ที. คอลิน แคมป์เบลล์

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
ที. คอลิน แคมป์เบลล์
(T. Colin Campbell)
เกิดพ.ศ. 2477 (ค.ศ. 1934)
การศึกษาปริญญาวิทยาศาสตร์บัณฑิต (ค.ศ. 1956), วิชาเตรียมสัตวแพทย์, มหาวิทยาลัยเพนซิลเวเนียสเตต
คณะสัตวแพทย์, 1 ปี, มหาวิทยาลัยจอร์เจีย
ปริญญาวิทยาศาสตร์มหาบัณฑิต (ค.ศ. 1958), โภชนาการและชีวเคมี, มหาวิทยาลัยคอร์เนล
ปริญญาปรัชญาดุษฎีบัณฑิต (ค.ศ. 1961), ชีวเคมี, โภชนาการ, และจุลชีววิทยา, มหาวิทยาลัยคอร์เนล
อาชีพนักชีวเคมีแนวโภชนาการ
ผลงานเด่นThe China Study (ค.ศ. 2005)
ญาติโทมัส เอ็ม. แคมป์เบลล์ (บุตร)
เว็บไซต์มูลนิธิทีคอลินแคมป์เบลล์

ศ. ดร. ที. คอลิน แคมป์เบลล์ (อังกฤษ: T. Colin Campbell) เป็นนักชีวเคมีชาวอเมริกันผู้มีความชำนาญในเรื่องผลที่มีต่อสุขภาพในระยะยาวของโภชนาการ เขามีตำแหน่งเป็นศาสตราจารย์กิตติคุณ (Jacob Gould Schurman Professor Emeritus) ในสาขาวิชาโภชนชีวเคมี (Nutritional Biochemistry) ที่มหาวิทยาลัยคอร์เนลในประเทศสหรัฐอเมริกา

ดร. แคมป์เบลล์ได้กลายเป็นผู้ที่รู้จักกันดีเพราะสนับสนุนอาหารที่มีไขมันต่ำ ที่ไม่ผ่านกรรมวิธีการผลิตและการนำส่วนต่าง ๆ ออก (คือไม่มีการฟอก) เป็นอาหารมังสวิรัติแบบเคร่ง เขามีผลงานวิจัยกว่า 300 ชิ้นในเรื่องนี้ และได้เขียนหนังสือ 2 เล่ม คือ Whole (เต็ม, ไม่ผ่านกรรมวิธีการผลิตและการนำส่วนต่าง ๆ ออก) (ค.ศ. 2013) และ The China Study (งานวิจัยในเมืองจีน) (ค.ศ. 2005 ซึ่งเขียนร่วมกับบุตรของเขา) ซึ่งได้กลายเป็นหนังสือโภชนาการที่ขายดีที่สุดเล่มหนึ่งในประเทศสหรัฐอเมริกา[1] นอกจากนั้นแล้ว ดร. แคมป์เบลล์ยังได้ให้สัมภาษณ์ในภาพยนตร์สารคดีอเมริกันเรื่อง "Forks Over Knives (ใช้ซ่อมดีกว่าถูกมีด)" ที่เริ่มฉายในปี ค.ศ. 2011

ในคริสต์ทศวรรษ 1980 ดร. แคมป์เบลล์ทำงานเป็นหนึ่งในนักวิทยาศาสตร์หลัก ในงานวิจัย "จีน-ออกซฟอร์ด-คอร์เนล" เกี่ยวกับเรื่องโภชนาการและโรค ที่เริ่มขึ้นในปี ค.ศ. 1983 โดยมหาวิทยาลัยคอร์เนล มหาวิทยาลัยออกซฟอร์ด และ บัณฑิตยสถานการแพทย์เชิงป้องกันแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน (Chinese Academy of Preventive Medicine) เพื่อศึกษาความสัมพันธ์กันระหว่างโภชนาการกับโรคมะเร็ง โรคหัวใจ และโรคที่เกี่ยวกับเมแทบอลิซึม เป็นโพรเจ็กต์ที่หนังสือพิมพ์อเมริกันเดอะนิวยอร์กไทมส์เรียกว่า "Grand Prix of epidemiology (แปลว่า "รางวัลสูงสุดของวิทยาการระบาด" หรือ "การแข่งขันสากลที่สำคัญในสาขาวิทยาการระบาด")" ในปี ค.ศ. 1990[2]

ช่วงเริ่มต้นในชีวิตและการศึกษา[แก้]

ดร. แคมป์เบลล์เติบโตขึ้นในฟารม์โคนม เขาได้ศึกษาวิชาเตรียมสัตวแพทย์ที่มหาวิทยาลัยเพนซิลเวเนียสเตต เป็นที่ที่เขาได้รับปริญญาวิทยาศาสตร์บัณฑิตในปี ค.ศ. 1956 และหลังจากนั้นได้ศึกษาในคณะสัตวแพทย์ที่มหาวิทยาลัยจอร์เจียเป็นเวลาปีหนึ่ง[3] เขาได้จบปริญญาวิทยาศาสตร์มหาบัณฑิตในโภชนาการและชีวเคมีที่มหาวิทยาลัยคอร์เนลในปี ค.ศ. 1958 และได้รับการดูแลจาก ศ. คลิฟ แม็คเค (ผู้มีชื่อเสียงในด้านงานวิจัยเกี่ยวกับโภชนาการและการสูงวัยขึ้น) และได้ปริญญาปรัชญาดุษฎีบัณฑิตเกี่ยวกับโภชนาการ ชีวเคมี และจุลชีววิทยา ในปี ค.ศ. 1961 จากมหาวิทยาลัยคอร์เนล

อาชีวประวัติ[แก้]

ดร. แคมป์เบลล์เริ่มต้นทำงานเป็นผู้ช่วยงานวิจัยที่สถาบันเทคโนโลยีแมสซาชูเซตส์ แล้วหลังจากนั้นทำงานอยู่เป็นเวลา 10 ปีที่เวอร์จิเนียเทคในคณะชีวเคมีและโภชนาการ ก่อนที่จะกลับไปสู่มหาวิทยาลัยคอร์เนลในปี ค.ศ. 1975 โดยเข้าร่วมกับคณะวิทยาศาสตร์โภชนาการ ต่อมาเขาได้ทำงานเป็นที่ปรึกษาชั้นอาวุโสทางวิทยาศาสตร์ให้กับสถาบัน American Institute for Cancer Research (สถาบันอเมริกันเพื่องานวิจัยเกี่ยวกับมะเร็ง)[4] และเป็นกรรมการขององค์กรการกุศล Physicians Committee for Responsible Medicine (คณะกรรมการนายแพทย์เพื่อการแพทย์ที่มีความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม)[5] ดร. แคมป์เบลล์เป็นที่รู้จักกันดีในเรื่องของงานวิจัย ส่วนหนึ่งจากงานวิจัยในประเทศจีน ที่แสดงความสัมพันธ์ระหว่างการบริโภคโปรตีนสัตว์กับการเกิดขึ้นของโรคมะเร็งและโรคหัวใจ[6] ดร. แคมป์เบลล์เสนอว่า เคซีน (casein) ซึ่งเป็นโปรตีนที่พบในนมของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม "เป็นสารก่อมะเร็งที่มีนัยสำคัญที่สุดที่เราบริโภค"[7]

ตัว ดร. แคมป์เบลล์เองได้เริ่มทานอาหารมังสวิรัติแบบเคร่งตั้งแต่คริสต์ทศวรรษ 1990[8] เขาไม่เรียกตัวเองว่าเป็น "ผู้กินเจ" เพราะว่า "ชื่อเหล่านี้มักมีความหมายครอบคลุมถึงความคิดอื่น ๆ ที่ผมไม่สนับสนุน"[9] เขาได้ให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์อเมริกันเดอะนิวยอร์กไทมส์ไว้ว่า "ไอเดีย (ที่ผมสนับสนุน) ก็คือว่า พวกเราควรจะบริโภคอาหารที่ไม่ผ่านกรรมวิธีการผลิตหรือมีการนำส่วนต่าง ๆ ออก (คือไม่ผ่านการฟอก) เราไม่ควรยืนหยัดอยู่ในความคิดเพียงแค่ว่า ยีนเป็นตัวกำหนดสุขภาพของเรา หรือว่า การบริโภคอาหารเสริมเป็นวิธีที่ (ร่างกาย) จะได้คุณค่าอาหารทุกอย่าง เพราะว่าความจริงไม่ใช่เป็นแบบนั้น อาหารที่ผมพูดถึง (และสนับสนุน) ก็คือ อาหารที่ไม่ผ่านกรรมวิธีการผลิตหรือมีการนำส่วนต่าง ๆ ออก ที่มาจากพืช"[10]

ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1978 ดร. แคมป์เบลล์ได้เป็นสมาชิกของคณะผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับความปลอดภัยของอาหารคณะต่าง ๆ ของ บัณฑิตยสถานวิทยาศาสตร์แห่งชาติของประเทศสหรัฐอเมริกา (United States National Academy of Sciences) และมีตำแหน่งเป็นศาสตราจารย์กิตติมศักดิ์ที่บัณฑิตยสถานการแพทย์เชิงป้องกันแห่งสาธารณประชาชนจีน (Chinese Academy of Preventive Medicine)[4] นอกจากนั้นแล้ว ดร. แคมป์เบลล์ ยังปรากฏในภาพยนตร์สารคดี Forks Over Knives (ใช้ซ่อมดีกว่าถูกมีด), Planeat (จะกินให้หมดทั้งโลกเลยหรือไง)[11], และ Vegucated (จะกินมังสวิรัติไปทำไม)[12]

ในปี ค.ศ. 2010 หลังจากการผ่าตัดหัวใจ อดีตประธานาธิบดีของสหรัฐอเมริกาบิล คลินตัน ได้เปลี่ยนการบริโภคอาหารไปเป็นมังสวิรัติแบบเคร่งตามที่ ดร. แคมป์เบลล์, น.พ. คอลด์เวลล์ เอสเซลเตน, และ ศ. น.พ. ดีน ออร์นิช แนะนำ[6]

ผลงาน[แก้]

  • Diet, Life-style and Mortality in China (อาหาร วิถีชีวิต และอัตราความตายในประเทศจีน) (1991)
  • หนังสือ The China Study (งานวิจัยในประเทศจีน) (2005)
  • Whole: Rethinking the Science of Nutrition (อาหารไม่ผ่านกรรมวิธีการผลิตและการนำส่วนต่าง ๆ ออก, เรื่องทบทวนความคิดเกี่ยวกับวิทยาศาสตร์โภชนาการ) (2013)
  • "ใช้ซ่อมดีกว่าถูกมีด: อาหารจากพืชสามารถจะช่วยอเมริกาให้พ้นภัยได้." โดยที. คอลิน แคมป์เบลล์ และนายแพทย์ Caldwell Esselstyn, Jr., Huffington Post, 13 พฤษภาคม ค.ศ. 2011
  • "โภชนาการ - อนาคตของการแพทย์", โดยที. คอลิน แคมป์เบลล์, Huffington Post, 25 ตุลาคม ค.ศ. 2010
  • "อาหารไขมันต่ำมักมีการโฆษณาผิด ๆ (อังกฤษ)". Huffington Post. 28 สิงหาคม ค.ศ. 2010. {{cite web}}: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |date= (help)

ดูเพิ่ม[แก้]

หนังสือ[แก้]

  • หนังสือ The China Study - หนังสือแสดงความสัมพันธ์ของโภชนาการกับโรค

แพทย์ นักวิชาการ นักวิทยาศาสตร์[แก้]

  • น.พ. คอลด์เวลล์ เอสเซลเตน - แพทย์คลินิกผู้รักษาคนไข้โรคหัวใจด้วยการเปลี่ยนอาหาร
  • ศ. น.พ. ดีน ออร์นิช - แพทย์วิจัยผู้ทำการทดลองรักษาคนไข้โรคหัวใจและโรคต่อมลูกหมากด้วยการเปลี่ยนอาหาร

นักเขียน[แก้]

แนวคิด[แก้]

เชิงอรรถและอ้างอิง[แก้]

  1. Interview with T. Colin Campbell เก็บถาวร 2013-09-06 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน, author of "Whole", philly.com.
  2. "Chinese ecological studies", Clinical Trial Service Unit, University of Oxford, accessed December 3, 2010.
  3. The China Study, p. 4.
  4. 4.0 4.1 "T. Colin Campbell", Cornell University, accessed December 3, 2010.
  5. "About PCRM" เก็บถาวร 2010-11-26 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน, Physicians Committee for Responsible Medicine, accessed December 3, 2010.
  6. 6.0 6.1 Sherwell, Philip. "Bill Clinton's new diet: nothing but beans, vegetables and fruit to combat heart disease", The Daily Telegraph, October 3, 2010.
  7. Talk by T. Colin Campbell เก็บถาวร 2011-04-17 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน, Google Videos, 20:24 mins, accessed December 3, 2010.
  8. "Interview with T. Colin Campbell", 2007
  9. "Interview with T. Colin Campbell", 2007
  10. "Nutrition Advice From the China Study". The New York Times, January 7, 2011.
  11. เป็นชื่อเล่นคำของคำว่า "Planet (ดาวเคราะห์, โลก)" และ "eat (กิน)"
  12. เป็นชื่อเล่นคำของคำว่า "Vegetarian (ผู้กินมังสวิรัติ)" และ "Educated (ได้รับการศึกษา)"

แหล่งข้อมูลอื่น[แก้]

[[วิกิพีเดีย:|ข้อมูลบุคคล]]
ชื่อ แคมป์เบลล์, ที. คอลิน}
ชื่ออื่น
รายละเอียดโดยย่อ
วันเกิด ค.ศ. 1934
สถานที่เกิด
วันตาย
สถานที่ตาย