ธรรมรัตน์ นาคสุริยะ

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
ธรรมรัตน์ นาคสุริยะ
สารนิเทศภูมิหลัง
เกิด12 ธันวาคม พ.ศ. 2477
ธรรมรัตน์ นาคสุริยะ
เสียชีวิต19 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2565 (87 ปี)
คู่สมรสยุพิน นาคสุริยะ
อาชีพนักร้อง พิธีกร นักแสดง นักพากย์
ปีที่แสดงพ.ศ. 2507 - 2565
ผลงานเด่นพิธีกรรายการ "นาทีทอง" และ "ประตูดวง"
โทรทัศน์ทองคำพ.ศ. 2537 - นักพากย์ยอดเยี่ยม
เมขลาพ.ศ. 2538 - พิธีกรโทรทัศน์ยอดเยี่ยม

ธรรมรัตน์ นาคสุริยะ (12 ธันวาคม พ.ศ. 2477 - 19 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2565) นักร้อง พิธีกรรายการโทรทัศน์ นักแสดง นักพากย์ มีผลงานที่น่าจดจำ คือเป็นพิธีกรรายการ "นาทีทอง" และ "ประตูดวง" รายการที่มีผู้ชมสูงสุดทางสถานีโทรทัศน์สีกองทัพบกช่อง 7

ประวัติ[แก้]

ธรรมรัตน์ จบการศึกษาจากโรงเรียนเพาะช่าง สาขาจิตรกรรม รุ่นเดียวกับสุเทพ วงศ์กำแหง ศิลปินแห่งชาติ เมื่อ พ.ศ. 2499 และเรียนต่อคณะเศรษฐศาสตร์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ รุ่นเดียวกับนายสมัคร สุนทรเวช อดีตนายกรัฐมนตรีและกำธร สุวรรณปิยะศิริ พร้อมกับรับราชการกระทรวงศึกษาธิการ และสมัครเป็นนักร้องกับชาลี อินทรวิจิตร

ธรรมรัตน์ รับราชการเป็นครูอยู่ 5 ปี จึงลาออกมาเป็นโฆษก ที่สถานีวิทยุ วปถ.1 (วิทยุทหารสื่อสารประจำถิ่น) กรมการทหารสื่อสาร และสมัครสอบเข้าเป็นผู้ดำเนินรายการ ทางสถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 7 (ช่อง 7 ขาวดำในอดีต)เมื่อ พ.ศ. 2507 และไปเป็นผู้ช่วยพิธีกรรายการป็อปท็อป ทางช่อง 5 ซึ่งมี พ.อ.การุณ เก่งระดมยิง เป็นพิธีกร

ธรรมรัตน์ ได้รับคัดเลือกเป็นผู้ดำเนินรายการทางช่อง 7 เป็นอันดับหนึ่งด้วยน้ำเสียงทุ้มเป็นเอกลักษณ์และมีท่าทางเป็นธรรมชาติ มีหน้าที่ทั้งเป็นผู้พากย์หนัง พากย์รายการมวย พูดโฆษณาสินค้า เป็นโฆษกการตัดสินรางวัลแผ่นเสียงทองคำพระราชทาน ในขณะเดียวกันก็ยังเป็นนักร้อง และจัดรายการพิพิธภัณฑ์ดารา และรายการเพลงสุนทราภรณ์ เมื่อ พ.ศ. 2517

ธรรมรัตน์ ได้เป็นพิธีกรรายการเกมโชว์ "นาทีทอง" ช่วงเที่ยงวันอาทิตย์ และ "ประตูดวง" ช่วงเย็นวันอาทิตย์ แทนอาคม มกรานนท์ พิธีกรคนเดิมที่ได้รับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภา ทั้งสองรายการเป็นรายการที่มียอดผู้ชมสูงสุด และสร้างชื่อเสียงให้กับเขาเป็นอย่างมาก

ธรรมรัตน์ ลาออกจากช่อง 7 ในปี พ.ศ. 2528 เพื่อไปทำงานการเมืองกับกลุ่มรวมพลังของพลตรีจำลอง ศรีเมือง ลงสมัคร ส.ก.เขตลาดพร้าว 2 สมัย โดยในสมัยที่สองได้ดำรงตำแหน่งรองประธานสภา กทม.คนที่ 1

ธรรมรัตน์ ได้รับรางวัลโทรทัศน์ทองคำ สาขานักพากย์ยอดเยี่ยม จากผลงานพากย์หนังชุด บิ๊กซินีม่า ทางช่อง 7 ในปี พ.ศ. 2537 และรับรางวัลพิธีกรโทรทัศน์ยอดเยี่ยม รางวัลเมขลาในปี พ.ศ. 2538 จากรายการ 20 คำถาม จากนั้นจึงเลิกผลิตรายการโทรทัศน์และเลิกเล่นการเมือง หันไปศึกษาต่อระดับปริญญาโทที่สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ จบการศึกษาในปี พ.ศ. 2541 จากนั้นจึงออกตระเวนเดินสายร้องเพลง และจัดรายการวิทยุภาคภาษาไทยที่ลอสแอนเจลิส สหรัฐอเมริกา

จากนั้นในปี พ.ศ. 2543 และลงสมัครรับเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ในวันที่ 4 มีนาคม ใน กทม.ด้วย แต่ไม่ได้รับการเลือกตั้ง

ธรรมรัตน์ เดินทางกลับมาใช้ชีวิตในประเทศไทย ก่อตั้งสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม ชื่อ เอเชียน วิชั่น แชนแนล และยังรับงานพากย์ภาพยนตร์ และร้องเพลง

ชีวิตส่วนตัว ธรรมรัตน์สมรสกับยุพิน นาคสุริยะ มีธิดาคือปวันรัตน์ นาคสุริยะ นักแสดงและพิธีกร

ธรรมรัตน์เสียชีวิตจากโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 เมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2565 เวลา 04:00 น. โดยมีพิธีฌาปนกิจศพทันทีในวันเดียวกัน เวลา 13:00 น. ที่วัดภาณุรังษี เขตบางพลัด กรุงเทพมหานคร[1]

รายการโทรทัศน์[แก้]

  • ประตูดวง
  • 20 คำถาม
  • นาทีทอง

ผลงานการแสดงภาพยนตร์[แก้]

  • เทวดาเดินดิน (2519)
  • เมืองขอทาน (ขี้กลากคอนกรีต) (2521) รับบท เจ้าชมพู่
  • อะไรกันวะ (2521) (รับเชิญ)
  • สัญชาตญาณโหด (2522)
  • น.ส. เย็นฤดี (2526) รับบท โฆษก
  • สวัสดีคุณนาย (2527) (รับเชิญ)
  • อีแต๋น ไอเลิฟยู (2527) (รับเชิญ)
  • นักเพลงผู้ยิ่งใหญ่ (2527) รับบท ธรรมรัตน์ (รับเชิญ)
  • ตุ๊กตาทองหลังโลงศพ (2530)
  • ล่าระเบิดเมือง (2542)
  • สุริโยไท (2544) รับบท พระสุนทรสงคราม
  • The Legend of Suriyothai (2546) รับบท พระสุนทรสงคราม

ผลงานละครโทรทัศน์[แก้]

  • ชาวเขื่อน ช่อง 7 (2524)
  • ปมรักนวลฉวี ช่องไอทีวี (2546)

เครื่องราชอิสริยาภรณ์[แก้]

อ้างอิง[แก้]

  1. "ปิดฉาก นักแสดง-พิธีกรชั้นครู "ธรรมรัตน์ นาคสุริยะ" โควิดคร่าชีวิต วัย 87 ปี". พีพีทีวี. 2022-02-19. สืบค้นเมื่อ 2022-02-19.{{cite web}}: CS1 maint: url-status (ลิงก์)
  2. ราชกิจจานุเบกษา, ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์, เล่ม ๑๐๙ ตอนที่ ๑๕๔ ง ฉบับพิเศษ หน้า ๙, ๔ ธันวาคม ๒๕๓๕
  3. ราชกิจจานุเบกษา, ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์, เล่ม ๑๐๗ ตอนที่ ๒๔๐ ง ฉบับพิเศษ หน้า ๗, ๔ ธันวาคม ๒๕๓๓