พระญาณวิศิษฏ์ (ทอง จนฺทสิริ)

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
พระญาณวิศิษฏ์

(ทอง จนฺทสิริ)
คำนำหน้าชื่อพระเดชพระคุณ
ชื่ออื่นหลวงพ่อทอง
ส่วนบุคคล
เกิด28 เมษายน พ.ศ. 2475 (84 ปี)
มรณภาพ16 มีนาคม พ.ศ. 2559
ตำแหน่งชั้นสูง
ที่อยู่วัดอโศการาม สมุทรปราการ
บรรพชาพ.ศ. 2494
อุปสมบทพ.ศ. 2496
พรรษา64
ตำแหน่งอดีตเจ้าอาวาสวัดอโศการาม

ประวัติ [1]
[แก้]

พระญาณวิศิษฏ์ หรือ หลวงพ่อทอง จนฺทสิริ ท่านเกิดเมื่อวันที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2475 ตรงกับรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว พื้นเพเดิมครอบครัวเป็นชาวจังหวัดอุบลราชธานี มีพี่น้องร่วมบิดามารดาด้วยกันทั้งหมด 9 คน เป็นชาย 4 คน หญิง 5 คน ท่านเป็นบุตรคนที่ 6 ต่อมาครอบครัวอพยพย้ายถิ่นฐานมาปักหลักอยู่ ณ ตำบลวังใหญ่ อำเภอท่าตะโก จังหวัดนครสวรรค์ ท่านเป็นเจ้าอาวาสรูปที่ 3 และอดีตเจ้าอาวาสวัดอโศการาม โดยได้รับสถาปนาตำแหน่งสืบต่อจาก พระเทพโมลี (สำรอง คุณวุฑฺโฒ) ในชีวิตวัยเยาว์ของท่าน ท่านศึกษาจบชั้นเพียงชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ต้องเลิกเรียนกลางคันเพื่อมาช่วยเหลือทางบ้านทำนาหาเลี้ยงปากท้อง

บรรพชา อุปสมบท[แก้]

ท่านได้บรรพชาเป็นสามเณรเมื่อปี พ.ศ. 2494 ขณะมีอายุได้ 19 ปี ณ วัดป่าคลองกุ้ง ตำบลตลาด อำเภอเมืองจันทบุรี จังหวัดจันทบุรี จนกระทั่งเมื่อมีอายุได้ 21 ปี ท่านได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุเมื่อปี พ.ศ. 2496 ก่อนย้ายไปพักจำพรรษาอยู่ที่วัดเขาแก้ว ตำบลหนองตาคง อำเภอโป่งน้ำร้อน จังหวัดจันทบุรี

ปฏิบัติธรรม[แก้]

ผู้ที่คอยชี้ทางส่งเสริมให้ท่านได้เข้าสู่ร่มกาสาวพัสตร์คือพระสุทธิธรรมรังสี (ลี ธมมฺธโร) หรือท่านพ่อลี ผู้ซึ่งมีศักดิ์เป็นอาแท้ๆ นั่นเอง[2] หลวงพ่อทอง ได้ศึกษาวิชาความรู้จากท่าน ถึงแม้ว่าท่านจะเคยศึกษาวิชาบาลีที่กรุงเทพ ฯ มาแล้วก็ตาม จนมาถึงปี พ.ศ. 2500 ไปจำพรรษาที่สำนักสงฆ์บ้านสันกอเก็ด ตำบลบ้านกลาง อำเภอสันป่าตอง จังหวัดเชียงใหม่ เป็นเวลา 3 ปี กระทั่งท่านพ่อลีได้มรณภาพลง ท่านจึงได้กลับมาอยู่ที่วัดอโศการาม และท่านได้รับตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดอโศการามระหว่างปี พ.ศ. 2534 - 2559 ในด้านพระธรรม หลวงพ่อทองท่านมักจะเน้นเรื่องการปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน และท่านก็เคยกล่าวไว้ว่า การฝึกธรรมมะ ต้องรู้จักการฝึกความอดทนไว้ก่อน และต้องมีสติด้วย เพราะมนุษย์ ไม่มีจุดยืนในความคิด ชอบใช้สติปัญญาของตนไปตัดสินโดยการสังหารกิเลสของตนเอง เมื่อสมาธิเป็นสมถะจิตจะบังเกิดความสงบ อย่างบางคนบอกอะไรอนิจจัง อะไรไม่เที่ยง อะไรก็อยู่ไม่ได้ อะไรแตกดับ ทำไมไม่ถึงวิปัสสนา เพราะใจมันยังไม่มีสมถะ ใจมันไม่นิ่ง ใจมันส่ายไปมา พอใจหยุดนิ่ง สิ่งที่เห็นคือพระ สิ่งที่เห็นด้วยใจ ไม่ได้เห็นจากดวงตา สิ่งที่มันเกิดคือผู้รู้แท้ ถ้ารู้ใจเจ้าของคือผู้รู้ตน ใจก็อยู่ที่ใจ ไม่ใช่เอาใจไปไว้ที่หัวหรือบนผม รู้จักที่มาที่ไป ไม่ใช่ไปรู้ตามหนังสือที่เขียน แล้วก็หอบสังขารไป” พระอาจารย์ทองท่านเป็นนักเทศน์ธรรมมะรูปหนึ่ง ที่ติดรับกิจนิมนต์ตลอดเวลา และเป็นศูนย์รวมใจของชาวชุมชนโดยมิเสื่อมถอย วัดอโศการามแวดล้อมไปด้วยธรรมชาติอันร่มเย็นสำหรับเป็นที่พักพิงแก่มวลสรรพสัตว์ฉันใด พระอาจารย์ทองก็เป็นธงธรรมให้ร่มเงาจิตใจแก่ชาวบ้านญาติโยมฉันนั้น

สรีระสังขารพระญาณวิศิษฏ์ (หลวงพ่อทอง จันฺทสิริ) ก่อนการพระราชทานเพลิงศพ ณ วัดอโศการาม อำเภอเมืองสมุทรปราการ จังหวัดสมุทรปราการ

สมณศักดิ์[แก้]

  • ได้รับแต่งตั้งเป็นพระครูสัญญาบัตรชั้นตรี เมื่อปี พ.ศ. 2518
  • ได้รับการแต่งตั้งเป็นพระราชาคณะชั้นสามัญที่ “พระญาณวิศิษฏ์” เมื่อวันที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2535

มรณภาพ[แก้]

พระญาณวิศิษฏ์ (ทอง จนฺทสิริ) ได้มรณภาพอย่างสงบจากการอาพาธเป็นโรคมะเร็งในลำไส้มากว่า 5 ปี ที่โรงพยาบาลศิริราช เมื่อเวลาประมาณ 04.10 น.ของวันที่ 16 มีนาคม พ.ศ. 2559 สิริอายุรวม 84 ปี พรรษา 64[3] มีพิธีพระราชทานเพลิงศพเมื่อวันที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2559 ณ เมรุชั่วคราว วัดอโศการาม อำเภอเมืองสมุทรปราการ จังหวัดสมุทรปราการ

อ้างอิง[แก้]