คิวมูโลนิมบัส

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
คิวมูโลนิมบัสที่สามารถเห็นได้อย่างชัดเจน
ลักษณะของแท่งทั่งตีเหล็กที่ใช้เปรียบเทียบกับลักษณะของเมฆคิวมูโลนิมบัส

คิวมูโลนิมบัส (อังกฤษ: cumulonimbus) มีชื่อเรียกมาจากภาษาละติน cumulus "กองของสิ่งของ" และ nimbus "พายุฝน, เมฆพายุ" คิวมูโลนิมบัส คือ เมฆที่มีลักษณะหนาสูงทึบในแนวตั้ง[1] โดยมีความสัมพันธ์กับพายุฟ้าคะนอง และอากาศที่มีลักษณะแปรปรวน ก่อตัวขึ้นจากไอน้ำซึ่งได้รับการนำพาพัดขึ้นด้านบนด้วยกระแสลมแรง สามารถพบได้ในแบบเดี่ยว รวมเป็นกลุ่ม หรือตามแนวปะทะอากาศเย็น คิวมูโลนิมบัสสามารถทำให้เกิดฟ้าผ่า หรือสภาพอากาศที่รุนแรงได้ ยกตัวอย่างเช่น ทำให้เกิดพายุทอร์นาโด อักษรย่อสำหรับคิวมูโลนิมบัส คือ Cb และสัญลักษณ์ [1]

ลักษณะโดยทั่วไป[แก้]

โดยทั่วไปแล้วพบร่วมกับเมฆคิวมูลัสที่มีขนาดเล็กกว่า ฐานของคิวมูโลนิมบัสสามารถกระจายตัวเป็นบริเวณกว้างหลายไมล์ ในระดับความสูงต่ำถึงสูงปานกลาง โดยประมาณ 200-4,000 เมตร จุดยอดสูงสุดสามารถขึ้นไปถึง 6,000 เมตร หรือสูงมากถึง 21,000 เมตร[2]

คิวมูโลนิมบัสที่มีการก่อตัวอย่างสมบูรณ์จะมีลักษณะเรียบคล้าย "แท่งทั่ง" ที่ใช้ในการตีขึ้นรูปเหล็ก การก่อตัวในลักษณะนี้เกิดเนื่องมาจากกระแสลมที่ช่วยในการยกตัวขึ้นไปมีการเปลี่ยนแปลงความเร็วบริเวณชั้นโทรโพพอส ชั้นเมฆส่วนที่เป็นแนวราบของคิวมูโลนิมบัสในบางครั้งจะอยู่นำหน้าส่วนที่เป็นแนวตั้งเป็นระยะทางหลายไมล์ โดยทั่วไปแม้จะเป็นคิวมูโลนิมบัสขนาดเล็กแต่ก็มีขนาดที่ใหญ่กว่าเมื่อเปรียบเทียบกับเมฆประเภทอื่น ๆ

ภาพแสดงวงจรชีวิตของคิวมูโลนิมบัส

คุณสมบัติ[แก้]

คิวมูโลนิมบัสสามารถทำให้เกิดฝนตกหนักและฝนฟ้าคะนองหากมีพลังงานความร้อนจากดวงอาทิตย์ที่มากพอ เช่น วันที่มีอากาศร้อนจัดในฤดูร้อน ความชื้นจากมวลอากาศที่หนึ่งจะถูกทำให้ระเหยอย่างรวดเร็ว ผลที่ตามมาคือการก่อตัวของกลุ่มมวลอากาศใหม่ในระยะทางที่ห่างออกไปใกล้ ๆ และก่อให้เกิดพายุฟ้าคะนอง นอกจากนี้ยังสามารถก่อให้เกิดอันตรายในฤดูหนาวได้เช่นเดียวกัน คือ ก่อให้เกิดพายุฤดูหนาวที่มีฟ้าคะนองและทำให้เกิดหิมะตกหนัก โดยทั่วไปคิวมูโลนิมบัสพบในภูมิอากาศเขตร้อน

วงจรชีวิต[แก้]

ลักษณะโดยทั่วไป คิวมูโลนิมบัสต้องการความชื้น มวลอากาศที่ไม่เสถียร และแรงยกตัวที่ช่วยในการดันตัวขึ้น (ความร้อน) เพื่อใช้ในการก่อตัว ลำดับสถานะการก่อตัวสามารถแบ่งได้เป็น 3 ระยะ คือ ระยะก่อตัว ระยะพัฒนาเต็มที่ และระยะหดตัว[3] ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสภาพของมวลอากาศที่เหมาะสมในขณะนั้น

อ้างอิง[แก้]

  1. 1.0 1.1 World Meteorological Organization, บ.ก. (1975). Cumulonimbus, International Cloud Atlas (PDF). Vol. I. pp. 48–50. ISBN 92-63-10407-7. สืบค้นเมื่อ 28 November 2014.
  2. Haby, Jeff. "Factors Influencing Thunderstorm Height". theweatherprediction.com. สืบค้นเมื่อ 17 June 2011.
  3. Michael H. Mogil (2007). Extreme Weather. New York: Black Dog & Leventhal Publisher. pp. 210–211. ISBN 978-1-57912-743-5.