักการเมือง[แก้]

ทรงสละราชสมบัติเมื่อวันที่ 2 กันยายน พ.ศ. 2498 ให้แก่พระบาทสมเด็จพระนโรดม สุรามฤต พระราชบิดา เพื่อทรงดำรงตำแหน่งทางการเมืองเป็นนายกรัฐมนตรีของประเทศกัมพูชา

เมื่อทรงเวนราชสมบัติถวายพระราชบิดา ทรงดำรงฐานันดรศักดิ์ที่พระมหาอุปยุวราชในพระนามสมเด็จพระนโรดมสีหนุ เมื่อพระราชบิดาเสด็จสุรคตใน พ.ศ. 2503 ก็ได้มีคณะผู้สำเร็จราชการแผ่นดินแทนพระองค์พระมหากษัตริย์ขึ้น มีสมเด็จกรมพระสีสุวัตถิ์มุนีเรศเป็นองค์ประธาน ต่อมา สมเด็จพระนโดมสีหนุตัดสินพระทัยให้มีตำแหน่งประมุขของรัฐขึ้นมาแทนที่พระมหากษัตริย์ โดยพระองค์ได้ทรงดำรงตำแหน่งนั้น แต่สถาบันพระมหากษัตริย์ก็ยังคงอยู่โดยมีพระราชชนนีของพระองค์เองเป็นพระนิมิตรูปหรือสัญลักษณ์ของสถาบันพระมหากษัตริย์

พระบาทสมเด็จพระนโรดม สีหนุขณะเสด็จเยือนโรมาเนียใน พ.ศ. 2515 กับประธานาธิบดีแห่งโรมาเนีย นิโคไล เชาเชสกู (ซ้าย) และ สมเด็จพระราชอัคคมเหสี นโรดม มุนีนาถ (กลาง)

สมเด็จพระนโรมดมสีหนุได้ตั้งพรรคการเมืองสังคมราษฎร์นิยมขึ้นมาเพื่อลงเลือกตั้งใน พ.ศ. 2498 โดยทรงชนะการเลือกตั้ง และได้ทรงบริหารดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีบ้าง ประมุขแห่งรัฐบ้างไปอีกถึง 15 ปี และที่สำคัญคือทรงเป็น "สมเด็จโอว" หรือ "สมเด็จพ่อ" ของประชาชนชาวกัมพูชานั่นเอง

พ.ศ. 2513 สมาชิกสภาแห่งชาติลงมติปลดสมเด็จพระนโรดมสีหนุออกจากตำแหน่งประมุขรัฐขณะเสด็จเยือนต่างประเทศ แผนการรัฐประหารครั้งนี้นำโดยนักองค์ราชวงศ์สีสุวัตถิ์ สิริมตะและมีลอน นอลเป็นผู้ลงนามประกาศสบับสนุนการปลดพระองค์ในสภาแห่งชาติ และมีการสถาปนาสาธารณรัฐเขมรขึ้น

พระอิสริยยศพระวรราชบิดา[แก้]

หลังจากความวุ่นวายทางการเมืองหลายปี เมื่อมีการสถาปนาราชอาณาจักรกัมพูชาขึ้นมาใหม่ ทรงครองราชสมบัติครั้งที่สองเมื่อวันที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2536 ทรงสละราชสมบัติเมี่อวันที่ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2547 ขณะมีพระชนมพรรษา 82 พรรษา และทรงดำรงพระบรมราชอิสริยยศเป็น "พระมหาวีรกษัตริย์ พระวรราชบิดา เอกราช บูรณภาพดินแดน และความเป็นเอกภาพแห่งชาติเขมร"

สวรรคต[แก้]

ภาพเครื่องบินที่นำพระบรมศพของพระองค์กลับสู่กัมพูชา

พระบาทสมเด็จพระนโรดม สีหนุ พระมหาวีรกษัตริย์ พระวรราชบิดา เสด็จสวรรคตด้วยพระอาการพระหทัยวาย ณ กรุงปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน เมื่อวันที่ 15 ตุลาคม 2555 หลังจากที่ทรงพระประชวรด้วยพระโรคมะเร็งในพระอันตะ, เบาหวาน และความดันโลหิตสูง[28][29] สิริพระชนมพรรษาได้ 89 ปี 349 วัน [30]

ในกัมพูชามีการลดธงครึ่งเสาและงดงานรื่นเริงทั่วประเทศ ในการนี้พระบาทสมเด็จพระบรมนาถ นโรดม สีหมุนี พระมหากษัตริย์องค์ปัจจุบัน, พระมหาวีรกษัตรีย์นโรดม มุนีนาถ พระวรราชมารดา และสมเด็จอัครมหาเสนาบดีเดโช ฮุน เซน นายกรัฐมนตรี ได้เสด็จพระราชดำเนินและเดินทางไปยังกรุงปักกิ่ง เพื่อรับพระบรมศพพระวรราชบิดามายังพระบรมราชวังจตุมุข[31] และหลังจากนี้จะมีการตั้งพระบรมศพไว้เป็นเวลา 3 เดือนก่อนที่จะมีพระราชพิธีปลงพระบรมศพซึ่งจะกระทำตามอย่างโบราณราชประเพณีเช่นเดียวกับงานพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระนโรดม สุรามฤต ในปี 2503[32]

ในการนี้พระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ได้ส่งพระราชสาส์นแสดงความเสียพระราชหฤทัย[33] ส่วนยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น ก็ได้แสดงความเคารพพระบรมศพด้วย[34]

พระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ[แก้]

ริ้วขบวนอัญเชิญพระบรมศพเข้าสู่พระบรมราชวัง
พระเมรุมาศในพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ

1 กุมภาพันธ์ 2556 ชาวกัมพูชานับแสนคนร่วมแสดงความอาลัยแน่นตลอดเส้นทางก่อนเคลื่อนพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระนโรดม สีหนุ พระวรราชบิดา และอดีตกษัตริย์แห่งกัมพูชา พระบรมศพของพระองค์ถูกอัญเชิญจากพระบรมมหาราชวังไปยังพระเมรุซึ่งสร้างขึ้นตามราชประเพณี โดยมีการยิงสลุต 101 นัด และเคลื่อนขบวนพระบรมศพเพื่อให้พสกนิกรได้มีโอกาสถวายความอาลัยเป็นครั้งสุดท้าย[35]

พระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพถูกจัดขึ้นในเวลา 16.00 นาฬิกา ของวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2556[36] ถือเป็นงานพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพของพระบรมวงศานุวงศ์กัมพูชาในรอบ 52 ปี[37] พระราชพิธีเสร็จสิ้นลงในเวลา 18.30 นาฬิกา[38] ในการนี้มีชาวกัมพูชาร่วมแสดงความไว้อาลัยเป็นจำนวนมากซึ่งคาดว่าอาจมีมากถึง 6 แสนคน[39] รวมทั้งผู้แทนจาก 16 ประเทศก็ได้เข้าร่วมงานดังกล่าวด้วย[38]

ส่วนพระราชพิธีเก็บพระบรมอัฐินั้นมีขึ้นในวันที่ 5 กุมภาพันธ์ ปีเดียวกัน พระบรมราชสรีรางคารส่วนหนึ่งจะถูกอัญเชิญไปลอยในจุดบรรจบของแม่น้ำโขง, แม่น้ำบาสัก และแม่น้ำโตนเลสาบ[37] ส่วนพระสรีรางคารอีกส่วนจะถูกอัญเชิญไปยังพระบรมมหาราชวังเพื่อบรรจุในพระบรมโกศ[36] ซึ่งตั้งเคียงข้างโกศพระอัฐิของพระองค์เจ้าหญิงคันธาบุปผา พระราชธิดา[40]

อนึ่งในพระราชพิธีดังกล่าวมีธรรมเนียมปฏิบัติปลีกย่อยต่าง ๆ ล้วนคล้ายคลึงกับพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพในไทยทั้งราชรถและธรรมเนียมการแห่ เพียงแตกต่างเป็นบางประการเท่านั้น อาทิ ชาวกัมพูชาสวมชุดไว้ทุกข์สีขาวตามธรรมเนียมชาวเอเชียอาคเนย์ ขณะที่ไทยสวมชุดดำไว้ทุกข์ตามธรรมเนียมตะวันตก, ชาวกัมพูชาทั้งชายและหญิงยังมีการโกนหัวไว้ทุกข์ขณะที่ไทยยกเลิกธรรมเนียมดังกล่าวในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และที่บรรจุพระศพเป็นโลงสี่เหลี่ยมผืนผ้าขณะที่ไทยเป็นโกศแบบโถยอดที่มีลักษณะกลมเป็นทรงสูง[37][41] เป็นต้น

บทบาททางการเมือง[แก้]

กระแสชาตินิยม[แก้]

กรณีพิพาทปราสาทพระวิหาร[แก้]

วิดีโอจากแหล่งข้อมูลภายนอก
พระนโรดม สีหนุเสด็จปราสาทเขาพระวิหาร (ภาษาเขมร) ที่ยูทูบ}

ในช่วงพระองค์ดำรงตำแหน่งเป็นนายกรัฐมนตรียาวนานจนถึงประมุขแห่งรัฐช่วงแรก เพื่อนโยบายชาตินิยมและคะแนนเสียงของพระองค์[42] จึงได้มียกประเด็นกรณีพิพาทเรื่องปราสาทพระวิหาร[43] ซึ่งตั้งอยู่ในบริเวณเทือกเขาพนมดงรัก รอยต่อของจังหวัดพระวิหาร และจังหวัดศรีสะเกษของไทย กัมพูชาได้ยื่นฟ้องต่อศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (หรือ ศาลโลก) อ้างกรรมสิทธิเหนือเขาพระวิหารเมื่อวันที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2502[44] และศาลโลกได้ตัดสินให้ปราสาทเขาพระวิหารตกเป็นของกัมพูชา[44]

ระหว่างนั้น กัมพูชาได้ตัดความสัมพันธ์ทางการทูตของไทย[42] ในปลายปี พ.ศ. 2501 แต่เมื่อต้นปี พ.ศ. 2502 ก็กลับมามีความสัมพันธ์กันใหม่ ก่อนที่จะตัดความสัมพันธ์อีกครั้งในวันที่ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2504[44]

หลังจากที่ศาลโลกได้ตัดสินให้ปราสาทเขาพระวิหารตกเป็นของกัมพูชา ได้มีการเฉลิมฉลองทั่วทั้งพระราชอาณาจักรกัมพูชา รัฐบาลพระองค์ได้จัดให้มีการประกาศวันเฉลิมฉลองชัยชนะแห่งชาติและวันหยุดราชการ และในปีต่อมา พ.ศ. 2506 พระองค์ได้เสด็จขึ้นปราสาทพระวิหารเพื่อทำพิธีบวงสรวง ทางสะพานโบราณ (ช่องบันไดหัก) หลังจากที่ทรงทราบว่ากัมพูชาชนะคดีปราสาทพระวิหาร[45]

จากเหตุการณ์ดังกล่าวชาวไทยในยุคนั้นจึงมองพระองค์อย่างไม่เป็นมิตรนัก[42] ทั้งยังได้ตั้งคำถามล้อเลียนว่า สีอะไรเอ่ยคนไทยเกลียดมากที่สุด ? คำตอบคือ "สีหนุ"[4][5][46]

นโยบายต่อชาวเกาะกงเชื้อสายไทย[แก้]

สืบเนื่องจากความขัดแย้งกับในจากกรณีปราสาทเขาพระวิหาร[43] ประกอบกับการที่กษัตริย์สีหนุมีความระแวงไทยอย่างมาก[47] ในปี พ.ศ. 2506 รัฐบาลกัมพูชาได้ออกกฎหมายห้ามชาวเกาะกงพูดภาษาไทย ห้ามมีเงินไทย และห้ามมีหนังสือไทยไว้ในบ้าน หากเจ้าหน้าที่ค้นพบจะถูกทำลายให้สิ้นซาก โดยเฉพาะหากพูดภาษาไทยจะถูกปรับคำละ 25 เรียล และเพิ่มขึ้นเป็น 50 เรียลในปีต่อมา[43][48]

ต่อมาในปี พ.ศ. 2508 พระองค์ได้ประกาศว่า ทรงพบเอกสารคอมมิวนิสต์ที่เกาะกง โดยบางชิ้นเป็นภาษาไทย ทำให้พระองค์มีพระราชวินิจฉัยว่าเขมรแดงได้รับคำสั่งจาก "นาย" ต่างประเทศ เพื่อปลุกระดมให้คนเขมรแปลกแยกจากสังคม [พรรคสังคมราษฎร์นิยม พรรคที่พระองค์จัดตั้งขึ้น] และพระองค์[47]

ความสัมพันธ์เมื่อครานั้นของไทยกับกัมพูชา ปรากฏในหนังสือชุด สามเกลอ-พล นิกร กิมหงวน ของ ป.อินทรปาลิต ตอน "เขมรแหย่เสือ" ได้เขียนลงบทนำตอนหนึ่ง ความว่า[44]


"...คนไทยที่มีเชื้อชาติไทยสัญชาติเขมร และชาวเขมรในเกาะกง หรือจังหวัดใกล้เคียงกับจังหวัดตราดและจันทบุรี ถูกรัฐบาลเขมรกดขี่ข่มเหงรีดนาทาเร้นด้วยประการต่าง ๆ จึงอพยพเข้าพึ่งพระบรมโพธิสมภาร ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เมื่อนโรดม สีหนุ ทราบข่าวนี้ ก็สั่งให้กองทัพเรือจับชาวประมงในน่านน้ำไทย ยึดเรือและนำตัวไปกักขังไว้ ปฏิบัติต่อคนไทยที่ถูกคุมขังอย่างโหดเหี้ยมทารุณราวกับสัตว์ป่า ชาวประมงหลายคนต้องเสียชีวิตเพราะถูกทารุณ เพราะอดอาหาร หรือเจ็บป่วยก็ไม่ได้รับการรักษาพยาบาล..."

ในเหตุการณ์ช่วงนั้นจา เรียง อดีตผู้ว่าการธนาคารแห่งกัมพูชาได้ทำการบันทึกไว้ว่า ช่วงปี พ.ศ. 2509 มีชาวเกาะกงเชื้อสายไทยถูกสังหารไปราว 160 คน[47] ส่วนจรัญ โยบรรยงค์ ที่ได้รวบรวมบันทึกของชาวเกาะกงเชื้อสายไทย และนำมาเขียนเป็นหนังสือ "รัฐบาลทมิฬ" ได้อ้างอิงคำพูดของลอน นอล เมื่อครั้งทำงานใกล้ชิดกับสีหนุ และเดินทางมาประชุมที่เกาะกงความว่า "...คนไทยเกาะกง แม้ว่าจะสูญหายตายจากไปสักห้าพันคน ก็ไม่ทำให้แผ่นดินเขมรเอียง"[49] ผลที่ตามมาจากเหตุการณ์ครั้งนี้คือมีคนเชื้อสายไทยจำนวนมากอพยพออกจากเกาะกงไปจังหวัดตราดของไทย[50] และเกิดปัญหาสถานะบุคคลจนถึงปัจจุบัน[51][52]

ชีวิตส่วนพระองค์[แก้]

ด้านดนตรี[แก้]

งานทางด้านดนตรี พระองค์ทรงรอบรู้เรื่องดนตรีเป็นอย่างดีและทรงดนตรีได้หลายชนิด เช่น แซ็กโซโฟน, แคลริเน็ต, แอกคอร์เดียน และเปียโน

พระองค์ได้พระราชนิพนธ์เพลงเป็นจำนวนมากทั้งแบบขับร้องและบรรเลง[53] โดยทรงประพันธ์เพลงเป็นภาษาเขมร, อังกฤษ, ฝรั่งเศส และละตินไว้หลายเพลง[46] อาทิ ราตรีนี้ได้พบพักตร์ (Reatry Baan Joub peak) ซึ่งเป็นเพลงยอดนิยมและได้รับการขับร้องหลายเวอร์ชัน[53] และ บุปผาเวียงจันทน์ พระราชทานแด่หม่อมมุนีวรรณ หม่อมชาวลาวที่พระองค์โปรดปราน และถือเป็นเพลงพระราชนิพนธ์ที่มีชื่อเสียงมากเพลงหนึ่ง[54] นอกจากนี้พระองค์ยังโปรดปรานร้องเพลงต่างชาติเพื่อสร้างความบันเทิงแก่แขกต่างประเทศ ทั้งนี้พระองค์โปรดเพลงไทยของสวลี ผกาพันธุ์ และเพลงไทยอื่น ๆ อาทิ รักคุณเข้าแล้ว, ฝัน ฝัน[46] และ เพลงรักเธอเสมอ[55]

เมื่อครั้งที่พระองค์พำนักอยู่ที่เปียงยางและปักกิ่ง ได้ประพันธ์เพลงเปียงยาง และเพลงคิดถึงจีน (Nostalgie de la Chine) เป็นของขวัญมิตรภาพให้กับผู้นำประเทศคอมมิวนิสต์ทั้งสองประเทศ[46]

ด้านภาพยนตร์[แก้]

พระองค์โปรดการภาพยนตร์ และการกำกับยิ่ง พระองค์ทรงกำกับเขียนบทและเป็นพระเอกในภาพยนตร์เรื่อง เงามืดอังกอร์ นอกจากนี้ยังสร้างภาพยนตร์เรื่อง ป่าสำราญ, เจ้าชายน้อย และ สายันต์[46] ซึ่งนักแสดงนำในภาพยนตร์ที่สีหนุกำกับนั้นคือโรลัง เอง อดีตทูตกัมพูชาประจำไทยและสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นน้องของพระองค์เจ้านโรดม มารี รณฤทธิ์ อดีพระชายาในสมเด็จกรมพระนโรดม รณฤทธิ์ อดีตนายกรัฐมนตรีและเป็นโอรสคนที่สองของสีหนุ[46] และภาพยนตร์เรื่อง Ombre sur Angkor ซึ่งพระองค์ได้แสดงเองโดยคู่กับพระชายาโมนิก พระภรรยาองค์สุดท้าย[56] นอกจากนี้ภาพยนตร์เรื่อง ระบำเทพมโนรมย์ (La Forêt Enchantée) ได้ออกฉายในเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติมอสโกครั้งที่ 5 ในปี พ.ศ. 2510[57][58]

แม้ผลงานของพระองค์จะเป็นภาพยนตร์รัก ๆ ใคร่ ๆ ทั่วไป แต่สิ่งที่พระองค์ได้สอดแทรกผ่านบทภาพยนตร์ทั้งฉากในการถ่าย รวมไปถึงมุมกล้อง ล้วนเป็นสิ่งที่พระองค์ต้องการสื่อสารความเป็นกัมพูชาทั้งศิลปวัฒนธรรม รวมไปถึงแง่มุม ความคิด และวิวทิวทัศน์ภายในประเทศของพระองค์สู่สายตาอารยะประเทศผ่านโลกของแผ่นฟิลม์อย่างแยบคาย[53] ดังปรากฏในพระราชดำรัสตอนหนึ่ง ความว่า

"ผู้กล่าวถึงข้าพเจ้าว่าสร้างแต่หนังรัก หากที่จริงแล้วเป็นเพียงฉากหน้า ในการนำผู้คนให้หันมาสนใจกัมพูชา ไม่เพียงเห็นภาพของวัดวาอารามเท่านั้น แต่ยังสะท้อนถึงวิธีคิด และวิถีชีวิตของพวกเราชาวกัมพูชา เช่นเดียวกับปัญหาที่พวกเรากำลังประสบ"

ทั้งนี้พระองค์ได้ผลักดันจัดเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติขึ้น ณ กรุงพนมเปญ[46] ครั้งนั้นนอกจากผู้รับเชิญมางานภาพยนตร์นานาชาติพนมเปญมีทั้งผู้กำกับและนักแสดงชั้นนำจากฮ่องกง ไต้หวันและยุโรปแล้ว ยังสามารถดึงเอาประธานจัดงานภาพยนตร์เมืองคานส์มาร่วมงานได้[46]

ด้านอาหาร[แก้]

แม้พระองค์จะกล่าวว่าพระองค์เป็น "ชาตินิยม" ก็ตาม[46] กระนั้นพระองค์โปรดปรานอาหารฝรั่งเศสอย่างยิ่ง และกระยาหารแทบทุกมื้อที่เสวยล้วนเป็นอาหารฝรั่งเศส[46] แม้กระทั่งอาหารไทยซึ่งคล้ายกับอาหารเขมรนั้นได้เคยจัดถวายบนเรือขณะล่องแม่น้ำเจ้าพระยานั้น พระองค์ก็มิได้แตะต้องเลย อีกทั้งตรัสว่า "หากเป็นไปได้ ทุกมื้อเสิร์ฟเป็นอาหารฝรั่งเศสยิ่งดี"[46]

ทั้งนี้พระองค์ทรงประกอบอาหารฝรั่งเศสด้วยพระองค์เองบ่อย ๆ ทรงคิดสูตรตำรับ "ไก่ไวน์แดง" และได้รับคำชื่นชมด้านรสชาติ[46]

พระปรมาภิไธย[แก้]

ก่อนเสวยราชสมบัติ ทรงพระนามเดิมคือ นักองราชวงศ์นโรดม สีหนุ[17]

ต่อมาเมื่อพระองค์เสวยราชสมบัติ พระบาทสมเด็จพระนโรดม สีหนุ ทรงได้รับการเฉลิมพระนามาภิไธยว่า พระกรุณา พระบาทสมเด็จพระนโรดม สีหนุ ราชหริวงศ์ อุภโตสุชาติ วิสุทธิวงศ์ อัคคมหาบุรุษรัตน์ นิกโรดม ธัมมิกมหาราชาธิราช บรมนาถ บรมบพิตร พระเจ้ากรุงกัมพูชาธิบดี[note 1]

ภายหลังเมื่อสละราชสมบัติในปี พ.ศ. 2547 แล้ว จึงทรงดำรงพระราชอิสริยยศเป็น พระมหาวีรกษัตริย์ โดยทรงได้รับการเฉลิมพระนามว่า พระกรุณา พระบาทสมเด็จพระนโรดม สีหนุ พระมหาวีรกษัตริย์ พระวรราชบิดาเอกราช บูรณภาพดินแดน และความเป็นเอกภาพแห่งชาติเขมร [note 2]

หลังการเสด็จสวรรคต พระบาทสมเด็จพระบรมนาถ นโรดม สีหมุนี ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ออกพระบรมปัจฉามรณนาม (พระนามหลังเสด็จสวรรคต) ของสมเด็จพระราชบิดาว่า พระกรุณา พระบรมรัตนโกศ เมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555[59][60] ซึ่งเทียบกับภาษาไทยคือ "พระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศ"[61]

เครื่องราชอิสริยาภรณ์[แก้]

เครื่องราชอิสริยาภรณ์ต่างประเทศ[แก้]

 ฝรั่งเศส 21 ตุลาคม พ.ศ. 2484[62] เครื่องอิสริยาภรณ์เลฌียงดอเนอร์ ชั้นประถมาภรณ์
เวียดนาม 3 เมษายน พ.ศ. 2485[62] เครื่องราชอิสริยาภรณ์มังกรแห่งอันนัม ชั้นประถมาภรณ์
 พม่า 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2497[62] เครื่องอิสริยาภรณ์สิริสุธัมมะ ชั้นอัคคมหาสิริสุธัมมะ
 ไทย 15 ธันวาคม พ.ศ. 2497[63] เครื่องขัตติยราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติคุณรุ่งเรืองยิ่งมหาจักรีบรมราชวงศ์
 ญี่ปุ่น 2 ธันวาคม พ.ศ. 2498[62] เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันสูงส่งยิ่งดอกเบญจมาศ ชั้นสังวาล
 เกาหลีใต้ พ.ศ. 2498[62] เครื่องอิสริยาภรณ์มูกุงฮวา
สเปน 22 มิถุนายน พ.ศ. 2499[62] เครื่องราชอิสริยาภรณ์แอกและลูกศร ชั้นประถมาภรณ์
สเปน 22 มิถุนายน พ.ศ. 2499[62] ตรากางเขนความชอบฝ่ายทหาร ประดับสีขาว
โปแลนด์ กรกฎาคม พ.ศ. 2499[62] เครื่องอิสริยาภรณ์โปโลเนียเรสติตูตา
 ออสเตรีย 29 สิงหาคม พ.ศ. 2499[62] เครื่องอิสริยาภรณ์กิตติคุณแห่งสาธารณรัฐออสเตรีย ชั้นมหาดารา
 ฟิลิปปินส์ 31 มกราคม พ.ศ. 2500[62] เครื่องอิสริยาภรณ์ซิกาตูนา ชั้นที่ 1 "รายา"
เอธิโอเปีย 4 พฤษภาคม พ.ศ. 2501[62] เครื่องราชอิสริยาภรณ์ราชินีแห่งชีบา ชั้นประถมาภรณ์ พร้อมสายสร้อย
ซีเรีย 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2501[62] เครื่องอิสริยาภรณ์อูมัยยัด ชั้นที่ 1
 อียิปต์ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2502[62] เครื่องอิสริยาภรณ์แม่น้ำไนล์ ชั้นที่ 1
เวียดนามใต้ พ.ศ. 2502[62] เครื่องอิสริยาภรณ์แห่งชาติเวียดนาม ชั้นประถมาภรณ์
 มาเลเซีย 21 ธันวาคม พ.ศ. 2505[62] เครื่องราชอิสริยาภรณ์มงกุฎแห่งชาติ
 สิงคโปร์ 8 เมษายน พ.ศ. 2506[62] เครื่องอิสริยาภรณ์เทมาเส็ก ชั้นที่ 1
ลาว 18 เมษายน พ.ศ. 2506[62] เครื่องราชอิสริยาภรณ์ล้านช้างร่มขาว ชั้นประถมาภรณ์
 ไนจีเรีย 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2508[62] เครื่องอิสริยาภรณ์ไนเจอร์ ชั้นที่ 1
 ยูโกสลาเวีย 17 มกราคม พ.ศ. 2511[62] เครื่องอิสริยาภรณ์ดาราแห่งยูโกสลาเวีย ชั้นมหาดาราแห่งยูโกสลาเวีย
 อินโดนีเซีย 1 เมษายน พ.ศ. 2511[62] เครื่องอิสริยาภรณ์ดาราแห่งสาธารณรัฐอินโดนีเซีย ชั้นที่หนึ่ง "อาทิปูรณะ"
 เชโกสโลวาเกีย ไม่ทราบปี[62] เครื่องอิสริยาภรณ์ราชสีห์ขาว ชั้นที่ 1
 บรูไน ไม่ทราบปี[62] เครื่องขัตติยราชอิสริยาภรณ์มงกุฎบรูไน
 โมร็อกโก ไม่ทราบปี[62] เครื่องราชอิสริยาภรณ์ราชบัลลังก์
 อิตาลี ไม่ทราบปี[62] เครื่องอิสริยาภรณ์คุณธรรมแห่งสาธารณรัฐอิตาลี ชั้นประถมาภรณ์

พระราชบุตร[แก้]

พระราชโอรสและพระราชธิดา
พระนาม ประสูติ สิ้นพระชนม์ พระชันษา
นักนางพัต กันฮอล (พ.ศ. 2463 – 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2512) อภิเษก: พ.ศ. 2485 / ภายหลังทรงหย่า
สมเด็จพระเรียมนโรดม บุปผาเทวี 8 มกราคม พ.ศ. 2486 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2562 76 ปี
สมเด็จกรมพระนโรดม รณฤทธิ์ 2 มกราคม พ.ศ. 2487 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2564 77 ปี
พระองค์เจ้าสีสุวัตถิ์ พงสานมุนี (เจ้าโมง) (26 มกราคม พ.ศ. 2472 – 5 ธันวาคม พ.ศ. 2517) อภิเษก: พ.ศ. 2485 / หย่า: พ.ศ. 2494
สมเด็จพระบรมเรียมนโรดม ยุวนาถ 17 ตุลาคม พ.ศ. 2486 14 มกราคม พ.ศ. 2564 77 ปี
พระองค์เจ้านโรดม ระวีวงศ์สีหนุ พ.ศ. 2487 พ.ศ. 2516 29 ปี
สมเด็จพระมเหศวรนโรดม จักรพงศ์ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2488 ยังทรงพระชนม์ 78 ปี
พระองค์เจ้านโรดม สุริยเรืองสี พ.ศ. 2490 พ.ศ. 2519 29 ปี
พระองค์เจ้านโรดม คันธาบุปผา พ.ศ. 2491 พ.ศ. 2495 4 ปี
พระองค์เจ้านโรดม เขมานุรักษ์สีหนุ พ.ศ. 2492 พ.ศ. 2518 33 ปี
พระองค์เจ้านโรดม ปทุมบุปผา 18 มกราคม พ.ศ. 2494 เดือนเมษายน พ.ศ. 2519 25 ปี
พระองค์เจ้าสีสุวัตถิ์ มุนีเกสร (6 เมษายน พ.ศ. 2472 – 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2489) อภิเษก: พ.ศ. 2487
พระองค์เจ้านโรดม นรทีโป พ.ศ. 2489 พ.ศ. 2519 30 ปี
สมเด็จพระราชกนิษฐานโรดม นรลักษมิ์ (29 กันยายน พ.ศ. 2470 – 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2521) อภิเษก: พ.ศ. 2489 ทางการ: 4 มีนาคม พ.ศ. 2498
หม่อมมะนีวัน พานีวง (พ.ศ. 2477 – 19 เมษายน พ.ศ. 2518) อภิเษก: พ.ศ. 2492
พระองค์เจ้านโรดม สุเชษฐาสุชะตา พ.ศ. 2496 พ.ศ. 2518 22 ปี
สมเด็จพระอนุชนโรดม อรุณรัศมี 2 ตุลาคม พ.ศ. 2498 ยังทรงพระชนม์ 68 ปี
สมเด็จพระราชินีนโรดม มุนีนาถ สีหนุ พระวรราชมารดา (เดิม ปอล โมนิก อิซซี; 18 มิถุนายน พ.ศ. 2479 – ปัจจุบัน) อภิเษก: พ.ศ. 2495 ทางการ: พ.ศ. 2498
พระบาทสมเด็จพระบรมนาถ นโรดม สีหมุนี 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2496 ยังทรงพระชนม์ 70 ปี
สมเด็จพระนโรดม นรินทรพงษ์ 18 กันยายน พ.ศ. 2497 7 ตุลาคม พ.ศ. 2546 49 ปี

พงศาวลี[แก้]

เชิงอรรถ[แก้]

  1. เขียนเป็นอักษรเขมรดังนี้: ព្រះករុណា ព្រះបាទសម្ដេចព្រះ នរោត្ដម សីហនុ រាជហរិវង្ស ឧភតោសុជាតិ វិសុទ្ធពង្ស អគ្គមហាបុរសរតន៍ និករោត្ដម ធម្មិកមហារាជាធិរាជ បរមនាថ បរមបពិត្រ ព្រះចៅក្រុងកម្ពុជាធិបតី พฺระกรุณา พฺระบาทสมฺเฎจพฺระ นโรตฺฎม สีหนุ ราชหริวงฺส อุภโตสุชาติ วิสุทฺธพงฺส อคฺคมหาบุรสรตน์ นิกโรตฺฎม ธมฺมิกมหาราชาธิราช บรมนาถ บรมบพิตฺร พฺระเจากฺรุงกมฺพุชาธิบตี
  2. เขียนเป็นอักษรเขมรดังนี้: ព្រះករុណា ព្រះបាទសម្ដេចព្រះ នរោត្ដម សីហនុ ព្រះមហាវីរក្សត្រ ព្រះវររាជបិតាឯករាជ្យ បូរណភាពទឹកដី និងឯកភាពជាតិខ្មែរ พฺระกรุณา พฺระบาทสมฺเฎจพฺระ นโรตฺฎม สีหนุ พฺระมหาวีรกฺสตฺร พฺระวรราชบิตาเอกราชฺย บูรณภาพทึกฎี นิงเอกภาพชาติขฺแมร

อ้างอิง[แก้]

  1. รุ่งมณี เมฆโสภณ. คนสองแผ่นดิน. กรุงเทพ : บ้านพระอาทิตย์, มีนาคม 2551. หน้า 202
  2. "สีหนุ เดอะ ไฟนอล แฟนตาซี "คนการเมือง" ที่สุดในโลก ???" (Press release). มติชน. 3 February 2013. สืบค้นเมื่อ 4 February 2013.
  3. "King Father Sihanouk holds ECCC at bay". The Phnom Penh Post. 7 September 2007. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2013-01-04. สืบค้นเมื่อ 13 October 2009. King Father Norodom Sihanouk has held so many positions since 1941 that the Guinness Book of World Records identifies him as the politician who has occupied the world's greatest variety of political offices.
  4. 4.0 4.1 4.2 "'นโรดม สีหนุ'กษัตริย์เก้าชีวิตแห่งกัมพูชา" (Press release). กรุงเทพธุรกิจ. 16 October 2012. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2012-12-28. สืบค้นเมื่อ 4 February 2013.
  5. 5.0 5.1 5.2 "นโรดม สีหนุ : กษัตริย์เก้าชีวิตแห่งกัมพูชา" (Press release). คมชัดลึก. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2013-01-30. สืบค้นเมื่อ 4 February 2013.
  6. Widyono, Benny, Dancing in Shadows: Sihanouk, the Khmer Rouge, and the United Nations in Cambodia (2008), p. 289.
  7. King Family
  8. Ancestry.com. HM King NORODOM SURAMARIT เก็บถาวร 2012-11-04 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน. เรียกดูเมื่อ 20 ตุลาคม 2555
  9. Jeldres (2005), p. 30.
  10. 10.0 10.1 จุลลดา ภักดีภูมินทร์. ‘พระราชวงศ์เขมร’ และ ‘พระราชวงศ์ไทย’[ลิงก์เสีย] ในสกุลไทย ฉบับที่ 2500 ปีที่ 48 ประจำวันอังคารที่ 17 กันยายน 2545
  11. Soravij. A Regal Princess a Remembered - Her Rayal Highness Princess Bejaratana เก็บถาวร 2013-12-08 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน. เรียกดูเมื่อ 20 ตุลาคม 2555
  12. Sokheounpang. Khmer-Siam Royal Family Tree. เรียกดูเมื่อ 27 มกราคม 2556
  13. Ancestry.com. Neak Ang Mechas Norodom Kanviman Norleak Tevi เก็บถาวร 2012-11-04 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน. เรียกดูเมื่อ 20 ตุลาคม 2555
  14. Voice TV. พลิกปูม'หนุ่มเจ้าสำราญ'ผู้ผันชีวิตเป็น'กษัตริย์สีหนุ' เก็บถาวร 2013-01-30 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน. เรียกดูเมื่อ 4 กุมภาพันธ์ 2556
  15. John P. Armstrong. Sihanouk Speak, p 40
  16. ธิบดี บัวคำศรี. ชุด "อาเซียน" ในมิติประวัติศาสตร์ ประวัติศาสตร์กัมพูชา. กรุงเทพฯ:เมืองโบราณ. 2555, หน้า 167
  17. 17.0 17.1 17.2 ธิบดี บัวคำศรี. ชุด "อาเซียน" ในมิติประวัติศาสตร์ ประวัติศาสตร์กัมพูชา. กรุงเทพฯ:เมืองโบราณ. 2555, หน้า 84
  18. Justin J. Corfield. Khmer Stand Up ! : A History of the Cambodian Government 1970-1975, p 6
  19. 19.0 19.1 19.2 19.3 19.4 ธิบดี บัวคำศรี. ชุด "อาเซียน" ในมิติประวัติศาสตร์ ประวัติศาสตร์กัมพูชา. กรุงเทพฯ:เมืองโบราณ. 2555, หน้า 83
  20. จุลลดา ภักดีภูมินทร์, ตำนานชื่อบ้านเมือง เก็บถาวร 2004-12-10 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน, สกุลไทย, ฉบับที่ 2604, ปีที่ 50, ประจำวันอังคารที่ 14 กันยายน 2547
  21. Les Paroles de Samdech Preah Norodom Sihanouk. Phnom Penh, Ministry of information : October-December 1967, p 811. Speech on 19 October 1967
  22. Ben Kiernan. How Pol Pot Came to Power, p 30
  23. ธิบดี บัวคำศรี. ชุด "อาเซียน" ในมิติประวัติศาสตร์ ประวัติศาสตร์กัมพูชา. กรุงเทพฯ:เมืองโบราณ. 2555, หน้า 85
  24. 24.0 24.1 ธิบดี บัวคำศรี. ชุด "อาเซียน" ในมิติประวัติศาสตร์ ประวัติศาสตร์กัมพูชา. กรุงเทพฯ:เมืองโบราณ. 2555, หน้า 86
  25. 25.0 25.1 25.2 ธิบดี บัวคำศรี. ชุด "อาเซียน" ในมิติประวัติศาสตร์ ประวัติศาสตร์กัมพูชา. กรุงเทพฯ:เมืองโบราณ. 2555, หน้า 87
  26. Pierre Montagnon, La France coloniale, vol. 2, Pygmalion-Gérard Watelet, 1990, p. 126.
  27. ธิบดี บัวคำศรี. ชุด "อาเซียน" ในมิติประวัติศาสตร์ ประวัติศาสตร์กัมพูชา. กรุงเทพฯ:เมืองโบราณ. 2555, หน้า 88
  28. Cheang, Sopheng (15 October 2012). "Cambodia's former King Norodom Sihanouk dies at 89". NBC News. Associated Press. สืบค้นเมื่อ 15 October 2012.
  29. "กัมพูชาร่ำไห้อาลัย กษัตริย์สีหนุ" (Press release). ฐานเศรษฐกิจ. 15 October 2012. สืบค้นเมื่อ 15 October 2012.
  30. "Cambodia former king Norodom Sihanouk dies aged 89". BBC News. 15 October 2012.
  31. "Cambodia expresses grieves at the death of King-Father Norodom Sihanouk". China News. 15 October 2012. สืบค้นเมื่อ 15 October 2012.
  32. "กัมพูชาร่ำไห้อาลัย กษัตริย์สีหนุ" (Press release). ข่าวสด. 16 October 2012. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2016-03-05. สืบค้นเมื่อ 30 December 2012.
  33. Parliament of Thailand. ในหลวงทรงเศร้าสลดสมเด็จสีหนุพิธีพระศพในพนมเปญ ยิ่งลักษณ์เตรียมบินร่วมไว้อาลัยกษัตริย์กัมพูชา[ลิงก์เสีย]. เรียกดูเมื่อวันที่ 30 ธันวาคม 2555
  34. ""ยิ่งลักษณ์" เดินทางไปสักการะ พระศพสมเด็จพระนโรดม สีหนุ" (Press release). มติชน. 19 October 2012. สืบค้นเมื่อ 30 December 2012.
  35. "ชาวกัมพูชาหลั่งไหลงานพระราชพิธี "เจ้านโรดมสีหนุ"" (Press release). แนวหน้า. 4 February 2013. สืบค้นเมื่อ 4 February 2013.
  36. 36.0 36.1 "กัมพูชาจะเริ่มพระราชพิธีถวายพระเพลิงสมเด็จพระนโรดม สีหนุ 16.00 น.วันนี้" (Press release). มติชน. 4 February 2013. สืบค้นเมื่อ 4 February 2013.
  37. 37.0 37.1 37.2 กระปุกดอตคอม. พระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ สมเด็จพระนโรดม สีหนุ. เรียกดูเมื่อ 4 กุมภาพันธ์ 2556
  38. 38.0 38.1 "ชาวกัมพูชาหลั่งไหลงานพระราชพิธี "เจ้านโรดมสีหนุ"" (Press release). ข่าวสด. 4 February 2013. สืบค้นเมื่อ 4 February 2013.[ลิงก์เสีย]
  39. CRI Online (28 มกราคม 2556). รัฐบาลกัมพูชาคาดว่าจะมีประชาชน 6 แสนคนเข้าร่วมงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงบรมศพพระบาทสมเด็จพระนโรดม สีหนุ. เรียกดูเมื่อ 4 กุมภาพันธ์ 2556
  40. "ภาพชุดอลังการ -- เขมรปิดฉากพระราชพิธีอัญเชิญพระโกศเพชร" (Press release). ASTVผู้จัดการออนไลน์. 8 February 2013. สืบค้นเมื่อ 28 February 2013.[ลิงก์เสีย]
  41. Voice TV. สำรวจพระราชพิธีออกพระเมรุกษัตริย์นโรดมสีหนุ เก็บถาวร 2016-03-04 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน. เรียกดูเมื่อ 4 กุมภาพันธ์ 2556
  42. 42.0 42.1 42.2 "มองเจ้านโรดม สีหนุ กษัตริย์กู้ชาติแห่งกัมพูชา" (Press release). ไทยรัฐ. 17 October 2012. สืบค้นเมื่อ 6 February 2013.
  43. 43.0 43.1 43.2 รุ่งมณี เมฆโสภณ. คนสองแผ่นดิน. กรุงเทพฯ:บ้านพระอาทิตย์, 2551, หน้า 87
  44. 44.0 44.1 44.2 44.3 รุ่งมณี เมฆโสภณ. คนสองแผ่นดิน. กรุงเทพฯ:บ้านพระอาทิตย์, 2551, หน้า 88
  45. พระนโรดม สีหนุเสด็จปราสาทเขาพระวิหาร (ภาษาเขมร) ที่ยูทูบ
  46. 46.00 46.01 46.02 46.03 46.04 46.05 46.06 46.07 46.08 46.09 46.10 46.11 Media Inside Out (10 ตุลาคม 2555). สีหนุ..กษัตริย์หลากสีสัน ในสายตาสื่อ เก็บถาวร 2012-11-26 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน. เรียกดูเมื่อ 4 กุมภาพันธ์ 2556
  47. 47.0 47.1 47.2 รุ่งมณี เมฆโสภณ. คนสองแผ่นดิน. กรุงเทพฯ:บ้านพระอาทิตย์, 2551, หน้า 89
  48. นิติภูมิ นวรัตน์. เขตร์เขมรัฐภูมินทร์. ในเปิดฟ้าส่องโลก, 17 สิงหาคม 2543. เรียกดูเมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2556
  49. จรัญ โยบรรยงค์. รัฐบาลทมิฬ. กรุงเทพฯ:จิตติกานต์, 2528, หน้า 122
  50. "เส้นทางคืนสัญชาติ (1) ไทยพลัดถิ่น เรื่องราวแสนยาวไกล!" (Press release). เดลินิวส์. 30 April 2012. สืบค้นเมื่อ 9 February 2013.
  51. ปัญหาความไร้รัฐของคนเชื้อชาติไทยจากเกาะกง โดยอาจารย์วรรณทนี รุ่งเรืองสภากุล และคุณภิญโญ วีระสุขสวัสดิ์ (๒). เรียกดูเมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2556
  52. "ผู้อพยพเชื้อสายไทย จ.เกาะกง : เรื่องเล่าบนเส้นทาง พ.ร.บ.สัญชาติ" (Press release). อิศรา. 21 June 2012. สืบค้นเมื่อ 9 February 2013.
  53. 53.0 53.1 53.2 จุมเรียบซัว: ศิลปะบันเทิงขแมร์ง่าย ๆ สบาย ๆ สไตล์เรา. พระบาทสมเด็จนโรดมสีหนุ เอกอัครศิลปินแห่งกัมพูชา เก็บถาวร 2013-10-25 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน. เรียกดูเมื่อ 6 กุมภาพันธ์ 2556
  54. คึกฤทธิ์ ปราโมช. ถกเขมร. พระนคร:ก้าวหน้า, พิมพ์ครั้งที่ 3, 2506, หน้า 208
  55. โอเคเนชั่น. ใครจะคิด!!! กษัตริย์เขมร...เจ้าสีหนุทรงร้องเพลงไทย "รักเธอเสมอ". เรียกดูเมื่อ 4 กุมภาพันธ์ 2556
  56. ธิบดี บัวคำศรี. ชุด "อาเซียน" ในมิติประวัติศาสตร์ ประวัติศาสตร์กัมพูชา. กรุงเทพฯ:เมืองโบราณ. 2555, หน้า 65
  57. "5th Moscow International Film Festival (1967)". MIFF. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2013-01-16. สืบค้นเมื่อ 2012-12-09.
  58. "Shadow Over Angkor". MTV. สืบค้นเมื่อ 2012-12-12.
  59. "สำเนาที่เก็บถาวร". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2012-12-02. สืบค้นเมื่อ 2013-02-02.
  60. รอยยิ้มดีไซน์. สมเด็จแม่ทรงย้ำถึงความสำคัญของการถวายพระบรมปัจฉามรณะนาม[ลิงก์เสีย]. เรียกดูเมื่อ 4 กุมภาพันธ์ 2556
  61. "นิธิ เอียวศรีวงศ์ : กษัตริย์สีหนุ" (Press release). มติชน. 10 February 2013. สืบค้นเมื่อ 12 February 2013.
  62. 62.00 62.01 62.02 62.03 62.04 62.05 62.06 62.07 62.08 62.09 62.10 62.11 62.12 62.13 62.14 62.15 62.16 62.17 62.18 62.19 62.20 62.21 62.22 62.23 CAMBODIA Page 19 - royalark.net
  63. ราชกิจจานุเบกษา, ประกาศสำนักคณะรัฐมนตรี เรื่อง ถวายเครื่องขัตติยราชอิสริยาภรณ์แด่พระมหากษัตริย์แห่งกัมพูชา เก็บถาวร 2016-03-04 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน, เล่ม ๗๑, ตอน ๘๖ ง, ๒๘ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๙๗, หน้า ๒๘๘๐

แหล่งข้อมูลอื่น[แก้]


ก่อนหน้า พระบาทสมเด็จพระนโรดม สีหนุ ถัดไป
พระบาทสมเด็จพระสีสุวัตถิ์ มุนีวงศ์
พระมหากษัตริย์กัมพูชา
(24 เมษายน พ.ศ. 2484 - 2 กันยายน พ.ศ. 2498)
พระบาทสมเด็จพระนโรดม สุรามฤต
สถาปนาตำแหน่ง
นายกรัฐมนตรีกัมพูชา
(พ.ศ. 2488)
เซิน หง็อก ถั่ญ
เยม ซัมบัวร์
นายกรัฐมนตรีกัมพูชา
(พ.ศ. 2493)
สมเด็จกรมหลวงสีสุวัตถิ์ มุนีพงศ์
ฮุย กานทวล
นายกรัฐมนตรีกัมพูชา
(พ.ศ. 2495 - พ.ศ. 2496)
แปน นุต
จัน นาก
นายกรัฐมนตรีกัมพูชา
(พ.ศ. 2497)
แปน นุต
เลง เงต
นายกรัฐมนตรีกัมพูชา
(พ.ศ. 2498 - พ.ศ. 2499)
อวม เชียง ซุน
อวม เชียง ซุน
นายกรัฐมนตรีกัมพูชา
(พ.ศ. 2499)
คิม ทิต
คิม ทิต
นายกรัฐมนตรีกัมพูชา
(พ.ศ. 2499)
ซัม ยุน
ซัม ยุน
นายกรัฐมนตรีกัมพูชา
(พ.ศ. 2500)
ซิม วาร์
ซิม วาร์
นายกรัฐมนตรีกัมพูชา
(พ.ศ. 2501 - พ.ศ. 2503)
โพธิ์ เพรือง
พระบาทสมเด็จพระนโรดม สุรามฤต
(ในฐานะพระมหากษัตริย์)

ประมุขแห่งรัฐกัมพูชา
(5 มิถุนายน พ.ศ. 2503 - 18 มีนาคม พ.ศ. 2513)
เจง เฮง
(ในฐานะประมุขแห่งสาธารณรัฐ)
แปน นุต
นายกรัฐมนตรีกัมพูชา
(พ.ศ. 2504- พ.ศ. 2505)
เนียก เทียวลอง
ลอน นอล
(ในฐานะประธานาธิบดี)

ประมุขแห่งรัฐกัมพูชา
(พ.ศ. 2518- พ.ศ. 2519)
เขียว สัมพัน
(ในฐานะประธานสภาเปรซิเดียม)
เจีย ซิม
(ในฐานะประธานสภาแห่งรัฐกัมพูชา)

พระมหากษัตริย์กัมพูชา
(สถาปนาราชอาณาจักรใหม่)

(24 กันยายน พ.ศ. 2536 - 7 ตุลาคม พ.ศ. 2547)
พระบาทสมเด็จพระบรมนาถนโรดม สีหมุนี