ชาติชาย ณ เชียงใหม่

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
ชาติชาย ณ เชียงใหม่
สมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ
ดำรงตำแหน่ง
6 ตุลาคม พ.ศ. 2557 – 6 กันยายน พ.ศ. 2558
ข้อมูลส่วนบุคคล
เกิด16 พฤษภาคม พ.ศ. 2497 (69 ปี)
ศาสนาพุทธ
คู่สมรสปนุท ณ เชียงใหม่

ศาสตราจารย์ ชาติชาย ณ เชียงใหม่ กรรมการสภามหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย นายกสภามหาวิทยาลัยราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยา ประธานมูลนิธิทายาทเจ้านายฝ่ายเหนือ[1] กรรมการในคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ยกร่าง พ.ศ. 2558) สมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ คณะทำงานรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย[2]ที่ปรึกษาผู้ทรงคุณวุฒิของคณะกรรมการเตรียมการยุทธศาสตร์ชาติ ตามคำสั่งนายกรัฐมนตรีที่ 8/2560 [3]

อดีตรองอธิการบดีสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ และเป็นอดีตผู้อำนวยการสถาบันส่งเสริมการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี หน่วยบริการรูปแบบพิเศษในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ

ประวัติ[แก้]

ชาติชาย ณ เชียงใหม่ เป็นบุตรของเจ้าโสภณ ณ เชียงใหม่ ผู้เป็นหลานของเจ้าราชภาคินัย (สิงห์โต ณ เชียงใหม่)[4] สำเร็จการศึกษาชั้นมัธยมศึกษาจากโรงเรียนมงฟอร์ตวิทยาลัย จังหวัดเชียงใหม่ ระดับปริญญาตรีสาขารัฐศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ พ.ศ. 2517 ระดับปริญญาโท รัฐศาสตร์มหาบัณฑิต (การปกครอง) จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย พ.ศ. 2519 และปริญญาโท-ปริญญาเอกทางด้านรัฐศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยวิสคอนซิน แมดิสัน พ.ศ. 2522 และ พ.ศ. 2526 ตามลำดับ[5]

การทำงาน[แก้]

ชาติชาย ณ เชียงใหม่ เป็นอาจารย์ประจำสังกัดสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ เคยดำรงตำแหน่งรองอธิการบดีสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ และเป็นศาสตราจารย์สาขารัฐประศาสนศาสตร์ และเคยได้รับแต่งตั้งเป็นกรรมการชุดสำคัญในส่วนราชการหลายแห่ง อาทิ เป็นกรรมการศูนย์คุณธรรม (องค์การมหาชน) เป็นผู้อำนวยการสถาบันส่งเสริมการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี (17 มกราคม 2549 - 30 กันยายน 2552)[6][7]

ชาติชาย ณ เชียงใหม่ เป็นนักวิชาการที่มีผลงานวิจัยและบทความวิชาการจำนวนมาก เคยได้รับรางวัลผลงานวิจัยดีเด่นแห่งชาติ ประจำปี 2532 จากสำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ[8]

หลังรัฐประหารในประเทศไทย พ.ศ. 2557 เขาได้รับแต่งตั้ง เป็น ที่ปรึกษาผู้ทรงคุณวุฒิของคณะกรรมการเตรียมการยุทธศาสตร์ชาติ ตามคำสั่งนายกรัฐมนตรีที่ 8/2560 [9] กรรมการในคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ยกร่าง พ.ศ. 2558) สมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ คณะทำงานรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย[10] (นายสุธี มากบุญ)

เครื่องราชอิสริยาภรณ์[แก้]

ลำดับสาแหรก[แก้]

อ้างอิง[แก้]

  1. "ประกาศนายทะเบียนมูลนิธิจังหวัดเชียงใหม่ เรื่อง จดทะเบียนจัดตั้ง \"มูลนิธิทายาทเจ้านายฝ่ายเหนือ\"". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2022-09-29. สืบค้นเมื่อ 2022-04-17.
  2. "สำเนาที่เก็บถาวร" (PDF). คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 2020-01-25. สืบค้นเมื่อ 2016-03-01.
  3. "นายกฯ เซ็น ตั้ง 39 ผู้ทรงคุณวุฒิ ป.ย.ป.แล้ว คนดังเพียบ!". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2017-03-19. สืบค้นเมื่อ 2017-07-31.
  4. "รายพระนาม นาม เหล่าประยูรญาติ และเชื้อสายเจ้านายฝ่ายเหนือ". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2021-05-14. สืบค้นเมื่อ 2014-10-07.
  5. "คณะพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์" (PDF). คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 2014-10-23. สืบค้นเมื่อ 2014-10-07.
  6. ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง ให้ข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษาพ้นจากตำแหน่ง (นายชาติชาย ณ เชียงใหม่)
  7. ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง แต่งตั้งข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษา (นายชาติชาย ณ เชียงใหม่)
  8. นักศึกษาดีเด่น หอประวัติมหาวิทยาลัยเชียงใหม่
  9. "นายกฯ เซ็น ตั้ง 39 ผู้ทรงคุณวุฒิ ป.ย.ป.แล้ว คนดังเพียบ!". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2017-03-19. สืบค้นเมื่อ 2017-07-31.
  10. "สำเนาที่เก็บถาวร" (PDF). คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 2020-01-25. สืบค้นเมื่อ 2016-03-01.
  11. ราชกิจจานุเบกษา, ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือกและเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎไทย ประจำปี ๒๕๕๒, เล่ม ๑๒๖ ตอนที่ ๑๖ ข หน้า ๔, ๔ ธันวาคม ๒๕๕๒
  12. ราชกิจจานุเบกษา, ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือกและเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎไทย, เล่ม ๑๑๙ ตอนที่ ๒๑ ข หน้า ๑๖, ๔ ธันวาคม ๒๕๔๕
  13. ราชกิจจานุเบกษา, ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่สรรเสริญยิ่งดิเรกคุณาภรณ์ ประจำปี ๒๕๖๐, เล่ม ๑๓๔ ตอนที่ ๔๘ ข หน้า ๖, ๒๘ กันยายน ๒๕๖๐
  14. ราชกิจจานุเบกษา, ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานเหรียญจักรมาลาและเหรียญจักรพรรดิมาลา, เล่ม ๑๑๘ ตอนที่ ๔ ข หน้า ๓๒๕, ๒๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๔