ผู้ใช้:NT newthana/กระบะทราย

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี

ระบบสุขภาพประเทศฝรั่งเศส[แก้]

บทความแปลจากแหล่งอ้างอิง http://fr.wikipedia.org/wiki/Syst%C3%A8me_de_sant%C3%A9_fran%C3%A7ais

ระบบสุขภาพประเทศฝรั่งเศส มีลักษณะเป็นไปตามที่ได้ศึกษารายงานอนามัยโลก ปี ค.ศ. 2000 (หรือปี พ.ศ. 2543) รายงานนี้เป็นรายงานระบบสุขภาพที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น องค์กรอนามัยโลกเป็นผู้จัดทำรายงานนี้ในปี ค.ศ. 2000 ตัวอย่างการศึกษา เช่น ศึกษาความมีประสิทธิภาพมากขึ้นในด้านการจัดการแจกจ่ายยาและการจัดระบบดูแลสุขภาพ

ในประเทศฝรั่งเศส ในปี ค.ศ. 2010 หรือปี พ.ศ. 2553 รายจ่ายดำเนินการด้านสุขภาพในปัจจุบันแสดงให้เห็นถึงผลิตภัณฑ์มวลรวมประเทศ 12.1% และรายจ่ายสาธารณะ 21.3% งบประมาณสำหรับการบริโภคด้านการดูแลสุขภาพและการบริโภคผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์มาจากประกันสังคม 75.8% งบประมาณ 13.5% จากองค์กรที่รวมตัวกัน (เป็นการรวมกันระหว่างบริษัทประกันภัยและสถาบันกองทุนสำลองเลี้ยงชีพ) งบประมาณ 9.4% มาจากครัวเรือนและรัฐบาลรวมไปถึงเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นที่ให้การสนับสนุนงบประมาณคิดเป็น 1.2% ค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพทั้งหมดทำให้ฝรั่งเศสจัดอยู่ในลำดับที่ 3 ของประเทศสมาชิกองค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนาหรือโออีซีดี รองลงมาจากสหรัฐอเมริกา (GDP 17.4%) และประเทศเนเธอร์แลนด์ (GDP 11.9%)ในปี ค.ศ. 2009 หรือ พ.ศ. 2552


ทางประวัติศาสตร์ Historique

ใน ปี ค.ศ. 2004 (พ.ศ. 2547) ค่าใช้จ่ายสำหรับระบบสุขภาพของชาวฝรั่งเศสแสดงให้เห็นถึงผลิตภัณฑ์มวลรวมประเ้ทศคิดเป็น 10.5% และรายจ่ายสาธารณะคิดเป็น 15.4% รัฐบาลใช้งบประมาณค่าใช้จ่ายสำหรับสุขภาพคิดเป็น 78.4% ในปี ค.ศ. 2005 หรือ พ.ศ. 2548 ค่าใช้จ่ายสำหรับระบบสุขภาพของชาวฝรั่งเศสแสดงให้เห็นถึงผลิตภัณฑ์มวลรวมประเทศคิดเป็น 11.2% และรายจ่ายสาธารณะคิดเป็น 16.6% รัฐบาลใช้งบประมาณค่าใช้จ่ายสำหรับสุขภาพคิดเป็น 79.9%


สถานการณ์ระบบสุขภาพ Situation du système de santé

ระบบสุขภาำพประกอบไปด้วย 2 ส่วน 1. การดูแลสุขภาพ ดำเนินงานโดยผู้เชี่ยวชาญด้านการดูแลสุขภาำพ มีหลายแห่งให้บริการดูแลสุขภาพ ได้แก่ ศูนย์ดูแลสุขภาพในแต่ละเมืองและสถานพยาบาลต่างๆ (โรงพยาบาลสาธารณะและคลินิก) 2. การประกันสุขภาพ (ประกันสังคมและหน่วยงานอื่นๆที่ให้บริการประกันสุขภาพ


การดูแลสุขภาพ  Soins de santé

ณอง เดอ แกร์วาสดูเอ่ (Jean de Kervasdoué) เป็นนักเศรษฐศาสตร์ผู้ชำนาญเฉพาะทางของโรงพยาบาลหลายแห่ง ณอง เดอ แกร์วาสดูเอ่ให้คาดคะเนว่าการแพทย์ของชาวฝรั่งเศสจะมีคุณภาพสูงเนื่องจากว่าการแพทย์ของฝรั่งเศสจะเป็นการแพทย์ทางเลือกที่น่าเชื่อถือเพียงอันเดียวที่จะเข้าไปสู่ลักษณะการแพทย์แบบชาวอเมริกันที่เป็นการแพทย์ระดับโลก จากข้อมูลของณอง เดอ แกร์วาสดูเอ่กล่าวว่าศัลยแพทย์ นักคลินิก หน่วยงานให้บริการการแพทย์ฉุกเฉินในประเทศฝรั่งเศส (SAMU) และองค์กรจิตเวชศาสตร์ถือว่ามีความสำคัญในระดับนานาชาติของโลก แต่อย่างไรก็ตามมีรายงานว่าเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลควรจะเคารพครอบครัว 43 ครอบครัวที่มีกฎระเบียบ เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลวิจารณ์การบริหารงานล่าช้าและ “การกำหนดรายละเอียดถี่ถ้วนเกี่ยวกับวิธีดำเนินการที่ใช้ค่าใช้จ่ายสูง เป็นวิธีดำเนินการที่ยังไม่ได้ประเมินและในขณะเดียวกันไม่สามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้ มีประเด็นขัดแย้งหลายๆอย่าง จากข้อมูลเหล่านี้รัฐบาลเข้ามาแทรกแซงมากเกินไปในการควบคุมออกกฎชีวิตในแต่ละวันที่โรงพยาบาล”

จากข้อมูลของณองกล่าวว่าญี่ปุ่น สวีเดน และเนเธอร์แลนด์มีดัชนีสุขภาพที่สามารถเปรียบเทียบได้กับดัชนีสุขภาพของประเทศฝรั่งเศสแม้ว่าประเทศเหล่านั้นจะใช้ผลิตภัณฑ์มวลรวมประเทศเพียงแค่ 8% เมื่อเทียบกับประเทศฝรั่งเศสใช้ผลิตภัณฑ์มวลรวมประเทศ 10% ดังนั้นจำนวนเงิน 34 พันล้านยูโรดูเหมือนว่าจะนำไปใช้ในทางที่ผิด

การประกันสุขภาพ Assurance maladie

จากการติดตามข้อมูลจากนักประพันธ์หลายท่าน สภาพทางการเงินของระบบประกันสังคมชาวฝรั่งเศสเสื่อมลงนำไปสู่การควบคุมค่าใช้จ่ายสุขภาพเพิ่มขึ้น แนวทางแก้ไขต่างๆที่ได้พิจารณาแล้วมีหลายแนวทาง ได้แก่ การจัดระบบการเข้าถึงการดูแลสุขภาพใหม่ การพิจารณาสถานะของแพทย์อิสระ การควบคุมการฝึกอบรมอย่างต่อเนื่องของแพทย์โดยหน่วยกองทุนประกันสุขภาพแห่งชาติสำหรับพนักงาน (CNAMTS) และความเป็นประชาธิปไตยในการตัดสินใจด้านงบประมาณเพื่อรับมือกับความกดดันจากอุตสาหกรรมเภสัช

นโยบายสุขภาพ Politique de santé

ในประเทศฝรั่งเศส ประมวลกฎหมายใหม่ด้านสาธารณสุขมีผลบังคับใช้ระหว่างเดือนพฤษภาคม ค.ศ. 2003 หรือปี พ.ศ. 2546 (ปรับแก้ใน ค.ศ. 2005 หรือ พ.ศ. 2548) มีกฎว่า (มาตรา L1110-1)วิธีทั้งหมดที่มีอยู่เพื่อผลประโยชน์ของทุกคนควรจะนำมาปฏิบัติใช้เพื่อคุ้มครองสุขภาพ ผู้ที่ควรนำวิธีเหล่านี้มาปฏิบัติได้แก่ ผู้เชี่ยวชาญ สถานให้บริการสุขภาพต่างๆ และเครือข่ายสุขภาพ ตลอดจนองค์กรประกันภัยหรือทุกองค์กรที่ให้การสนับสนุนการป้องกันโรคและการดูแลสุขภาพ เจ้าหน้าที่ทางด้านสาธารณสุขควรจะให้ความช่วยเหลือแก่ผู้ใช้บริการเพื่อพัฒนาการป้องกันโรค เพื่อความเท่าเทียมกันของทุกคนในการเข้าถึงบริการสุขภาพและรูปแบบการดูแลทั้งหมดที่ต้องการข้อมูลสถานะสุขภาพ และนอกจากนี้ประมวลกฎหมายใหม่ยังเน้นการสร้างความมั่นใจในเรื่องการดูแลที่ต่อเนื่องตลอดจนความปลอดภัยในการรักษาที่ดีที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ ผู้ป่วยมีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ตามพระราชบัญญัติข้อที่ 2002-303 ในวันที่ 4 มีนาคม ค.ศ. 2002 ยกเว้นการยกเลิกกฎหมายเพียงบางส่วนตามกฎหมาย ผู้ป่วยมีสิทธิในชีวิตส่วนตัวหรือการเก็บข้อมูลเป็นความลับ แผนระดับประเทศด้านอนามัยสิ่งแวดล้อม (รุ่นเดือนมิถุนายน ค.ศ. 2004)จะเน้นในเรื่องสิทธิพิเศษ สิ่งนี้เป็นการส่งเสริมอนามัยสิ่งแวดล้อม แผนระดับประเทศนี้ได้นำมาใช้ในวันที่ 21 มิถุนายน ค.ศ. 2004 หรือ พ.ศ. 2547 (เป็นระยะเวลา 5 ปี) แผนนี้ได้นำมาร่างเป็นกฎภายใต้อำนาจของรัฐมนตรีที่รับผิดชอบด้านสุขภาพ นิเวศวิทยา งานและการวิจัย และเป็นส่วนหนึ่งของกฎบัตรว่าด้วยเรื่องสิ่งแวดล้อม และเป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์ยุโรปแห่งองค์การอนามัยโลก แผนระดับประเทศด้านอนามัยสิ่งแวดล้อมอาจจะได้รับการสนับสนุนตามกฎหมายสิ่งแวดล้อมเกรอแนล (ตุลาคม ปี ค.ศ. 2550)