บีบีซี เวิลด์นิวส์

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
บีบีซี นิวส์
ประเทศสหราชอาณาจักร (สำหรับออกอากาศนอกประเทศเท่านั้น)
ความเป็นเจ้าของ
เจ้าของบีบีซี (บรรษัทกิจการการกระจายเสียงและแพร่ภาพแห่งประเทศอังกฤษ)
ช่องรองBBC News
ประวัติ
เริ่มออกอากาศ11 มีนาคม พ.ศ. 2534
ชื่อเดิมBBC World Service Television
1991 → 1995
BBC World
1991 → 2008
BBC World News
2008 → 2023
ลิงก์
เว็บไซต์bbc.com/news
ออกอากาศ
เคเบิลทีวี
ทรูวิชั่นส์ช่อง 174,780
ทีวีดาวเทียม
ไทยทรูวิชั่นส์ช่อง 785
นิวซีแลนด์สกายนิวซีแลนด์ช่อง 89
Intelsat 19 (166.0 °E)3900 H 30000 2/3 (HD)
3940 H 27690 7/8 (SD)
เวียดนามเค+ช่อง 114
ญี่ปุ่นสกาย เพอร์เฟค ทีวี!ช่อง 565
เกาหลีใต้สกาย ไลฟ์ช่อง 174
มองโกเลียดีดิชทีวีช่อง 307
อินโดนีเซียเอ็นเอ็มซี วิชันช่อง 332
มาเลเซียแอสโทรช่อง 512

บีบีซี นิวส์ (อังกฤษ: BBC News) เป็นช่องรายการข่าวนานาชาติของบีบีซี ช่องรายการนี้มีผู้ชมมากที่สุดในบรรดาช่องรายการของบีบีซี เปิดตัวครั้งแรกในชื่อ บีบีซี เวิลด์ เซอร์วิส เทเลวิชั่น (BBC World Service Television) เมื่อปีค.ศ. 1991 (ภายหลังเปลี่ยนเป็น บีบีซี เวิลด์ (BBC World) ในปีค.ศ. 1995) โดยออกอากาศรายการข่าว, สารคดี, ไลฟ์สไตล์ และบทสัมภาษณ์ต่างๆ ตลอด 24 ชั่วโมง คู่แข่งสำคัญของช่องรายการนี้คือ ซีเอ็นเอ็น อินเตอร์เนชั่นแนล และยังต้องแข่งขันกับสถานีข่าวอื่นๆ อีก บีบีซี นิวส์ เป็นช่องรายการข่าวที่มีผู้ชมมากที่สุด นำหน้า ซีเอ็นเอ็น และยังเป็นหนึ่งในช่องรายการที่มีคนดูมากที่สุดในโลก

ช่องรายการถูกส่งสัญญาณโดย Red Bee Media จากสถานีหลัก ณ The Broadcast Centre ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ BBC Media Village และส่วนหนึ่งของ BBC White City ที่ White City ในลอนดอนตะวันตก โดยมีห้องส่งจาก BBC Television Centre ที่อยู่ในบริเวณเดียวกัน BBC World News มีห้องข่าวแยกออกจากห้องข่าวของ BBC News ห้องข่าวนี้ส่งสัญญาณตั้งแต่เวลา 05.00 น. ถึง 00.30 น. (เวลาสหราชอาณาจักร) ทุกๆ วันจันทร์ถึงศุกร์ และตั้งแต่ 06.00 น. ถึง 00.30 น. ในวันเสาร์และอาทิตย์ ส่วนในเวลา 01.00 น. ถึง 05.00 น. จะส่งสัญญาณจากห้องส่งภายในสหราชอาณาจักร หรือ BBC News

ถึงแม้ว่าห้องส่ง BBC World News ผลิตภาพในสัดส่วนภาพ 16:9 ในรูปแบบ SDTV ซึ่งเป็นเช่นเดียวกับ BBC News แต่ BBC World News นั้นถูกส่งสัญญาณในสัดส่วนภาพ 4:3 ทำให้ภาพถูกแปลงให้เป็นสัดส่วนภาพ 14:9 สำหรับการออกอากาศทั้งในแบบดิจิตอลและอนาล็อก ทำให้ภาพที่ปรากฏมีแถบดำอยู่ด้านบนและล่างของภาพ จนกระทั่งในปี ค.ศ. 2009 ได้ปรับระบบการส่งภาพไปเป็นอัตราส่วน 16:9 พอดี

BBC World News ได้รับรางวัล ช่องรายการข่าวนานาชาติดีเด่น ณ The Association for International Broadcasting Awards ในเดือนพฤศจิกายน ปีค.ศ. 2006

ในเดือนเมษายน ปีค.ศ. 2008 ช่องรายการถูกเปลี่ยนชื่อเป็น "BBC World News" จากชื่อเดิม BBC World โดยเป็นส่วนหนึ่งของการรีแบรนด์ภาพลักษณ์ของ BBC มูลค่า 550,000 ปอนด์ ทำให้มีภาพลักษณ์ช่องใหม่ รูปแบบสีใหม่ BBC News ยังกล่าวอีกว่า การส่งสัญญาณจะย้ายจากสตูดิโอ N9 ไปเป็น N8 ซึ่งเคยเป็นห้องส่งของ BBC News Channel มาก่อน

ในวันที่ 14 มกราคม ค.ศ. 2013 บีบีซีเวิลด์นิวส์ย้ายส่วนปฏิบัติการจาก BBC Television Centre ใน White City ลอนดอนตะวันตก ไปอยู่ที่ Broadcasting House ใจกลางกรุงลอนดอน โดยมี Nik Gowing เป็นผู้ประกาศข่าวคนสุดท้ายที่อ่านข่าวจากห้องส่งเดิม ส่วนผู้ประกาศข่าวคนแรกที่อ่านข่าวจากห้องส่งใหม่ คือ George Alagiah ในรายการ GMT

ในเดือนกรกฎาคม ค.ศ. 2022 บีบีซีตัดสินใจที่จะควบรวมช่อง บีบีซีนิวส์ (สำหรับผู้ชมในสหราชอาณาจักร) และบีบีซีเวิลด์นิวส์ (สำหรับผู้ชมในแต่ละประเทศ) รวมกันเป็นช่องเดียว ภายใต้ชื่อ บีบีซีนิวส์ และเริ่มออกอากาศในวันที่ 3 เมษายน ค.ศ. 2023 [2]

ในประเทศไทย สามารถรับชมช่องรายการนี้ได้ผ่านทาง ทรูวิชั่นส์ ช่อง 785 ในระบบดิจิตอลจานดาวเทียมและดิจิตอลเคเบิลใยแก้ว (ระบบความคมชัดมาตรฐาน) และหมายเลข 174 และ 780 เฉพาะในระบบดิจิตอลเคเบิลใยแก้วเท่านั้น (ระบบความคมชัดสูง) และสามารถรับชมช่องรายการนี้ได้ผ่านทาง AIS Play ช่อง 604 ผ่านกล่องรับสัญญาณอินเทอร์เน็ต AIS Playbox และแอปพลิเคชั่นในสมาร์ทโฟน และสามารถรับชมช่องรายการนี้ได้ผ่านทาง จีเอ็มเอ็มแซท ในระบบจานดาวเทียม C-Band นอกจากนี้ ยังสามารถรับชมได้ผ่านทางจานรับสัญญาณดาวเทียมระบบ C-Band (จานดำ) โดยใช้ดาวเทียม Intelsat 19 ที่ตำแหน่ง 166.0 องศาตะวันออก ความถี่ 3900 H 30000 2/3 โดยใช้เครื่องรับสัญญาณ (Receiver) ที่รองรับการถอดรหัส PowerVU (ระบบความคมชัดสูง) และความถี่ 3940 H 27690 7/8 ใช้เครื่องรับสัญญาณ (Receiver) ที่รองรับการถอดรหัสแบบ PowerVU+ (ระบบความคมชัดมาตรฐาน) [3]

ประวัติ[แก้]

ช่องรายการนี้เปิดตัวในชื่อ BBC World Service Television โดยเปิดตัวในวันที่ 11 มีนาคม ปีค.ศ. 1991

ช่อง BBC World ได้เปิดตัวในปีค.ศ. 1995 โดยการแบ่งช่อง BBC World Service Television ให้เป็นสองช่อง: BBC Prime - ช่องรายการบันเทิงในรูปแบบบอกรับเป็นสมาชิก และช่องรายการที่ออกอากาศโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายในการรับชม BBC World.

ตลอด 11 ปีที่ผ่านมา ช่องรายการได้มีการเปลี่ยนแปลงภาพลักษณ์มาตลอด โดยตั้งแต่ปีค.ศ. 1995-1997 ช่องรายการมีการใช้กราฟิกเพื่อแสดงชื่อของช่องรายการ

BBC ได้มีการเปลี่ยนแปลงอีกครั้งในปีค.ศ. 1997 ทำให้ช่องรายการมีการเปลี่ยนแปลงภาพลักษณ์อีกครั้ง โดยภาพลักษณ์ใหม่ถูกสร้างจากคอมพิวเตอร์และพัฒนาโดย The Lambie-Nairn Design Agency

การเปลี่ยนแปลงครั้งที่ใหญ่ที่สุดสำหรับ BBC News เกิดขึ้นในปีค.ศ. 1999 ทั้งช่องในสหราชอาณาจักรและช่องทั่วโลกใช้รูปแบบสีให้เป็นสีแดงและสีครีม และได้มีการเริ่มต้นการใช้ดนตรีของช่องรายการที่เรียกว่า "กลองและเสียงบี๊บ" ซึ่งแต่งโดย David Lowe

ในปีค.ศ. 2003 และ 2004 ได้มีการเปลี่ยนแปลงกราฟิกของช่องรายการอีกครั้ง แต่ไม่มากเท่าในปีค.ศ. 1999 และได้มีการเปลี่ยนสโลแกนของบริษัทในปีค.ศ. 2004 ตอนปลาย จาก "Demand a Broader View" เป็น "Putting News First"

การออกอากาศ[แก้]

BBC World News ส่วนใหญ่ถูกออกอากาศโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายในการรับชม ช่องรายการนี้ออกอากาศทั่วโลก ถึงแม้ว่าช่องรายการนี้จะไม่ออกอากาศอย่างเป็นทางการในสหราชอาณาจักร และก็ยังสามารถรับชมได้ถ้าหากหันจานดาวเทียมไปที่ Astra 1, Hot Bird และ Thor ส่วนในประเทศต่างๆ ทั่วโลก ช่องรายการออกอากาศผ่านดาวเทียมและเคเบิล

BBC World News ยังสามารถรับชมได้ผ่านทางเว็บไซต์ของ Dong-a Ilbo ซึ่งเป็นหนังสือพิมพ์ของเกาหลี แต่ก็ไม่สามารถรับชมได้ทั่วโลก (ดังเช่นในสหรัฐอเมริกา มีผลตั้งแต่ตุลาคม ปีค.ศ. 2007)

รายการที่ออกอากาศ[แก้]

ข่าวหลัก

  • BBC World News
  • GMT
  • Impact
  • Global
  • Outside Source
  • Newsday
  • BBC World News America
  • Focua on Africa
  • BBC News with Katty and Christian
  • World News Today
  • The Briefing

ตราสัญลักษณ์[แก้]

เกร็ดข้อมูล[แก้]

  • สัญลักษณ์ของช่อง บีบีซีเวิลด์นิวส์ คือ นาฬกานับถอยหลัง ซึ่งจะถอยหลังเป็นเวลา 60 วินาทีซึ่งใช้มาตั้งแต่ พ.ศ. 2540 มาจนถึงปัจจุบัน ขึ้นอยู่กับรูปแบบของรายการ
  • ไตเติ้ลรายการข่าวต้นชั่วโมง จะแสดงเป็นคำสำคัญ เช่น "WAR IN IRAQ" ขึ้นอยู่บนหน้าจอจะแสดงไว้เป็นเวลา 3 วินาที ใช้มาตั้งแต่ พ.ศ. 2546 - พ.ศ. 2549

อ้างอิง[แก้]