ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์
สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร
แบบบัญชีรายชื่อ
ดำรงตำแหน่ง
3 กรกฎาคม พ.ศ. 2554 – 9 ธันวาคม พ.ศ. 2556
ดำรงตำแหน่ง
6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2548 – 26 มกราคม พ.ศ. 2549
หัวหน้าพรรครักประเทศไทย
ดำรงตำแหน่ง
18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553 – 17 มกราคม พ.ศ. 2560
ข้อมูลส่วนบุคคล
เกิด29 สิงหาคม พ.ศ. 2504 (62 ปี)
เยาวราช ประเทศไทย[1]
พรรคการเมืองต้นตระกูลไทย (2546–2548)
ชาติไทย (2548–2551)
สู้เพื่อไทย (2551–2552)
รักประเทศไทย (2553–2560)
คู่อาศัยสุรัชดา แววศรี
คู่สมรสเคต ดับเบิลยู. จอห์นสัน
งามตา กมลวิศิษฎ์
บุตร7 คน
ลายมือชื่อ

ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ (เกิด 29 สิงหาคม พ.ศ. 2504) เป็นนักการเมืองชาวไทย อดีตหัวหน้าพรรครักประเทศไทย และอดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ ผู้ได้รับรางวัลสุริยเทพจากมหาวิทยาลัยรังสิต[2]

ประวัติ[แก้]

วัยเด็กและการศึกษา[แก้]

ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ เกิดเมื่อวันที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2504 โดยเขาเกิดและเติบโตจาก จังหวัดสกลนคร เป็นบุตรคนสุดท้อง ในจำนวนพี่น้อง 8 คน เป็นชาย 5 คน หญิง 3 คน ของนายเจริญ และนางจำเนียร กมลวิศิษฎ์ บิดามารดาเป็นคนจีน ครอบครัวที่ทำธุรกิจนำเข้าและผลิตเสื้อผ้ายีนส์ยี่ห้อฮาร่า โดยปัจจุบันธุรกิจนี้ดูแลโดยเลิศชัย กมลวิศิษฎ์ ผู้เป็นพี่ชาย

ชูวิทย์จบชั้นประถมศึกษาจาก โรงเรียนสหพาณิชย์ (ปัจจุบันเป็นที่ตั้งของตึกชาญอิสสระ) มัธยมศึกษาตอนต้นที่โรงเรียนอัสสัมชัญศรีราชา และมัธยมศึกษาตอนปลายที่โรงเรียนเทพศิรินทร์ ปริญญาตรี คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เคยเข้าศึกษาต่อที่มหาวิทยาลัยซานดิเอโกแต่ไม่สำเร็จการศึกษา และหลังจากเข้าสู่สนามการเมือง พ.ศ. 2548 โดนศาลรัฐธรรมนูญปลดออกจากการเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) เพราะว่าสังกัดพรรคชาติไทยไม่ถึง 90 วัน จึงมาศึกษาต่อในหลักสูตร รัฐศาสตรมหาบัณฑิต สาขาการเมืองการปกครอง คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ สำเร็จการศึกษาและเข้ารับพระราชทานปริญญาบัตร รัฐศาสตรมหาบัณฑิต เมื่อวันที่ 14 สิงหาคม 2551[3]

ธุรกิจ[แก้]

หลังจบการศึกษาจากสหรัฐอเมริกา ชูวิทย์หันมาทำธุรกิจของตัวเองเช่น สร้างหมู่บ้านจัดสรรและเปิดอาบอบนวดชื่อ วิคทอเรีย ซีเคร็ท และขยายกิจการจนเป็นเจ้าของอาบอบนวด 6 แห่ง ในเครือเดวิสกรุ๊ป และก่อตั้งมูลนิธิต้นตระกูลกมลวิศิษฎ์ ให้การสนับสนุนก่อสร้างป้อมที่พักเจ้าหน้าที่ตำรวจตามแยกไฟแดง ต่อมาได้เกิดความขัดแย้งกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ออกมาเปิดเผยเรื่องส่วย เป็นเรื่องที่เกรียวกราว จนได้รับฉายาว่า เสี่ยอ่าง หรือ จอมแฉ จนเกิดผลกระทบกับธุรกิจอาบอบนวด ถูกคดีค้าประเวณีเด็กหญิงอายุต่ำกว่า 18 ปี ในสถานอาบอบนวด แต่ศาลสั่งยกฟ้องเนื่องจากหลักฐานไม่เพียงพอ

นอกจากนั้น ชูวิทย์ เป็นกรรมการผู้จัดการ บริษัท ภาติฌาน จำกัด, บริษัท ซี.ดี แลนด์ จำกัด, เจ้าของ บริษัท สุขุมวิท ซิลเวอร์สตาร์ จำกัด, กรรมการบริษัทสุขุมวิท ซิลเวอร์สตาร์ และ ประธานบริษัท เดวิสกรุ๊ป ซิลเวอร์สตาร์ จำกัด

ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ในปี พ.ศ. 2554

ชูวิทย์เป็นเจ้าของโรงแรม The Davis Bangkok Hotel ที่ตั้งอยู่บนถนน สุขุมวิท 24 มีพื้นที่ขนาด 7 ไร่ ความพิเศษของพื้นที่ตรงนี้คือมีหน้ากว้างต่างจากที่ดินต่างรอบบริเวณ โรงแรมขนาดใหญ่แบ่งเป็น Main Wing และ Corner Wing อีกทั้งยังแบ่งเป็นส่วนบ้านไทย และมีร้านอาหารและสปาในส่วนของ avenue โรงแรม The Davis Bangkok Hotel โดยเฉพาะที่ดินคาดว่าจะมีมูลค่าหลายพันล้านบาท เพราะสุขุมวิท ซอย 24 เป็นซอยที่ติดอันดับราคาที่ดินที่แพงที่สุดในเมืองไทย

ชูวิทย์ยังเป็นเจ้าของที่ดินขนาด 7 ไร่ อันเป็นที่ตั้งของ "สวนชูวิทย์" ตั้งอยู่บริเวณระหว่างถนนสุขุมวิท ซอย 8 และ ซอย 10 โดยที่ดินดังกล่าวเคยเกิดกรณีการขับไล่เป็นข่าวใหญ่เมื่อปี 2546 เป็นการรื้อทำลายร้านค้าบาร์เบียร์จำนวนกว่าร้อยร้านค้า ปัจจุบันได้รื้อถอนสวนชูวิทย์ในปี พ.ศ. 2561 และปรับปรุงพื้นที่เพื่อก่อสร้างโครงการของบริษัท แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ในชื่อ เทนธ์ อเวนิว ซึ่งประกอบไปด้วยอาคารสำนักงาน โรงแรม สถานพยาบาล และร้านค้า ก่อสร้างในปี พ.ศ. 2565

มีชื่อเสียง[แก้]

ชูวิทย์เป็นที่รู้จักในกลางปี พ.ศ. 2546 เมื่อปรากฏเป็นข่าวว่าได้หายตัวไปอย่างลึกลับ ขณะมีคดีรื้อบาร์เบียร์ที่ถนนสุขุมวิท ซึ่งเป็นคดีที่มีคู่ความเป็นตำรวจนครบาล ไม่กี่วันต่อมาชูวิทย์ก็ปรากฏตัวข้างถนนย่านชานเมืองแห่งหนึ่งด้วยสภาพอิดโรย มีการนำตัวส่งโรงพยาบาล เมื่อร่างกายเริ่มฟื้นแล้ว ชูวิทย์ได้แฉว่าถูกตำรวจกลุ่มหนึ่งอุ้มตัวไป

จากนั้นชูวิทย์ก็ปรากฏเป็นข่าวเป็นระยะ เมื่อเจ้าตัวเริ่มทำการแฉถึงพฤติกรรมการทุจริตต่าง ๆ ของตำรวจ เช่น การรีดไถ การรับส่วย เป็นต้น จึงทำให้เป็นจุดสนใจของสังคมในระยะนั้น โดยบุคลิกของชูวิทย์ขณะนั้นเป็นไปอย่างดุดัน ดุเดือด จริงจัง แต่หลังจากนั้นแล้ว ชูวิทย์เริ่มมีท่าทีที่เปลี่ยนไป กลายเป็นบุคคลที่สนุกสนานเฮฮา ผ่อนคลายมากขึ้น แต่ก็ยังไม่ทิ้งการแฉถึงเรื่องราวการทุจริตต่าง ๆ ในสังคม ทำให้เป็นที่นิยมชมชอบของผู้คนเป็นจำนวนมาก และจากชื่อเสียงที่โด่งดังนี้ทำให้ในปีเดียวกันนั้น ได้มีผู้สร้างภาพยนตร์แผ่นที่มีเนื้อหาดัดแปลงมาจากชีวประวัติของชูวิทย์เอง ใช้ชื่อว่า เจ้าพ่ออ่างทองคำ โดยมี จรัล งามดี มารับบทเป็น ชูวิช ที่แปลงชื่อมาจากชื่อของชูวิทย์

การป่วย[แก้]

ในเดือนตุลาคม พ.ศ. 2566 ชูวิทย์ได้เปิดเผยว่าตนเอง เป็นมะเร็งตับระยะสุดท้าย โดยมีเวลาเหลืออยู่ 5 เดือน ต่อมาชูวิทย์ได้เดินทางจากสนามบินสุวรรณภูมิ ไปที่ประเทศอังกฤษ พร้อมครอบครัวเพื่อรักษาตัวโรคมะเร็งระยะสุดท้าย ก่อนไปพักผ่อนต่อที่ประเทศสกอตแลนด์ในช่วงบั้นปลายชีวิต[4][5]

อาชีพการเมือง[แก้]

หลังจากนั้น ชูวิทย์ก็ได้ก้าวมาสู่วงการเมือง โดยขายหุ้นในกิจการอาบอบนวดทั้งหมด แล้วลงสมัคร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ด้วยเบอร์ 15 เมื่อวันที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2547 ซึ่งตรงกับวันเกิดของตัวเอง แม้ไม่ได้รับเลือกตั้ง แต่ได้คะแนนเสียงกว่าสามแสนคะแนนและได้คะแนนมาเป็นลำดับที่ 3 ต่อมาชูวิทย์นำพรรคต้นตระกูลไทย ที่ตนเองเป็นผู้ก่อตั้ง เข้าร่วมกับพรรคชาติไทยและรับตำแหน่งรองหัวหน้าพรรคชาติไทย

ชูวิทย์ลงสมัครเลือกตั้งทั่วไปปี พ.ศ. 2548 เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรบัญชีรายชื่อ พรรคชาติไทย แต่ต่อมาถูกศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า เป็นสมาชิกพรรคชาติไทยไม่ครบ 90 วัน จึงพ้นจากความเป็น ส.ส. ต่อมาในปี พ.ศ. 2549 ชูวิทย์ได้ลาออกจากพรรคชาติไทย เพื่อลงสมัครสมาชิกวุฒิสภากรุงเทพมหานคร แต่ก็ถูกคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เพิกถอนสิทธิการลงสมัครรับเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภา โดยระบุว่า ยังไม่พ้นจากสถานะภาพสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ครบกำหนด 1 ปี ก่อนที่จะลงสมัครสมาชิกวุฒิสภาตามกฎหมาย

พรรคชาติไทย[แก้]

หลังจากเข้าสู่พรรคชาติไทยแล้ว ชื่อเสียงของชูวิทย์เริ่มหายเงียบไป แต่ปรากฏเป็นข่าวเป็นระยะๆ เช่น เป็นผู้หิ้วข้าวผัดและโอเลี้ยงไปเยี่ยม 3 อดีตกรรมการการเลือกตั้งที่ถูกศาลพิพากษาจำคุก ในคดีทุจริตการเลือกตั้ง หรือ การออกป้ายหาเสียงแบบแปลกๆ แหวกแนวไม่เหมือนใคร เป็นต้น

ในระยะแรกๆ ที่เข้าร่วมกับพรรคชาติไทย ชูวิทย์เคยมีข่าวขัดแย้งกับ จณิสตา ลิ่วเฉลิมวงศ์ ส.ส.หญิงของพรรคชาติไทย โดยมีข่าวว่า จณิสตา ไม่ยอมรับในตัวชูวิทย์ ที่เคยประกอบธุรกิจอาบอบนวดมาก่อน จนได้รับฉายาว่า นักการเมืองฝีปากกล้า

ชูวิทย์มักจัดทำป้ายขนาดใหญ่ มีข้อความซึ่งเขากล่าวว่าสะท้อนความคิดเห็นทางการเมืองของประชาชน[6]

ในเดือนตุลาคม พ.ศ. 2550 ชูวิทย์ประกาศว่าจะไม่ขอลงเลือกตั้งในปลายปีไม่ว่าจะเป็นแบบใดก็ตาม หลังได้รับการจัดให้เป็นตัวแทนพรรค สมัครรับเลือกตั้งแบบรายชื่อเป็นลำดับที่ 2 ในเขตกรุงเทพมหานคร โดยยกลำดับที่ 1 ให้กับพลเอก อัครเดช ศศิประภา อดีตรองผู้บัญชาการทหารสูงสุด และเชื่อว่าตนเองจะไม่ได้รับการเลือก รวมทั้งได้โจมตีการบริหารพรรคของบรรหาร ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคด้วย หลังการเลือกตั้ง เมื่อพรรคชาติไทยจากเดิมที่อยู่คนละข้างกับพรรคพลังประชาชนได้แสดงท่าทีจะไปร่วมจัดตั้งรัฐบาลกับทางพรรคพลังประชาชน ชูวิทย์ก็ได้โจมตีบรรหารอย่างรุนแรงขึ้น และได้ลาออกจากพรรค

12 ธันวาคม 2555 ศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องคดีที่บรรหาร ศิลปอาชา อดีตหัวหน้าพรรคชาติไทย ฟ้องร้องชูวิทย์ข้อหาหมิ่นประมาท จากเหตุการณ์ที่พรรคชาติไทยเข้าร่วมรัฐบาลกับพรรคพลังประชาชน และชูวิทย์ ซึ่งขณะนั้นเป็นรองหัวหน้าพรรคชาติไทย ตั้งโต๊ะแถลงข่าววิจารณ์บรรหารว่า เคยให้สัมภาษณ์ก่อนการเลือกตั้งว่าจะไม่ร่วมรัฐบาลกับพรรคพลังประชาชน แต่กลับเข้าร่วม และว่าบรรหารไร้สัจจะ ไร้จุดยืน นอกจากนี้ ยังชูวิทย์ยังติดป้ายประจานบรรหารทั่วกรุงเทพมหานคร โดยศาลอุทธรณ์เห็นว่า จำเลยวิจารณ์การทำงานและความประพฤติของโจทก์ในฐานะบุคคลสาธารณะ เป็นการติชมโดยสุจริต มิได้หาประโยชน์ส่วนตน ซึ่งก่อนหน้านี้ ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษายกฟ้องไปแล้วเมื่อวันที่ 24 สิงหาคม 2552[7]

สมัครเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร[แก้]

ในปี พ.ศ. 2551 ชูวิทย์ซึ่งได้ลาออกจากพรรคชาติไทยแล้ว ก็มาลงสมัครผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครอีกครั้ง ซึ่งคราวนี้ชูวิทย์ได้เบอร์ 8 หลังจากนั้นชูวิทย์ได้ดำเนินการหาเสียง โดยชูนโยบายการมองเห็นปัญหา และเน้นตรวจสอบการทำงานของอภิรักษ์ โกษะโยธิน อดีตผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เช่น การก่อสร้างศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร 2 ที่เขตดินแดง การติดตามคดีการจัดซื้อรถและเรือดับเพลิง เป็นต้น

วันที่ 2 ตุลาคม พ.ศ. 2551 เวลาประมาณ 12.45 น. ชูวิทย์ได้ไปออกรายการเที่ยงวันทันเหตุการณ์ของสถานีวิทยุโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 ในช่วงเกาะประเด็นร้อน แกะประเด็นลึก โดยมีวิศาล ดิลกวณิช เป็นพิธีกร หลังจบช่วงดังกล่าว ชูวิทย์ก็เข้าทำร้ายร่างกายวิศาล[8] ต่อมา ชูวิทย์ได้แถลงข่าวในเวลา 16.00 น. ของวันเดียวกัน โดยยอมรับในการกระทำ และอ้างว่าทำไปเพราะโมโหที่วิศาลถามคำถามไม่เป็นธรรมแก่ตน และแสดงกิริยาไม่ให้เกียรติ ส่วนวิศาลก็ได้เข้าแจ้งความที่ สน.ทองหล่อว่าถูกทำร้ายร่างกาย และพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลสมิติเวช[9]

วันที่ 3 ตุลาคม พ.ศ. 2551 ชูวิทย์ได้ยกเลิกกำหนดการหาเสียงในช่วงเช้า และเดินทางไปทำบุญถวายสังฆทานที่วัดศรีบุญเรืองแทน โดยปล่อยเต่า 19 ตัว พร้อมทั้งเขียนชื่อ-นามสกุล อายุของ ตนเองติดใต้ท้องเต่า ปล่อยนก 7 ตัว ปลาไหล 7 ตัว และหอยขมอีก 600 ตัว[10] ในวันเดียวกันนี้ ชูวิทย์ได้ส่งหนังสือถึงสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย และสมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ สรุปใจความได้ว่า วิศาล ดิลกวณิช ผู้ดำเนินรายการ ใช้วาจาไม่สุภาพ เรียกชื่อโดยไม่ใช่คำว่า "คุณ" นำหน้า รวมทั้งยังตั้งคำถามยั่วยุว่า จุดด้อยของคุณคืออะไร ซึ่งไม่ได้ตั้งคำถามเดียวกันนี้กับผู้สมัคร 3 คนที่มาร่วมรายการก่อนหน้านี้ รวมทั้งอีกหลายกรณี จึงทำให้รู้สึกถูกข่มเหงอย่างรุนแรง และบันดาลโทสะ พร้อมยอมรับผิดในการทำร้ายร่างกายวิศาล แต่ขอความเป็นธรรมจากพฤติกรรมที่ไม่ถูกต้องของวิศาล ด้วยเช่นกัน[11]

พรรคสู้เพื่อไทย[แก้]

ชูวิทย์ ได้จดทะเบียนตั้งพรรคการเมือง เมื่อวันที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2551 ชื่อ “พรรคสู้เพื่อไทย” มีสัญลักษณ์รูปกำปั้น มีสโลแกนว่า “แตกต่างแต่ไม่แตกแยก”

พรรครักประเทศไทย[แก้]

ในวันที่ 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553 ทางคณะกรรมการการเลือกตั้งได้รับรองพรรครักประเทศไทย และรับรองสถานะชูวิทย์ให้เป็นหัวหน้าพรรครักประเทศไทย[12] มีสโลแกนว่า “ฉันรักคุณ”

โดยในการเลือกตั้งทั่วไปในปี พ.ศ. 2554 ชูวิทย์ได้แถลงข่าวเปิดตัวพรรครักประเทศไทยอย่างเป็นทางการ พร้อมประกาศว่าจะเป็นฝ่ายค้านเพื่อตรวจสอบรัฐบาล[13]

ขณะหาเสียงชูวิทย์ ใช้สุนัขคู่ใจชื่อ "โมโต โมโต้" พันธุ์บูลเทร์เรียร์ เป็นสัญลักษณ์ที่แสดงออกถึงความซื่อสัตย์ ซึ่งชูวิทย์บอกว่า สุนัขซื่อสัตย์กว่านักการเมือง เพราะไม่เคยคอรัปชั่น รวมทั้งใช้โปสเตอร์ที่มีสีสัน และความหมายสะท้อนถึงการเมืองในขณะนั้น จนได้รับคำชมจากสื่อมวลชน และนักวิจารณ์ชาวต่างชาติ[14] ผลการเลือกตั้งพรรครักประเทศไทยได้คะแนนเสียงเกือบ 1 ล้านคะแนน ส่งผลให้ได้ ส.ส. เข้าสภาถึง 4 คน ในวันแถลงนโยบายของรัฐบาล เมื่อวันที่ 23 สิงหาคม 2554 ชูวิทย์ได้นำคลิปวีดีโอแสดงถึงบ่อนการพนันขนาดใหญ่บริเวณถนนรัชดาภิเษกมาเปิดกลางห้องประชุมสภา ส่งผลให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวางถึงการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ปล่อยปละละเลย มีผลทำให้ พลตำรวจเอกวิเชียร พจน์โพธิ์ศรี หลุดออกจากตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ[15]

ชูวิทย์เป็นผู้นำการใช้คลิปวีดีโอมาประกอบการอภิปรายในสภา ทำให้เกิดกระแสให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรท่านอื่นต้องใช้คลิปประกอบทุกครั้งที่มีการอภิปราย โดยชูวิทย์ได้รับฉายา "เจ้าพ่อคลิป"[16] จากกรณีที่ชูวิทย์มีการใช้กล้องแอบถ่ายในบ่อนการพนัน สถานค้าบริการหลายสิบที่ และนำมาเปิดแถลงข่าว ส่งผลให้ตำรวจในพื้นที่นั่งไม่ติด เป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ในสังคมถึงบ่อนการพนันซึ่งขยายตัวอย่างมาก และให้ความเชื่อถือกับข้อมูลของชูวิทย์ โดยเห็นว่าข้อมูลที่ชูวิทย์นำมาเปิดเผย เป็นประโยชน์ต่อสังคม[17]

การทำงานของชูวิทย์ในสภาในฐานะฝ่ายค้าน ชูวิทย์ทำหน้าที่อย่างโดดเด่น รวมทั้งรับหน้าที่รองประธานคณะกรรมาธิการการตำรวจสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1 แสดงจุดยืนในการเป็นฝ่ายค้าน เปิดเผยข้อมูล บ่อนการพนัน สถานอบายมุข อันมีผลกระทบต่อสำนักงานตำรวจแห่งชาติอย่างมาก จนกระทั่ง ร้อยตำรวจเอกเฉลิม อยู่บำรุง ซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบกำกับดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ต้องออกมาตอบโต้ และมีวาทะพิพาทกันในสภา จนทำให้ทั้งคู่ได้รับฉายาว่าเป็น "คู่กัดแห่งปี" ประจำปี 2555 จากสื่อมวลชน แม้ว่าทั้งคู่จะเคยมีสัมพันธ์ที่ดีต่อกันมาก่อน[18]

การอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล ในวันที่ 25 พฤศจิกายน 2555 นายชูวิทย์ได้อภิปรายไม่ไว้วางใจ ร้อยตำรวจเอกเฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรีกำกับดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ถึงโครงการก่อสร้างโรงพักทดแทน 396 แห่งทั่วประเทศ ซึ่งมีระยะเวลาเหลืออีกเพียงเดือนเศษจะครบกำหนดสิ้นสุดสัญญา แต่ปรากฏว่าการก่อสร้างยังไม่คืบหน้าเป็นจำนวนมาก ทั้งผู้รับเหมาทิ้งงาน สร้างได้แค่ฐานรากหรือตอม่อ ก่อให้เกิดความเดือดร้อนต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจในแต่ละโรงพัก ส่งผลให้ต่อมารัฐบาลพรรคเพื่อไทยนำโครงการดังกล่าวเป็นประเด็นการเมืองกล่าวหารัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ซึ่งเป็นผู้เซ็นสัญญาริเริ่มโครงการนี้เมื่อปี 2553 และร้องให้กรมสอบสวนคดีพิเศษสอบสวน[19]

31 มกราคม พ.ศ. 2556 คณะกรรมการการเลือกตั้งได้มีมติวินิจฉัยกรณีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 2 คนของพรรครักประเทศไทย คือ ชัยวัฒน์ ไกรฤกษ์ และ นายโปรดปราน โต๊ะราหนี เซ็นใบลาออกจากสมาชิกพรรค ชูวิทย์ได้นำยื่นกับคณะกรรมการการเลือกตั้งอันมีผลมาจากคลิปวีดีโอที่นายชูวิทย์อัดและเปิดเผยต่อสื่อมวลชนถึงการคอรัปชั่น กินเปอร์เซ็นต์งบประมาณของประเทศ โดยทั้งสองได้ยื่นหนังสือคัดค้านการลาออกอ้างว่าไม่ใช่ลายเซ็นของตัวเอง ต่อมาคณะกรรมการการเลือกตั้งได้ไต่สวนมีผลสรุปว่าเป็นใบลาออกที่ทั้งสองลงลายมือชื่อด้วยตนเองจริง[20] อันมีผลให้ทั้งสองพ้นจากสภาพการเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ชูวิทย์อ้างว่าทั้งสองได้ทรยศต่ออุดมการณ์ พร้อมทั้งขอโทษต่อประชาชน และยืนยันว่าหากต่อไปพบว่าสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในพรรคของตนกระทำการทุจริตอีก ก็ยินดีจะลาออกและยุบพรรครักประเทศไทย[21]

8 ธันวาคม พ.ศ. 2556 หลังจากที่พรรคประชาธิปัตย์มีมติให้สมาชิกลาออกจากการเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรยกพรรค นำโดย อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์[22] ชูวิทย์รักษาคำพูดโดยการลาออกจากการเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรทันที[23] โดยระบุว่าสภาทำงานต่อไปไม่ได้ ทั้งนี้ชูวิทย์เคยแถลงข่าวแนะให้พรรคประชาธิปัตย์ลาออกยกพรรคเพื่อแสดงความจริงใจต่อประชาชน และไปช่วยสุเทพ เทือกสุบรรณ ที่ลาออกไปเป็นแกนนำหลักประท้วงขับไล่รัฐบาลของยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และหากพรรคประชาธิปัตย์ลาออกยกพรรคตามที่ตนแนะนำจริง ตนและลูกพรรคจะลาออกตาม[24] เป็นเหตุให้ชูวิทย์ลาออกตามสัญญา

9 ธันวาคม พ.ศ. 2556 ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ตัดสินใจประกาศยุบสภา เพื่อคืนอำนาจให้ประชาชนตัดสินในการเลือกตั้งครั้งต่อไป

คดีทุนจีนสีเทา[แก้]

ในปี 2565 เขามีชื่อเสียงในฐานะเป็นผู้เปิดเผยและเร่งรัดการทำงานของกระบวนการยุติธรรมใน "คดีทุนจีนสีเทา" และเปิดโปงเรื่องราวของเจ้าพ่อจีนเทา "ตู้ห่าว" หรือ ชัยณัฐร์ กรณ์ชายานันท์ เจ้าของผับ "จินหลิง"[25] ที่มีความสัมพันธ์เชื่อมโยงกับนักการเมือง ตำรวจ ผู้มีอิทธิพลในประเทศไทย ชูวิทย์ส่งมอบข้อมูลเครือข่าย 5 เสือทุนจีนสีเทาให้กับพลตำรวจเอกต่อศักดิ์ สุขวิมล และพลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ หักพาล จนนำไปสู่การเปิดปฏิบัติการกวาดล้างธุรกิจผิดกฎหมายของชาวจีน [26]

ชูวิทย์เปิดเผยข้อมูลจีนเทาอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะเจ้าพ่อทุนจีนสีเทารายสำคัญ "ตู้ห่าว" จุดเด่นสำคัญในการเปิดเผยข้อมูลของชูวิทย์คือภาพเคลื่อนไหวจากกล้องวงจรปิดภายในผับจินหลิง[27] จนเป็นเหตุให้ตู้ห่าวกับเครือข่ายพรรคพวกถูกอัยการสูงสุดสั่งฟ้องต่อศาล ปัจจุบันยังอยู่ระหว่างคุมขังเพื่อต่อสู้คดีในชั้นศาล[28] และเจ้าหน้าที่จากสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดสามารถยึดอายัดทรัพย์สินของเครือข่ายตู้ห่าวได้ถึง 8,560 ล้านบาท[29] หนึ่งในทรัพย์สินสำคัญที่ถูกเจ้าหน้าที่ยึดอายัดคือ โรงแรมหรูระดับ 5 ดาว ชื่อ ดีวาลักซ์ รีสอร์ท แอนด์ สปา อีกทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ และเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองที่เกี่ยวข้องอีกกว่าร้อยนาย[30] ถูกแจ้งข้อกล่าวหาจากการเอื้อประโยชน์ให้กลุ่มทุนจีนสีเทาเข้ามาก่ออาชญากรรมในประเทศไทย[31]

นอกจาการเปิดโปงขบวนการทุนจีนสีเทาจนเจ้าหน้าที่ตำรวจที่มีส่วนเกี่ยวข้องถูกดำเนินคดี ชูวิทย์ยังเปิดโปงสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับกลุ่มทุนจีนสีเทาบางราย จนเป็นเหตุให้ประธานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินลาออกจากตำแหน่ง[32]

ในระหว่างเปิดเผยข้อมูลทุนจีนสีเทา ชูวิทย์ยังตรวจสอบการปฏิบัติหน้าที่ของพนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบคดี โดยพุ่งเป้าไปยังกองบัญชาการตำรวจนครบาลถึงการทำสำนวนสอบสวนที่มีข้อสงสัย และยังเปิดเผยข้อมูลบริษัทของหลานชายพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ณ ขณะนั้น ว่ามีส่วนเกี่ยวข้องในการทำธุรกิจเช่าเหมารถทัวร์กับตู้ห่าว[33]

ชูวิทย์ยังเปิดปฏิบัติการแฉคลิปเจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ (191) และเจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษบางราย ที่เข้าตบทรัพย์แก๊งชาวจีนที่สวมรอยหลบหนีอยู่ในบ้านพักของอดีตกงสุลใหญ่นาอูรูเพื่อแลกกับการปล่อยตัว [34][35] จนเป็นเหตุให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องในวันดังกล่าวถูกจับกุมดำเนินคดี [36]

8 ธันวาคม 2565 สมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม มอบเหรียญยุติธรรมธำรง เพื่อยกย่องเชิดชูเกียรติให้กับนายชูวิทย์ จากการเปิดเผยข้อมูลหลักฐาน และแจ้งเบาะแสที่สำคัญเกี่ยวกับคดียาเสพติด ของสถานบันเทิงจินหลิง ให้กับเจ้าหน้าที่ในการปราบปรามกลุ่มทุนจีนสีเทาที่ทำธุรกิจผิดกฎหมายในประเทศ ซึ่งมีส่วนเกี่ยวข้องกับคดียาเสพติด[37] และ 26 กุมภาพันธ์ 2566 มหาวิทยาลัยรังสิต มอบรางวัล "สุริยเทพ" ประจำปี 2566 ให้แก่ชูวิทย์ ในฐานะต้นแบบผู้กล้าตีแผ่ความจริง [38]

11 มกราคม 2566 ชูวิทย์หอบเอกสารหลักฐานสำคัญส่งต่อข้อมูลให้กับรังสิมันต์ โรม สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พรรคก้าวไกล ใช้ในการอภิปรายไม่ไว้วางใจ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา [39] โดยรังสิมันต์ โรม ได้เปิดเผยข้อมูลจีนเทาชื่อ หยู ซินฉี ที่แอบอ้างเบื้องสูงใช้ในการทำมาหากิน[40] จนเป็นเหตุให้พลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ หักพาล นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าจับกุม หยู ซินฉี ได้ที่บ้านพักส่วนตัว [41]

เปิดโปงเครือข่ายพนันออนไลน์[แก้]

ชูวิทย์เปิดโปงบ่อนการพนันออนไลน์อย่างต่อเนื่อง โดยรายใหญ่สุดคือเครือข่ายของ "สารวัตรซัว" แห่งเป็นต่อกรุ๊ป หรือ พันตำรวจโทวสวัตติ์ มุครสกุล ดำรงตำแหน่งล่าสุด สารวัตรฝ่ายโยธาธิการ 2 กองโยธาธิการ สังกัดกองโยธาธิการ สำนักงานส่งกำลังบำรุง รับเงินเดือน (ระดับ) ส.3 ขั้น 14 เงินเดือน 32,450 บาท[42][43]

หลังโดนชูวิทย์แฉเอี่ยวพนันออนไลน์ 9 กุมภาพันธ์ 2566 พลตำรวจเอกดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้สั่งการให้ผู้บังคับการกองโยธาธิการตรวจสอบข้อเท็จจริงในประเด็นที่สารวัตรซัวเกี่ยวข้องกับการพนันออนไลน์ และละทิ้งหน้าที่ราชการ โดยให้พิจารณาดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ หากพบว่ามีการละทิ้งหน้าที่หรือมีการกระทำผิดอื่นก่อให้เกิดความเสียหายต่อราชการจะดำเนินการทางวินัยและทางอาญาอย่างเด็ดขาด พร้อมทั้งสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อน [44]

12 กุมภาพันธ์ 2566 พลตำรวจเอกดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ มอบหมาย พลตำรวจโทจิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เป็นผู้รับผิดชอบการทำคดีของสารวัตรซัว ที่เกี่ยวข้องกับพนันออนไลน์และดำเนินการตรวจสอบเส้นทางการเงินของเครือข่ายสารวัตรซัว โดยได้กำชับหากพบผู้ใดเกี่ยวข้องจะถูกดำเนินการโดยไม่ละเว้น [45]

15 พฤษภาคม 2566 พลตำรวจเอกดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และพลตำรวจโทจิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง แถลงข่าวสรุปผลการกวาดล้างจับกุมเครือข่ายสารวัตรซัว ตรวจค้นหาเป้าหมายมากกว่า 80 เป้าหมาย จับกุมผู้ต้องหาได้ทั้งหมด 57 คน และยังมีผู้ต้องหาบางส่วนหลบหนีออกไปต่างประเทศอีก 19 คน ตรวจยึดทรัพย์สิน ได้แก่ เงินสด 33 ล้านบาท, ที่ดิน 1,298 ไร่, บัญชีธนาคาร 236 บัญชี, รถยนต์หรู 15 คัน และเหรียญสกุลเงินดิจิทัลกว่า 100 ล้านบาท รวมมูลค่าที่ตรวจยึดทรัพย์ได้ทั้งหมดกว่า 7,000 ล้านบาท [46]

รณรงค์ต่อต้านกัญชาเสรี[แก้]

กัญชาเสรีเป็นนโยบายของพรรคภูมิใจไทยที่หาเสียงไว้สมัยการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งทั่วไปเมื่อปี 2562[47] หลังจาก อนุทิน ชาญวีรกูล ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม 2562 ได้เริ่มผลักดันนโยบายกัญชาเสรี จนกระทั่งออกประกาศกระทรวงสาธารณสุขเพื่อปลดล็อกกัญชาออกจากบัญชียาเสพติดได้สำเร็จ เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน 2565[48] และพรรคภูมิใจไทยมีความพยายามผลักดัน ร่างพระราชบัญญัติ กัญชา กัญชง พ.ศ. ... ผ่านสภา แต่ไม่สามารถผลักดันจนประสบผลสำเร็จได้ทันก่อนการปิดสมัยประชุมสภาเมื่อปี 2566[49] ส่งผลให้เกิดภาวะกัญชาสุญญากาศจนเครือข่ายนักวิชาการและภาคประชาชนต้านภัยยาเสพติด ออกจดหมายเปิดผนึกเมื่อวันที่ 9 กรกฎาคม 2565 ถึงนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.กัญชา และบุคคลอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง เรียกร้องให้รัฐบาลชะลอกัญชาเสรีจนกว่ากฎหมายควบคุมจะเริ่มบังคับใช้[50][51]

ชูวิทย์เริ่มเคลื่อนไหวรณรงค์ต่อต้านกัญชาเสรีตั้งแต่ช่วงก่อนการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งทั่วไปปี 2566 ชูสโลแกน "เราไม่เอากัญชา เอากัญชากลับไปเป็นยาเสพติด"[52]

5 เมษายน 2566 พรรคภูมิใจไทย เป็นโจทก์ ยื่นฟ้องชูวิทย์ ต่อศาลแพ่งเรื่องละเมิด เรียกค่าเสียหาย และได้ยื่นคำร้องให้ศาลมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวในระหว่างพิจารณาเป็นกรณีฉุกเฉิน ห้ามมิให้จำเลยกล่าวหรือไขข่าวเกี่ยวกับกัญชาในทำนองหรือในลักษณะที่ว่ากล่าวให้ร้าย อันก่อให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์ โดยสั่งมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวตามที่โจทก์ขอ [53]

7 เมษายน 2566 ชูวิทย์ยื่นคำร้องขอให้ศาลยกเลิกคำสั่งขอคุ้มครองชั่วคราวในระหว่างพิจารณา ศาลไต่สวนและพิจารณาคำร้องของจำเลยแล้ว จึงมีคำสั่งดังนี้ พิเคราะห์แล้วเห็นว่า ทางไต่สวนของจำเลยได้ความว่า จำเลยได้กล่าวหรือแสดงความคิดเห็นในเรื่องของกัญชาเป็นการทั่วไป โดยกล่าวถึงประโยชน์และโทษของกัญชารวมอยู่ด้วย ซึ่งการกล่าวของจำเลยได้กล่าวตามความเห็นสมาคมจิตแพทย์แห่งประเทศไทย คำเสนอของราชวิทยาลัยอายุรแพทย์แห่งประเทศไทยเรื่องกัญชา ข้อเสนอคณะแพทย์เกี่ยวกับนโยบายกัญชาของประเทศไทย และข้อห่วงใยของเลขาธิการองค์กรของผู้บริโภค จำเลยไม่ได้กล่าวหรือแสดงความคิดเห็นถึงโจทก์เป็นการเฉพาะแต่เพียงอย่างเดียว การกล่าวหรือแสดงความคิดเห็นของจำเลยในเรื่องของกัญชาทำให้ประชาชนได้รับทราบถึงประโยชน์และโทษของกัญชา จึงถือได้ว่าเป็นประโยชน์แก่สุขภาพของประชาชนเป็นส่วนมาก กรณีจึงมีเหตุยกเลิกคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวระหว่างพิจารณา ลงวันที่ 5 เมษายน 2566 [54]

3 พฤษภาคม 2566 ชูวิทย์แถลงเปิด "ศูนย์ต่อต้านกัญชา" โดยใช้พื้นที่เดิมที่เคยติดสัญญาเช่าทำร้านขายกัญชา ซึ่งขณะนั้นยังไม่ทราบถึงผลร้ายแรงที่จะเกิดขึ้นของกัญชา เมื่อครบสัญญา 6 เดือน จึงขอพื้นที่คืนนำมาเปิดเป็นศูนย์ต่อต้านกัญชาที่เปิดให้บุคคลภายนอกสามารถเข้ามารับเสื้อ สติ๊กเกอร์ เข็มกลัด ได้ฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย หรือจะร้องเรียนเรื่องปัญหากัญชาโดยศูนย์แห่งนี้มีตนและพนักงานให้บริการ [55]

พฤษภาคม 2566 ชูวิทย์เดินสายไปยังเวทีปราศรัยของพรรคต่างๆ ในช่วงการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งปี 2566 เพื่อสอบถามความเห็นต่อนโยบายกัญชาเสรี ทั้ง พรรคเพื่อไทย พรรคก้าวไกล พรรคประชาธิปัตย์ พรรคพลังประชารัฐ พรรคชาติไทยพัฒนา ทุกพรรคมีแนวทางในอนาคตร่วมกัน คือ "นำกัญชากลับไปเป็นยาเสพติด และใช้ในทางการแพทย์เท่านั้น" [56] [57] [58]

11 พฤษภาคม 2566 พรรคภูมิใจไทย ส่งทีมทนายความประจำพรรคยื่นฟ้องชูวิทย์ในข้อหาละเมิด และมีการคิดค่าเสียหาย 100 ล้านบาท พร้อมยื่นคำร้องขอคุ้มครองขอชั่วคราวกับผู้พิพากษาและขอการไต่สวนฉุกเฉินไม่ให้ชูวิทย์ป่วนเวทีปราศรัย แถลงข่าว หรือพูดแสดงความคิดเห็นถึงโจทก์[59] ต่อมาศาลแพ่ง สั่งยกคำร้องของพรรคภูมิใจไทยที่ขอคุ้มครองชั่วคราว ชี้เป็นการจำกัดสิทธิเสรีภาพเกินสมควร [60]

ในวันเดียวกันชูวิทย์จัดกิจกรรมวิ่งต่อต้านกัญชาเสรีใช้ชื่อ "วิ่งไปเรื่อยๆ จนกว่าจะถึงชัยชนะ" โดยเริ่มต้นที่สวนลุมพินี เขตปทุมวัน วิ่งไปยังอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ และสิ้นสุดที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร พร้อมเตรียมฟ้องกลับพรรคภูมิใจไทย 1,000 ล้านบาท จากการนำนโยบายสาธารณะมาทำให้ประชาชนรับผลร้ายจากกัญชา เพื่อให้เห็นว่านโยบายกัญชากระทบต่อสุขภาพของประชาชน โดยค่าเสียหาย 1,000 ล้านบาท จะนำไปใส่ในกองทุนเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบจากกัญชา โดยมีกระทรวงสาธารณสุขเป็นผู้ดูแล [61]

12 พฤษภาคม 2566 ชูวิทย์พร้อมมวลชนบางส่วนขึ้นไปบริเวณทางด่วนถนนพระราม 9 เหนือลานโชว์ดีซี พร้อมชูป้ายข้อความ “เราไม่เอากัญชา เอากัญชากลับไป” “กัญชาฆ่าเยาวชน” “ยกเลิกกัญชา” “บ้ากัญชาพาสังคมพัง” โดยชูไปยังเวทีปราศรัยของพรรคภูมิใจไทย [62]

18 พฤษภาคม 2566 ชูวิทย์โพสต์คลิปวิดีโอ ร้านกัญชาหน้าโรงเรียนเซนต์โยเซฟคอนเวนต์ ถนนคอนแวนต์ ใจกลางสีลม หลังได้รับการร้องเรียนจากบรรดาผู้ปกครองของนักเรียนเป็นจำนวนมาก โดยชูวิทย์ฝากถึงปลัดกระทรวงสาธารณสุข และอธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก ถึงการใช้ดุลยพินิจในการให้ใบอนุญาตเปิดร้านกัญชาใกล้สถานศึกษาว่าถูกต้องเหมาะสมหรือไม่ [63]

ต่อมา 19 พฤษภาคม 2566 กลุ่มผู้ปกครองและนักเรียนโรงเรียนเซนต์โยเซฟคอนเวนต์ พร้อมชูวิทย์ เดินทางมาแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ต่อต้านร้านกัญชาหน้าโรงเรียน พร้อมลงชื่อต่อต้านร้านกัญชาหน้าโรงเรียนกว่า 3,000 รายชื่อ [64]

22 พฤษภาคม 2566 กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก นำประกาศพักใช้ใบอนุญาตให้จำหน่ายหรือแปรรูปสมุนไพรควบคุมการค้า ตาม พ.ร.บ.คุ้มครองและส่งเสริมภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทยปี 2542 ไปติดหน้าร้านจำหน่ายกัญชาที่ตั้งอยู่ตรงข้ามโรงเรียนเซนต์โยเซฟคอนเวนต์ โดยระบุข้อความว่า พักใช้ใบอนุญาตให้จำหน่ายเป็นเวลา 30 วัน ตั้งแต่วันที่ 22 พฤษภาคม ไปจนถึงวันที่ 20 มิถุนายน 2566 สาเหตุของการพักใช้ใบอนุญาต เนื่องจากผู้ประกอบการไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขการอนุญาต กรณีไม่ส่งรายงานข้อมูลกัญชาทั้งแหล่งที่มา การนำไปใช้และจำนวนที่เก็บไว้ที่สถานประกอบการต่อนายทะเบียน [65]

ในวันเดียวกัน ชูวิทย์เดินทางเข้าร่วมฟังการแถลงข่าวและลงนามข้อตกลงร่วม (MOU) ในการจัดตั้งรัฐบาล รวม 8 พรรคร่วม เมื่อ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ อ่านรายละเอียดถึงข้อที่ 16 คือ  “นำกัญชากลับไปอยู่ในบัญชียาเสพติดให้โทษ โดยมีกฎหมายควบคุมและรองรับการใช้ประโยชน์จากกัญชา” ชูวิทย์ลุกขึ้นยืนปรบมือเสียงดังฟังชัดกลางวงล้อมผู้สื่อข่าว [66]

ติดตามการจัดตั้งรัฐบาล[แก้]

หลังการเลือกตั้งทั่วไปวันที่ 14 พฤษภาคม 2566 ชูวิทย์เดินหน้าติดตามการจัดตั้งรัฐบาลที่นำโดยพรรคก้าวไกลที่มีคะแนนเสียงเป็นอันดับหนึ่ง และพรรคเพื่อไทยที่มีคะแนนเสียงเป็นอันดับสอง รวมเสียงพรรคการเมือง 8 พรรค จัดทำ MOU[67] เพื่อจัดตั้งรัฐบาลฝั่งประชาธิปไตย แต่ชูวิทย์ได้ออกมาแฉว่าการจัดตั้งรัฐบาลของฝั่งประชาธิปไตยมีการดีลลับข้ามขั้วโดยพรรคเพื่อไทยเจรจากับกลุ่มรัฐบาลชุดเดิมเพื่อจัดตั้งรัฐบาลโดยไม่มีพรรคก้าวไกล จนเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์ว่าชูวิทย์ปั่นกระแสให้เกิดการแตกคอกันระหว่างพรรคก้าวไกลและพรรคเพื่อไทย[68]

ชูวิทย์ประกาศเดินหน้าแฉเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย หลังพรรคเพื่อไทยฉีก MOU และไปจัดตั้งรัฐบาลร่วมกับพรรคภูมิใจไทย พรรคพลังประชารัฐ และพรรครวมไทยสร้างชาติ[69] ขัดกับสัญญาที่ให้ไว้ก่อนการเลือกตั้ง แต่เศรษฐากล่าวว่ามีความจำเป็น[70]

ภารกิจแฉเพื่อชาติ[แก้]

ชูวิทย์เริ่มเปิดปฏิบัติการแฉเศรษฐารวม 3 ตอน ตั้งแต่วันที่ 3 สิงหาคม 2566 ระบุว่าเศรษฐาขาดคุณสมบัติตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา 160 โดยพุ่งเป้าไปที่การบริหารงานในขณะที่เศรษฐาดำรงตำแหน่งกรรมการผู้จัดการใหญ่ของบริษัทแสนสิริ ชูวิทย์กล่าวหาว่าเศรษฐาในฐานะผู้บริหารรู้เห็นเป็นใจกับผู้ขายในการหลบเลี่ยงภาษีที่ดิน 521 ล้านบาท[71] และร่วมกับกรรมการบริหารรายอื่นของแสนสิริปั่นราคาที่ดินเพื่อหวังเงินทอนทำให้ผู้ถือหุ้นเสียประโยชน์[72] โดยวันที่ 4 สิงหาคม 2566 ชูวิทย์ได้ยื่นกล่าวโทษเศรษฐาและกรรมการบริหารของแสนสิริว่ารู้เห็นเป็นใจในการหลบเลี่ยงภาษีที่ดินต่อกรมสรรพากร[73] ให้ตรวจสอบการเสียภาษีที่ดินกรณีดังกล่าว

7 สิงหาคม 2566 เศรษฐาตอบโต้โดยการยื่นฟ้องชูวิทย์ในข้อหาหมิ่นประมาทและเรียกร้องค่าเสียหาย 500 ล้านบาท[74]

16 สิงหาคม 2566 ชูวิทย์ฟ้องกลับเศรษฐาและทนายความของเศรษฐาข้อหาหมิ่นประมาท ฟ้องเท็จ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล[75]

17 สิงหาคม 2566 ชูวิทย์ยื่นกล่าวโทษเศรษฐาต่อพล.ต.อ. สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ให้สืบสวนการซื้อที่ดินและการใช้นอมินีเข้าตัดราคาที่ดินของเศรษฐาและกรรมการบริหารของแสนสิริ[76] รวมทั้งยื่นกล่าวโทษต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)[77] ให้ตรวจสอบธรรมาภิบาลของบริษัทแสนสิริ

18 สิงหาคม 2566 เศรษฐาอัดคลิปโต้ชูวิทย์ ยืนยันการซื้อขายที่ดินดำเนินการด้วยความถูกต้องตามกฎหมายในทุกขั้นตอน ไม่เคยมีวิธีการนอกระบบกฎหมายเพื่อเบียดบังผลประโยชน์ของรัฐหรือแสวงหาประโยชน์เป็นการส่วนตัว พร้อมกล่าวหาว่าที่ชูวิทย์แฉตนเพราะโกรธเคืองที่แสนสิริไม่ยอมซื้อที่ดินของชูวิทย์[78] ในวันเดียวกันชูวิทย์โต้กลับตั้งคำถามว่าเมื่อที่ดินของตนขายไปแล้วจะไปขายซ้อนให้แสนสิริได้อย่างไรพร้อมยืนยันว่าตนพูดโดยมีเอกสารราชการรองรับแต่นายเศรษฐาพูดด้วยปากเปล่า[79]

21 สิงหาคม 2566 ชูวิทย์แถลงปิดจบภารกิจแฉเพื่อชาติ โดยกล่าวยุติบทบาทการแฉเพื่อชาติของตนเอง[80] พร้อมขอให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และสมาชิกวุฒิสภา พิจารณาคุณสมบัตินายกรัฐมนตรีของประเทศไทยให้ถี่ถ้วน โดยการส่งจดหมายข้อมูลที่ตนแฉนายเศรษฐา จำนวน 747 ฉบับ ถึงสมาชิกรัฐสภาทุกคนเพื่อประกอบการพิจารณา[81]

อย่างไรก็ตาม 22 สิงหาคม 2566 ที่ประชุมรัฐสภามีมติ 482 ต่อ 165 เห็นชอบให้นายเศรษฐา ทวีสิน เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ของประเทศไทย[82]

งานบันเทิง[แก้]

ละคร[แก้]

  • พระจันทร์ซ่อนดาว ช่อง 3 (พ.ศ. 2551)

พิธีกร[แก้]

โทรทัศน์

  • พ.ศ. 2560 : รายการ ข่าวเย็นไทยรัฐ ช่วง ชูวิทย์ ตีแสกหน้า
  • พ.ศ. 2560 : รายการ เรื่องเล่าเช้านี้ ช่วง ชูวิทย์ มีเรื่องเล่า

ครอบครัว[แก้]

ชูวิทย์ สมรสครั้งแรกกับเคต ดับเบิลยู. จอห์นสัน มีบุตรด้วยกันสองคน ครั้งที่สองกับงามตา (สกุลเดิม สุขนิรันดร์) มีบุตรด้วยกันสี่คน และมีบุตรนอกสมรสที่รับรองแล้วกับสุรัชดา แววศรี[83] มีบุตรรวมกันทั้งหมด 7 คน ดังนี้

  • เคต ดับเบิลยู. จอห์นสัน (Kate W. Johnson) หญิงชาวแคนาดา-อเมริกัน และมีบุตรด้วยกันสองคน คือ
    • ลีนา ดับเบิลยู. จอห์นสัน
    • ลีแอน ดับเบิลยู. จอห์นสัน
  • งามตา กมลวิศิษฎ์ (สกุลเดิม สุขนิรันดร์) ปัจจุบันแยกทางกันแล้ว มี บุตร-ธิดา 4 คน คือ
    • ต้นตระกูล กมลวิศิษฎ์ (ชื่อเล่น ต้น) สมรสกับชาวดี เชอร์ม็อค มีบุตรชื่อมารีนา[84] และมาร์โค กมลวิศิษฎ์
    • เติมตระกูล กมลวิศิษฎ์ (ชื่อเล่น เติม) สมรสกับหทัยภัทร สมรรถวิทยาเวช เมื่อเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2562 มีบุตรชื่อ เพิ่มตระกูล กมลวิศิษฎ์
    • ตระการตา กมลวิศิษฎ์ (ชื่อเล่น ต๊ะ)
    • ต่อตระกูล กมลวิศิษฎ์ (ชื่อเล่น ต่อ)
  • สุรัชดา แววศรี
    • ดวงตระการ กมลวิศิษฎ์ (ชื่อเล่น ตระ)[85]

นอกจากนี้ชูวิทย์ยังรับชาวดี เชอร์ม็อค อดีตนักแสดงหญิง เข้าเป็นบุตรบุญธรรมตั้งแต่อายุได้ 4 ขวบ[86]

เครื่องราชอิสริยาภรณ์[แก้]

อ้างอิง[แก้]

  1. "เปิดประวัติ "ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์" เจ้าพ่อฉายาแฉ อันสั่นสะเทือนทุกวงการ". ไทยรัฐ. 6 สิงหาคม 2566. สืบค้นเมื่อ 12 มกราคม 2567. {{cite web}}: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |accessdate= (help)
  2. ม.รังสิต มอบรางวัล 'สุริยเทพ' ให้แก่ ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ต้นแบบผู้กล้า ตีแผ่ความจริง
  3. "ชมภาพชื่นลูกแม่โดมรับปริญญาและชูวิทย์ (2)". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2016-03-05. สืบค้นเมื่อ 2008-08-14.
  4. ""ชูวิทย์" หมอบอกอยู่ได้อีก 8 เดือน มะเร็งตับ 5 ระยะ โรคร้ายเป็นไม่รู้ตัว". www.thairath.co.th. 2023-08-09.
  5. "'ชูวิทย์' บินไปอังกฤษ พร้อมครอบครัว รักษาตัวโรคมะเร็งระยะสุดท้าย ก่อนไปพักผ่อนต่อที่สกอตแลนด์ในช่วงบั้นปลายชีวิต". mgronline.com. 2023-11-07.
  6. The people’s guard dog เก็บถาวร 2012-10-20 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน - The Star Online
  7. ศาลอุทธรณ์ยกฟ้องคดี'ชูวิทย์'หมิ่นฯ'บรรหาร'
  8. “ชูวิทย์” ยืดอกรับ ระบุรับไม่ได้โดนด่าไม่ใช่ลูกผู้ชาย[ลิงก์เสีย]
  9. ""วิศาล" สับ "ชูวิทย์" ป่าเถื่อน บอกคนมีสติปัญญาไม่ทำ ด้าน "ชูวิทย์" ขอโทษที่รุนแรง แต่ยันสื่อไม่มีจรรยาบรรณก่อน". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2016-03-05. สืบค้นเมื่อ 2008-10-02.
  10. “เฮียชู” หนีเข้าวัดทำบุญถวายสังฆทาน หลังตบะแตกใส่พิธีกรช่อง 3[ลิงก์เสีย]
  11. "ชูวิทย์" รับผิดบันดาลโทสะ พร้อม จี้สอบกลับพฤติกรรม "วิศาล"[ลิงก์เสีย]
  12. 'ชูวิทย์'นั่งหน.พรรครักประเทศไทย
  13. “ชูวิทย์” ขอเป็นฝ่ายค้านตรวจสอบรัฐบาล[ลิงก์เสีย] จาก MSN
  14. "สื่อนอกชม ชูวิทย์ ตั้งใจทำ ป้ายหาเสียง". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2011-08-16. สืบค้นเมื่อ 2013-02-03.
  15. ""ชูวิทย์" ทำ ตร.ก้นร้อน โชว์คลิปบ่อนกลางกรุง ระหว่างถล่มนโยบายรัฐบาล". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2011-09-27. สืบค้นเมื่อ 2013-02-02.
  16. เจ้าพ่อคลิปขู่แฉธุรกิจค้ากาม[ลิงก์เสีย]
  17. คนพอใจ'ชูวิทย์'แฉบ่อนพนัน เชื่อกระตุ้นจนท.ทำงานจริงจัง
  18. สื่อสภาตั้งฉายา ปธ.สภา ค้อนน้อยหมวกแดง คู่กัด เฉลิม-ชูวิทย์
  19. “ชูวิทย์” อภิปรายแล้ว ฉะ "เหลิม" ปมสร้างสถานีตำรวจ
  20. มติกกต. 'ชัยวัฒน์-โปรดปราน' สิ้นสมาชิกภาพ ส.ส.
  21. “ชูวิทย์” จี้ กกต.ทวงเงิน “ชัยวัฒน์-โปรดปราน” ขู่ ส.ส.ซ้ำรอยยุบพรรคแน่[ลิงก์เสีย]
  22. "มติ "ประชาธิปัตย์" เอกฉันท์ ลาออก ส.ส.ยกพรรค! "อภิสิทธิ์" ย้ำ "ปู" จุดไฟเผาบ้าน ต้องดับไฟไล่ขโมย". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2013-12-12. สืบค้นเมื่อ 2013-12-14.
  23. "ถึงคิว "ชูวิทย์" ลาออกตาม ปชป. เชื่อสภาเป็ดง่อยเดินต่อไม่ได้". mgronline.com. 2013-12-08.
  24. 'ชูวิทย์' เชื่อ 'สุเทพ' โค่นระบอบทักษิณไม่ได้ แนะปชป.ลาออกยกพรรค
  25. ""ชูวิทย์" แฉ 5 เสือจีนเทาแนะตร.ปราบให้อยู่หมัด".
  26. ‘ต่อศักดิ์-สุรเชษฐ์-ชูวิทย์’ โชว์ผลงานทลายจับผับ-บาร์ ทุนจีน 42 จุดทั่วประเทศที่มาของอ้างอิง
  27. ‘ชูวิทย์’ เปิดภาพวงจรปิดผับจินหลิง จี้ตำรวจประเด็นยาเสพติด-พยาน รับมีคนหนุนหลังให้เดินหน้าต่อที่มาของอ้างอิง
  28. อัยการสูงสุดสั่งฟ้องตู้ห่าวกับพวกรวม 41 ราย หลายข้อหาหนัก ค้ายา-ฟอกเงิน-อั้งยี่-อาชญากรรมข้ามชาติ โทษสูงสุดประหารชีวิต
  29. ปิดการสอบสวนเครือข่าย “ตู้ห่าว” อายัดทรัพย์ไปแล้วเฉียด 9 พันล้านบาทที่มาของอ้างอิง
  30. บิ๊กโจ๊ก สั่งแจ้งความดำเนินคดี ตม. 107 คน ทุจริตออกวีซ่าให้กลุ่มทุนจีนสีเทา
  31. เชือด “ให้ออก” 6 นาย รองผบก.น.6-ผกก.เมียตู้ห่าว ผิดฟอกเงิน-เรียกสินบน
  32. 'พล.ต.ต.ปิยะพันธ์' ลาออก ประธาน ปปง. หลัง 'ชูวิทย์' แฉปมทุนจีนสีเทาฟอกเงิน
  33. ‘ชูวิทย์’ ซัด จนท.นั่งเทียนคดี 'ตู้ห่าว' แฉพยานถูกหลอก 100 ล้าน ปูดหลานนายกฯ เอี่ยว บ.รถทัวร์ที่มาของอ้างอิง
  34. ‘ชูวิทย์’เปิดคลิปแฉ! อ้าง ดีเอสไอ-ตร.191 ค้นบ้านเรียกรับ 9.5 ล้าน แลกปล่อยตัวทุนจีนสีเทาที่มาของอ้างอิง
  35. ‘ชูวิทย์’เผยต้นเหตุDSI ตบทรัพย์ ‘จีนเทา’เปิดเอกสาร กงสุลใหญ่นาอูรู ขอความอนุเคราะห์ดีเอสไอที่มาของอ้างอิง
  36. แจ้งข้อหารูด ‘ดีเอสไอ ตร.191 ทหาร ล่าม’ รวม16นาย ตบทรัพย์จีน แก๊งปลอมพาสปอร์ตที่มาของอ้างอิง
  37. ‘สมศักดิ์’ มอบเหรียญยุติธรรมธำรง ให้ ‘ชูวิทย์’ พร้อมตำแหน่งที่ปรึกษา ป.ป.ส. ยกเป็นคนดี เป็นแบบอย่างให้ของสังคมในการแจ้งเบาะแสยาเสพติด หลังยื่นหลักฐานสำคัญเกี่ยวกับคดียาเสพติดของผับจินหลิง
  38. ม.รังสิตมอบรางวัล 'สุริยเทพ' ให้ "ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์" ต้นแบบผู้กล้าตีแผ่ความจริงที่มาของอ้างอิง
  39. ‘ชูวิทย์’ ส่งต่อข้อมูลกลุ่มทุนจีนสีเทาให้ ‘รังสิมันต์ โรม’ อภิปรายในสภาฯที่มาของอ้างอิง
  40. "ชูวิทย์" ชม "รังสิมันต์ โรม" จัดหนักอภิปรายจีนเทาแอบอ้างสถาบันฯ ไปหากินที่มาของอ้างอิง
  41. "บิ๊กโจ๊ก" จับ "หยูซินฉี" ตั้งมูลนิธิเถื่อน-แอบอ้างเบื้องสูง จ่อถอนวีซ่าที่มาของอ้างอิง
  42. สาวไส้ไม่หยุด "ชูวิทย์" จี้ สตช.ต้องสอบ "สารวัตรซัว" แฉเปิด 10 บริษัท ฟอกเงินพนันออนไลน์ที่มาของอ้างอิง
  43. ‘ชูวิทย์’ แฉแหลก ‘สารวัตรซัว-เป็นต่อ’ เหิม เขียนชื่อเว็บพนัน ทำบุญหน้าซองกฐินหราที่มาของอ้างอิง
  44. ชูวิทย์เอฟเฟกต์ ให้ออก "สารวัตรซัว" ผิดวินัยร้ายแรง โดนแฉเอี่ยวพนันออนไลน์ที่มาของอ้างอิง
  45. "บิ๊กก้อง" ลุยเอง! คดี "สารวัตรซัว" โยงแบ็คระดับบิ๊ก "นายพล จ."ที่มาของอ้างอิง
  46. ตร.ชัตดาวน์เครือข่าย "สารวัตรซัว" ยึดทรัพย์กว่า 7,000 ล้านที่มาของอ้างอิง
  47. “อนุทิน” ประกาศคนไทยปลูกกัญชาเสรีได้ทันที ถ้าให้ ภท.เป็นรัฐบาล
  48. ราชกิจจาฯ ประกาศปลดล็อกกัญชาพ้นยาเสพติดมีผลบังคับใช้อีก 120 วัน
  49. สส.ภูมิใจไทย ยัน ขับเคลื่อน ร่าง พ.ร.บ.กัญชา ย้ำ ใช้เพื่อ “การแพทย์” ที่มาของอ้างอิง
  50. หยุดสุญญากาศ เรียกร้องรัฐบาล ชะลอ ‘กัญชาเสรี’ จนกว่า กม.ควบคุมจะเริ่มใช้
  51. เครือข่ายต้านภัยยาเสพติดเรียกร้องออกมาตรการ ‘ปิดสภาวะกัญชาเสรีในสภาวะสุญญากาศทันที’
  52. "ชูวิทย์" บุกทำเนียบจัดหนักภูมิใจไทย ค้านกัญชาเสรี ลั่นเตรียมแฉข้อมูลเขากระโดง
  53. ภท.ยกคำสั่งศาล ห้าม "ชูวิทย์" รณรงค์ "ขวางกัญชา" อ้างไขข่าวที่พิสูจน์ไม่ได้ที่มาของอ้างอิง
  54. ด่วน! ศาลแพ่ง ถอนคุ้มครองชั่วคราวพรรคภูมิใจไทย หลัง "ชูวิทย์" ร้อง ชี้วิจารณ์กัญชาได้ที่มาของอ้างอิง
  55. 'ชูวิทย์'เปิดศูนย์ต้านกัญชา- ชูธงภูมิใจไทยเป็นฝ่ายค้านจึงจะรามือที่มาของอ้างอิง
  56. ‘ผมสนับสนุนพรรคก้าวไกล’ ชูวิทย์อวยพรพิธาขอให้ได้บริหารประเทศ หลังไปดักรอถามจุดยืนกัญชาเสรี เจอพิธาตอบก่อนถามที่มาของอ้างอิง
  57. 'ชูวิทย์'บุกเวทีพรรคเพื่อไทยถามจุดยืนปมกัญชา 'เศรษฐา'ตอบชัดไม่เอานโยบายกัญชาเสรีที่มาของอ้างอิง
  58. “ชูวิทย์” โผล่เวทีประชาธิปัตย์ ถามจุดยืนกัญชาเสรีที่มาของอ้างอิง
  59. ‘ภูมิใจไทย’ ส่งทนายฟ้อง ‘ชูวิทย์’ เรียกค่าเสียหาย 100 ล้านที่มาของอ้างอิง
  60. ศาลยกคำร้อง ”ภูมิใจไทย” ขอคุ้มครองชั่วคราว ไม่ให้ ”ชูวิทย์” ป่วนปราศรัยที่มาของอ้างอิง
  61. ชูวิทย์วิ่งต่อต้านกัญชาเสรี เตรียมยื่นฟ้องพรรคภูมิใจไทย 1 พันล้านบาท ฐานออกนโยบายเป็นภัยต่อประชาชนที่มาของอ้างอิง
  62. มาตามนัด ชูวิทย์ บุกป่วนเวทีปราศรัยภูมิใจไทย ‘เสี่ยหนู’ ฉะยับ ปลุกชาวบ้านโห่ไล่ที่มาของอ้างอิง
  63. ชูวิทย์ บุกแฉ ร้านขายกัญชา หน้า ร.ร.เซนต์โยเซฟคอนแวนต์ ถาม สธ. ทำอะไรอยู่ ?ที่มาของอ้างอิง
  64. รุมต้านร้านกัญชาหน้าโรงเรียนเซนต์โยเซฟ คอนแวนต์สีลมที่มาของอ้างอิง
  65. สั่งพักใบอนุญาต "ร้านขายกัญชา" ใกล้โรงเรียนย่านสีลมที่มาของอ้างอิง
  66. ‘ชูวิทย์’ ลุกเฮ ปรบมือลั่นห้องแถลงข่าว MOU ‘พิธา’ ตอบถูกใจ นำกัญชากลับสู่บัญชียาเสพติดที่มาของอ้างอิง
  67. 8 พรรคเซ็น MOU เป็นรัฐบาล "พิธา" ยันไม่ถอย แก้ "ม.112" 23 นโยบายต้องทำ (คลิป)
  68. "ชูวิทย์" แฉต่อ ดีลลับลังกาวี ไม่มี ก.ก.ถึงกลับบ้านได้
  69. "ชูวิทย์"เตรียมแฉ "ว่าที่นายกฯ ตัวสูงๆ หลังเพื่อไทยฉีก MOU
  70. Thai PM hopeful Srettha says alliance with military parties a necessary path
  71. “ชูวิทย์” แฉยับ “เศรษฐา ทวีสิน” เลี่ยงภาษีทำรัฐเสียหายหลายร้อยล้าน
  72. วิบากกรรม เศรษฐา ทวีสิน กับ "แฉเพื่อชาติ" 3 อีพี ของชูวิทย์
  73. "ชูวิทย์" ยื่นสรรพากรสอบปมซื้อที่ดินเลี่ยงภาษี 521 ล้าน โยง "เศรษฐา"
  74. “เศรษฐา” มอบทนายยื่นฟ้อง “ชูวิทย์” 500 ล้าน จงใจใส่ความ ทำเสียหายร่างกาย-จิตใจ (คลิป)
  75. 'ชูวิทย์' ฟ้อง 'เศรษฐา' วิญญัติเรียกค่าเสียหาย 90,000 บาท
  76. ‘ชูวิทย์’ ร้อง ‘บิ๊กโจ๊ก’ เรียกบุคคลที่เกี่ยวข้องสอบปม ‘แสนสิริ’ ทำนิติกรรมอำพรางหรือไม่
  77. "ชูวิทย์" ยื่นกลต.ตรวจสอบบริษัทแสนสิริและบริษัทในเครือ
  78. 'เศรษฐา' โต้ 'ชูวิทย์' โกรธที่ไม่ซื้อที่ดินตัวเอง ลั่น 'ไม่ได้ทำผิด คุณไม่มีสิทธิ์มาขู่ผม'
  79. ถูกคู่! "ชูวิทย์" โต้ "เศรษฐา vs ชูวิทย์ คุณจะเชื่อใคร?" อย่าพูดปากเปล่า
  80. ชูวิทย์ปิดจบภารกิจแฉเพื่อชาติ เปิดข้อมูล-ปมขัดแย้งเรื่องที่ดินกับเศรษฐา จากนี้ขอให้ สส.-สว. ช่วยพิจารณาคุณสมบัตินายกฯ ให้ดี
  81. “ชูวิทย์” ส่งเอกสารนอมินี ให้ 750 สส.-สว. ก่อนโหวต “เศรษฐา” มั่นใจ “ทักษิณ” ลังเลกลับไทย
  82. มติรัฐสภา 482:165 โหวต เศรษฐา ทวีสิน นั่งนายกฯ 100 วันหลังเลือกตั้ง
  83. "5 หนุ่มสาว"กมลวิศิษฏ์"ทายาท"ชูวิทย์"เศรษฐีหุ้น 640 ล้าน". อิศรา. 2012-09-02. สืบค้นเมื่อ 2023-04-01.
  84. "ชูวิทย์ เป็นอากงแล้ว อุ้มหลานสาว น้องมารีน่า น่ารักและอบอุ่น". ไทยรัฐออนไลน์. 2017-05-01. สืบค้นเมื่อ 2023-04-01.
  85. ""ชูวิทย์"พ้นเรือนจำ สวมกอดลูกสาวชื่นมื่น ลั่นไม่ยุ่งการเมือง อยากเป็นพิธีกร-ผู้ประกาศ". มติชนออนไลน์. 2016-12-16. สืบค้นเมื่อ 2023-04-01.
  86. "เปิดตัวลูกสาวคนสวยของ'ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์'อีกคน มีดีกรีเป็นดาราสาวลูกครึ่งด้วย". ข่าวสด. 2017-04-24. สืบค้นเมื่อ 2023-04-01.
  87. ราชกิจจานุเบกษา, ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือกและเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎไทย ประจำปี ๒๕๕๖ เก็บถาวร 2013-12-28 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน, เล่ม ๑๓๐ ตอนที่ ๓๐ ข หน้า ๓๘, ๖ ธันวาคม ๒๕๕๖
  88. ราชกิจจานุเบกษา, ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือกและเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎไทย ประจำปี ๒๕๕๔ เก็บถาวร 2012-11-19 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน, เล่ม ๑๒๘, ตอน ๒๔ ข, ๒ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๔, หน้า ๑๙๓

แหล่งข้อมูลอื่น[แก้]

เว็บไซต์
เครือข่ายสังคมออนไลน์