ขุนรองปลัดชู (ภาพยนตร์)

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
ขุนรองปลัดชู
กำกับสุรัสวดี เชื้อชาติ
เขียนบทเอก เอี่ยมชื่น
อำนวยการสร้างบุญชัย เบญจรงคกุล
นักแสดงนำสุทธิพงษ์ ธรรมวุฒิ
จักรกฤษณ์ พณิชย์ผาติกรรม
สรนันท์ ร.เอกวัฒน์
ผู้บรรยายสุทธิพงษ์ ธรรมวุฒิ
ดนตรีประกอบคนดีไม่มีวันตาย โดย ธีร์ ไชยเดช (เพลงนำ)
พงษ์พรหม สนิทวงศ์ ณ อยุธยา (ดนตรีประกอบ)
ผู้จัดจำหน่ายบีบี พิคเจอร์ จำกัด (สร้าง)
ไทยพีบีเอส (เผยแพร่)
วันฉาย7 กรกฎาคม พ.ศ. 2554 (เฉพาะโรงภาพยนตร์สกาล่า)
9 กรกฎาคม ปีเดียวกัน (ทางโทรทัศน์ช่องไทยพีบีเอส)
ภาษาไทย
พม่า
ทุนสร้าง40 ล้านบาท[1]

ขุนรองปลัดชู หรือในชื่อเต็มว่า ขุนรองปลัดชู วีรชนคนถูกลืม ภาพยนตร์ไทยที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ไทย ในสงครามพระเจ้าอลองพญา ออกฉายในช่วงกลางปี พ.ศ. 2554 นำแสดงโดย สุทธิพงษ์ ธรรมวุฒิ, จักรกฤษณ์ พณิชย์ผาติกรรม กำกับการแสดงโดย สุรัสวดี เชื้อชาติ

เนื้อเรื่อง[แก้]

ในปี พ.ศ. 2302 หลังการสวรรคตของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ ดาวหางฮัลเลย์ได้โคจรผ่านโลกเสมือนหนึ่งลางร้าย ขุนรองปลัดชู (สุทธิพงษ์ ธรรมวุฒิ) ครูดาบอาตมาทและนายหมู่บ้านแขวงเมืองวิเศษไชยชาญ ได้ไปยังกรุงศรีอยุธยาพร้อมกับกรมการเมืองผู้ใหญ่ เพื่อเฝ้าสถานการณ์การผลัดแผ่นดิน

ขุนรองปลัดชูเฝ้ามองดูสถานการณ์ของบ้านเมืองด้วยความเป็นห่วง เนื่องจากการผลัดแผ่นดิน เจ้านายในพระราชวังแย่งชิงพระราชบัลลังก์ ขุนนางก็แตกแยกสนับสนุนแต่ละฝ่ายกัน เจ้าสามกรม ถูกกุมตัวไปประหารชีวิตยังวัดโคกพระยาแล้ว พระเจ้าอุทุมพร ขึ้นเสวยราชสมบัติยังมิทันได้ 2 เดือน เจ้าฟ้าเอกทัศ พระบรมเชษฐาแสดงเจตนาชัดเจนว่า ต้องการขึ้นเสวยราชย์เอง ด้วยการประทับอยู่ในพระที่นั่งสุริยาศน์อัมรินทร์ ซ้ำยังการเข้าเฝ้าบางครั้งยังพกเอาพระแสงขรรค์ขึ้นวางพาดตัก พระเจ้าอุมทุมพรยอมหลีกให้พระบรมเชษฐาขึ้นเสวยราชย์แต่โดยดี โดยพระองค์เสด็จออกผนวช แม้น กรมหมื่นเทพพิพิธจะเสด็จหนีราชภัยออกผนวชเช่นกัน แต่ก็ไม่พ้นถูกกำจัดด้วยน้ำมือของตัวขุนรองฯเอง แม้นตัวขุนรองฯจะไม่เข้าข้างผู้ใดและสลดใจกับเหตุการณ์ที่คนในชาติเดียวกันต้องมาเข่นฆ่ากันเองก็ตาม

ในเวลาเดียวกัน ทางอังวะ พระเจ้าอลองพญาสถาปนาตนเองขึ้นครองราชย์ หลังจากปราบปรามมอญได้สิ้น โดยมีพระราชบุตรมังระ (จักรกฤษณ์ พณิชย์ผาติกรรม) และมังฆ้องนรธา เป็นหัวเรี่ยวหัวแรงสำคัญ ที่ตะนาวศรีทางฝ่ายอยุธยาได้ริบเรือสินค้าของอังวะไป พระเจ้าอลองพญาเห็นเป็นจังหวะเหมาะ ประกอบกับได้สดับรู้ความของพระเจ้าแผ่นดินองค์ใหม่ของอยุธยาว่า โฉดเขลา ไม่เป็นที่ยอมรับของราษฎร โดยที่พระองค์ต้องการจะทำสงครามเพื่อให้อาณาประชาราษฎร์และสมณชีพราหมณ์ได้เป็นอยู่อย่างเป็นสุข

เมื่อขุนรองฯได้กลับวิเศษไชยชาญ ได้เล่าเรื่องราวที่ตนเองประสบพบเจอมาที่อยุธยา พร้อมย้ำอยู่เสมอว่า บ้านเมืองอ่อนแอ เหมือนบ้านไม้ที่ถูกปลวกมอดกัดแทะ แม้ต้องลมเพียงนิดก็จะพังทลายทั้งหมด ต้องเตรียมทำสงคราม สู้เพื่อวิเศษไชยชาญ โดยรวบรวมอาสาสมัครได้ 400 คน ฝึกดาบอาตมาท และอาบน้ำว่านเพื่อปลุกขวัญกำลังใจและอยู่ยงคงกระพัน เดินทางไปยังด่านสิงขรเพื่อสกัดกั้นทัพพม่า โดยที่กรมการเมืองวิเศษไชยชาญได้แจ้งไปยัง พระยารัตนาธิเบศร์ ขุนนางชั้นผู้ใหญ่ในอยุธยาได้ทราบแล้ว และจะยกทัพไปสมทบ

แต่เมื่อได้ปะทะกับทางพม่าแล้ว ขุนรองฯได้ใช้ป่าชายเลนริมหาดซุ่มโจมตี แม้ตัดกำลังพม่าได้ส่วนหนึ่ง แต่เมื่อทางพม่าโต้กลับก็มิอาจทานได้ ทั้งหมดจึงหนีไปอยู่ริมหาด และถูกฆ่าตายทั้งหมดด้วยการจับกดน้ำและใช้ช้างกระทืบ ด้วยทั้งตัวขุนรองปลัดชูด้วย ก่อนตาย ขุนรองฯเหลือบเห็นทัพของพระยารัตนาธิเบศร์ที่สัญญาว่าจะยกมาช่วยยืนมองอยู่ห่าง ๆ โดยไม่มาช่วยจริงดังคำที่ว่าไว้ ขุนรองฯรู้สึกสลดกับเหตุการณ์และระลึกถึงเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นมาตั้งแต่ต้น

เบื้องหลังและการออกฉาย[แก้]

ขุนรองปลัดชู เป็นภาพยนตร์ที่สร้างมาจากเนื้อหาเพียง 2 บรรทัดที่จารึกลงในพงศาวดารที่ว่าถึง ขุนรองปลัดชู ขุนนางระดับล่างของวิเศษไชยชาญได้รวบรวมอาสาสมัครซึ่งเป็นชาวบ้านธรรมดา ๆ จำนวน 400 คน ยกลงไปสู้รบกับพม่าที่หาดหว้าขาว ซึ่งปัจจุบันเป็นส่วนหนึ่งของอ่าวมะนาว ในเขตอำเภอเมือง จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งทั้งหมดได้ตายหมดสิ้น

ภาพยนตร์เรื่องนี้สร้างขึ้นมาจากแนวความคิดของ บุญชัย เบญจรงคกุล ผู้บริหารของบริษัท ดีแทค ในโครงการสำนึกรักบ้านเกิด ที่ดำริถึงวีรกรรมของขุนรองปลัดชู ที่เหมือนกับสถานการณ์ความแตกแยกของบ้านเมืองในเวลาปัจจุบันเพื่อสะท้อนสำนึกของคนในชาติ ว่าในอดีตเคยมีคนตัวเล็ก ๆ ที่ลุกขึ้นมาสู้เพื่อบ้านเมือง โดยไม่หวังอะไรตอบแทนและรู้ดีว่าจุดจบของตนเองจะเป็นเช่นไร โดยมี สุรัสวดี เชื้อชาติ ที่เคยร่วมงานกำกับภาพยนตร์โฆษณาของดีแทคมาร่วม 10 ปี รับหน้าที่กำกับภาพยนตร์ และได้ สุทธิพงษ์ ธรรมวุฒิ พิธีกรรายการ คนค้นฅน ทางช่อง 9 รับบทเป็น ขุนรองปลัดชู ตัวเอกของเรื่อง[2][3][1]

ออกฉายครั้งแรกในรายการไทยเธียเตอร์ ทางไทยพีบีเอส เมื่อวันเสาร์ที่ 9 กรกฎาคม เวลา 22.00 น. และออกซ้ำอีกครั้งในวันจันทร์ที่ 18 กรกฎาคม เวลา 13.00 น. ซึ่งตรงกับวันหยุดชดเชยวันเข้าพรรษา

และออกฉายในโรงภาพยนตร์เฉพาะโรงภาพยนตร์สกาล่าเท่านั้น โดยเปิดให้เข้าชมฟรี โดยการรับบัตรผ่านทางเว็บไซต์ มีทั้งหมด 5 รอบ ระหว่างวันที่ 7-8 กรกฎาคม ในรอบเวลา 20.15 น. และวันที่ 9-11 กรกฎาคม ในรอบเวลา 12.00 น.[4]

นอกจากนี้แล้ว ยังมีการนำเนื้อหาของเรื่องมาถกและวิเคราะห์กันเพิ่มเติมจากผู้ที่เกี่ยวข้องกับภาพยนตร์และผู้เชี่ยวชาญเพื่อหาแง่มุมในด้านต่าง ๆ ในรายการ ถกหนังเห็นคน วีรชนคนถูกลืม ทางไทยพีบีเอส เริ่มออกอากาศในตอนแรกในวันจันทร์ที่ 11 กรกฎาคม เวลา 23.00 น.

เมื่อออกฉายแล้ว ได้รับเสียงวิจารณ์ว่าเป็นภาพยนตร์ที่ถ่ายทอดออกมาในแบบขาวดำ ในภาพบางช่วงตัดสลับเป็นภาพสี ดำเนินเรื่องคล้ายกับสารคดีให้ความรู้สึกเหมือนจริง โดยมีเสียงบรรยายความโดยตัวขุนรองฯเอง เล่าความตั้งแต่ต้น ด้วยบทสนทนามีการสอดแทรกประเด็นทางสังคมที่ร่วมสมัย แม้เป็นคำพูดภาษาโบราณ แต่ทว่าสะท้อนถึงปัญหาของบ้านเมืองในยุคนี้ได้อย่างถึงแก่น ขณะที่ตัวนักแสดงนำ คือ สุทธิพงษ์ ถือว่ารับบทนี้ได้อย่างยอดเยี่ยม ทำให้ผู้ชมเชื่อได้ว่า คือขุนรองฯเองจริง ๆ ถึงขนาดเมื่อฉายจบในโรงภาพยนตร์สกาล่า ผู้ชมได้ปรบมือและบางคนถึงกับหลั่งน้ำตา[5][6] และบ้างก็นำไปเปรียบเทียบกับภาพยนตร์ฮอลลีวูดเรื่อง 300 ที่มีเนื้อหาวีรกรรมคล้ายคลึงกัน[7]

อ้างอิง[แก้]

  1. 1.0 1.1 บทสัมภาษณ์พี่ใหญ่[ลิงก์เสีย]
  2. เจาะใจ : เฃ็ค สุทธิพงษ์ ธรรมวุฒิ Part 3 จากรายการเจาะใจ
  3. เจาะใจ : เฃ็ค สุทธิพงษ์ ธรรมวุฒิ Part 4
  4. ขุนรองปลัดชู วีรชนคนถูกลืม จากกระปุกดอตคอม
  5. "ขุนรองปลัดชู ชีวิตกูพลีเพื่อแผ่นดิน". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2011-11-03. สืบค้นเมื่อ 2011-08-17.
  6. [ลิงก์เสีย] "ขุนรองปลัดชู" วีรชนที่จะไม่ถูกลืม/ไก่ อำนาจ จากผู้จัดการออนไลน์
  7. ขุนรองปลัดชู 400 VS ลีโอนิดัส 300 จากมติชนเก็บถาวร 2011-07-20 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน

ดูเพิ่ม[แก้]

แหล่งข้อมูลอื่น[แก้]