การบุกครองอียิปต์ของอิตาลี

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
การรุกรานอียิปต์ของอิตาลี
ส่วนหนึ่งของ การทัพทะเลทรายตะวันตกในสงครามโลกครั้งที่สอง
วันที่9–16 กันยายน 1940
สถานที่
ผล อิตาลีชนะอย่างเด็ดขาด
คู่สงคราม
 บริเตนใหญ่
กองกำลังฝรั่งเศสเสรี ฝรั่งเศสเสรี
อียิปต์ ราชอาณาจักรอียิปต์
ราชอาณาจักรอิตาลี
ผู้บังคับบัญชาและผู้นำ
สหราชอาณาจักร วิลเลี่ยม ก็อต
สหราชอาณาจักร จอห์น ชาล เชมแบล
อียิปต์ พระเจ้าฟารุกที่1 แห่งอียิปต์
อิตาลี โรดอลโฟ กราซีอานี
อิตาลี มารีโอ เบอร์ที
อิตาลี ปิเอโตร มาเลทที
กำลัง
1 กองพลน้อยเสริมกำลัง
เครื่องบิน 205 ลำ
การสนับสนุนทางทะเล
ราว 4 กองพล
เครื่องบิน 300 ลำ
ความสูญเสีย
เสียชีวิต 120 คน
บาดเจ็บ 410 คน
เสียชีวิต 40 คน

การบุกครองอียิปต์ของอิตาลี เป็นการรุกในสงครามโลกครั้งที่สอง เข้าปะทะกับกองทัพบริติช เครือจักรภพและเสรีฝรั่งเศสในอียิปต์ การบุกครองโดยกองทัพอิตาลีที่ 10 (10ª Armata) สิ้นสุดการปะทะที่ชายแดนที่เขตพรมแดนและเริ่มการทัพทะเลทรายตะวันตก(ค.ศ. 1940-1943) ที่เหมาะสม เป้าหมายของกองทัพอิตาลีในลิเบียคือการเข้ายึดคลองสุเอซโดยรุกเข้าใกล้เขตชายฝั่งอียิปต์ ภายหลังจากล่าช้าไปหลายวัน โอกาสในการรุกก็ได้ลดน้อยลงในการรุกเข้าไปถึงเมือง Sidi Barrani ด้วยการโจมตีต่อกองทัพบริติชในพื้นที่

กองทัพที่ 10 ได้เข้ารุกประมาณ 65 ไมล์(105 กิโลเมตร) สู่อียิปต์ แต่ได้เผชิญหน้ากับกองกำลังป้องกันของบริติชคือ กลุ่มสนับสนุนที่ 7 (กองพลยานเกราะที่ 7) ซึ่งไม่ใช่กองกำลังหลักอยู่บริเวณรอบเมือง Mersa Matruh เมื่อวันที่ 16 กันยายน ค.ศ. 1940 กองทัพที่ 10 ได้หยุดและเข้าตำแหน่งป้องกันบริเวณรอบๆ ท่าเรือของเมือง Sidi Barrani ด้วยความมุ่งหมายที่จะสร้างค่ายป้อมปราการ ในขณะที่รอให้ช่างวิศวกรทำการสร้างเวีย เดลล่า วิททอเรีย(ถนนชัยชนะ)ตามแนวชายฝั่ง ซึ่ง Via Balbia เป็นส่วนที่ขยายของลิเบีย อิตาลีได้เริ่มสะสมเสบียงเพื่อรุกไปยังเมือง Mersa Matruh ประมาณ 80 ไมล์(129 กิโลเมตร) ไกลไปทางตะวันออกและเป็นฐานทัพของกองพลยานเกราะที่ 7 และกองพลอินเดียที่ 4

เมื่อวันที่ 8 ธันวาคม ก่อนที่กองทัพที่ 10 พร้อมที่จะเริ่มต้นใหม่ในการรุกไปยังเมือง Mersa Matruh บริติชได้เริ่มปฏิบัติการเข็มทิศ การตีโฉบฉวยห้าวันต่อค่ายป้องปราการของอิตาลีบริเวณด้านนอกของเมือง Sidi Barrani การตีโฉบฉวยได้ประสบความสำเร็จและหน่วยทหารไม่กี่หน่วยของกองทัพที่ 10 ในอียิปต์ที่ไม่ได้ถูกทำลายได้ถูกบีบบังคับให้ล่าถอย บริติชได้ไล่ติดตามกองทัพที่ 10 ตามแนวชายฝั่งไปยัง Sollum, Bardia, ทูบลัก, Derna, Mechili, Beda Fomm และ El Agheila บนอ่าวซิดรา บริติชได้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บประมาณ 1,900 นายในช่วงปฏิบัติการเข็มทิศ และจับกุมเชลยศึกชาวอิตาลีและลิเบียประมาณ 133,298 นาย ยึดรถถัง 420 คัน ปืนจำนวนกว่า 845 กระบอก และเครื่องบินจำนวนมาก