ผลต่างระหว่างรุ่นของ "แมลง"
ไม่มีความย่อการแก้ไข |
เพิ่มอ้างอิง |
||
บรรทัด 1: | บรรทัด 1: | ||
{{ลิงก์ไปภาษาอื่น}} |
|||
{{Taxobox |
{{Taxobox |
||
| name = แมลง |
| name = แมลง |
||
บรรทัด 15: | บรรทัด 14: | ||
* [[Monocondylia]] ([[Archaeognatha]]) |
* [[Monocondylia]] ([[Archaeognatha]]) |
||
* [[Dicondylia]] |
* [[Dicondylia]] |
||
* |
** [[Apterygota]] |
||
* |
*** [[Pterygota]] |
||
}} |
}} |
||
'''แมลง''' เป็นสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลัง จำแนกออกเป็นไฟลัมต่าง ๆ ได้ 18 กลุ่ม มีลักษณะสำคัญคือมีลำตัวเป็นปล้อง |
'''แมลง''' เป็นสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลัง จำแนกออกเป็นไฟลัมต่าง ๆ ได้ 18 กลุ่ม มีลักษณะสำคัญคือมีลำตัวเป็นปล้อง ซึ่งอาจแบ่งเป็น 2 หรือ 3 ส่วน สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน ลำตัวทั้งสองด้านซ้ายขวามีความเหมือนและมีขนาดเท่ากัน มีเปลือกห่อหุ้มลำตัวด้วยสารไคติน (Chitinous Exoskeleton) ไม่มีขน หายใจแบบใช้เหงือกหรือใช้รูหายใจ มีวัฎจักรวงจรชีวิตในการเจริญเติบโตแบบไข่ มีการลอกคราบเป็นบางครั้งแล้วสร้างผนังหรือเปลือกห่อหุ้มลำตัวใหม่ มีรยางค์เป็นคู่และเป็นปล้อง ส่วนใหญ่[[นักกีฏวิทยา]]มักใช้รยางค์ในการแบ่งเพศผู้เพศเมียของแมลง |
||
มี |
มีอวัยวะภายในที่มีท่อทางเดินอาหารเป็นท่อยาวตลอดจากปากไปถึง[[ทวารหนัก]] ระบบเลือดเป็นแบบเปิดและมีท่อเลือดอยู่ทางด้านสันหลังเหนือ[[ระบบทางเดินอาหาร]] มี[[ระบบประสาท]]ที่ประกอบไปด้วย[[สมอง]]อยู่เหนือท่ออาหาร มี[[เส้นประสาท]]ขนาดใหญ่หนึ่งคู่เชื่อมต่อจากสมอง มีการรวมตัวเป็นระยะก่อเกิดเป็นปมประสาท เส้นประสาทขนาดใหญ่ของแมลง จะอยู่ทางด้านล่างของลำตัวใต้ท่ออาหาร มี[[กล้ามเนื้อ]]แบบเรียบอยู่ตามลำตัว<ref name="สัตว์ใน Phylum Arthropoda">บทปฏิบัติการกีฎวิทยาเบื้องต้น, ภาควิชากีฎวิทยา คณะเกษตร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์, รศ. ดร.สาวิตรี มาไลยพันธุ์, สำนักพิมพ์รั้วเขียว, พ.ศ. 2538, หน้า 5</ref> |
||
มีการหายใจแบบใช้ท่ออากาศ ซึ่งจะติดต่อผ่านเข้าออกข้างลำตัวทางรูหายใจ มีอก 2 คู่ มีท้อง 18 คู่ โดยมีปล้องละ 1 คู่ ขับถ่ายของเสียจากร่างกายทางท่อขับถ่าย มีการเปลี่ยนแปลงลักษณะและรูปร่างเพื่อการเจริญเติบโตจากตัวอ่อนที่ฟักจากไข่จนกลายเป็นตัวโตเต็มวัย |
มีการหายใจแบบใช้ท่ออากาศ ซึ่งจะติดต่อผ่านเข้าออกข้างลำตัวทางรูหายใจ มีอก 2 คู่ มีท้อง 18 คู่ โดยมีปล้องละ 1 คู่ ขับถ่ายของเสียจากร่างกายทางท่อขับถ่าย มีการเปลี่ยนแปลงลักษณะและรูปร่างเพื่อการเจริญเติบโตจากตัวอ่อนที่ฟักจากไข่จนกลายเป็นตัวโตเต็มวัย |
||
[[ไฟล์:D85 5970 Insect from Phu Langka National Park, Thailand.jpg|thumb|Insect from Phu Langka National Park, Thailand]] |
|||
== วิวัฒนาการ == |
== วิวัฒนาการ == |
||
บรรทัด 40: | บรรทัด 38: | ||
'''หัว''' ประกอบไปด้วนส่วนประกอบต่าง ๆ ดังนี้<ref name="ลักษณะและรูปร่างภายนอกของแมลง">บทปฏิบัติการกีฎวิทยาเบื้องต้น, ภาควิชากีฎวิทยา คณะเกษตร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์, รศ. ดร.สาวิตรี มาไลยพันธุ์, สำนักพิมพ์รั้วเขียว, พ.ศ. 2538, หน้า 13-15</ref> |
'''หัว''' ประกอบไปด้วนส่วนประกอบต่าง ๆ ดังนี้<ref name="ลักษณะและรูปร่างภายนอกของแมลง">บทปฏิบัติการกีฎวิทยาเบื้องต้น, ภาควิชากีฎวิทยา คณะเกษตร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์, รศ. ดร.สาวิตรี มาไลยพันธุ์, สำนักพิมพ์รั้วเขียว, พ.ศ. 2538, หน้า 13-15</ref> |
||
* ส่วนหัว ประกอบไปด้วยสันกะโหลก ( |
* ส่วนหัว ประกอบไปด้วยสันกะโหลก (Vertex) คือบริเวณพื้นที่ตั้งแต่ส่วนหัวของแมลง นับตั้งแต่พื้นที่ส่วนที่อยู่ระหว่างตาทั้งสองข้างไปจนถึงด้านหลังของตา |
||
* ส่วนหน้า ( |
* ส่วนหน้า (Frons) คือบริเวณพื้นที่ที่อยู่ทางด้านหน้าของกะโหลกศีรษะของแมลง อยู่ระหว่างเส้นรูปตัว Y ที่มีลักษณะเป็นตัว Y กลับหัว ในบริเวณพื้นที่ส่วนนี้เรียกว่า "เส้นทับกะโหลกศีรษะ" |
||
* ส่วนริมฝีปากบน ( |
* ส่วนริมฝีปากบน (Clypeus) คือบริเวณพื้นที่ระหว่างส่วนหน้ากับริมฝีปากส่วนบน ในส่วนนี้จะมีเส้น frontoclypeal suture เป็นตัวแบ่งออกจากส่วนหน้า |
||
* ส่วนแก้ม ( |
* ส่วนแก้ม (Gena) คือพื้นที่ทางด้านข้างของกะโหลกใต้ตารวม |
||
* ส่วนฐานกะโหลก ( |
* ส่วนฐานกะโหลก (Occiput) คือบริเวณพื้นที่ทางด้านหลังของกะโหลกศีรษะของแมลง ซึ่งพื้นที่ตรงจุดนี้จะแยกออกจากสันกะโหลกและแก้มอย่างชัดเจน ในส่วนนี้จะมีเส้น occipital suture เป็นเส้นแบ่ง |
||
* ส่วนฐานกะโหลกทางส่วนหลัง ( |
* ส่วนฐานกะโหลกทางส่วนหลัง (Post Occiput) คือบริเวณพื้นที่ส่วนที่เชื่อมติดกับลำคอ และแยกออกมาจากฐานกะโหลก โดยมีเส้น post occipital suture เป็นเส้นแบ่ง |
||
'''ตา''' ตาของแมลงมีอยู่ 2 ชนิดคือตาแบบรวมและตาเดี่ยว ตาแบบรวมของแมลงจะมี 2 ตา แต่ตาเดี่ยวจะมีจำนวนตาที่แตกต่างกันออกไปตามแมลงแต่ละชนิด และมักจะปรากฏอยู่ในแมลงทั้งในช่วงระยะฝักตัวเป็นตัวหนอน เป็นตัวอ่อนและตัวเต็มวัย แมลงแต่ละชนิดจะมีตาที่ไม่เหมือนกัน ส่วนใหญ่มักจะมีตาเดี่ยว 3 ตาเรียงติดต่อกันเป็นรูปสามเหลี่ยมเหนือศีรษะ อยู่ระหว่างตารวมทั้งสองข้าง แต่ในแมลงบางชนิดก็อาจจะไม่พบว่ามีตาเดี่ยวรวมอยู่ด้วย |
'''ตา''' ตาของแมลงมีอยู่ 2 ชนิดคือตาแบบรวมและตาเดี่ยว ตาแบบรวมของแมลงจะมี 2 ตา แต่ตาเดี่ยวจะมีจำนวนตาที่แตกต่างกันออกไปตามแมลงแต่ละชนิด และมักจะปรากฏอยู่ในแมลงทั้งในช่วงระยะฝักตัวเป็นตัวหนอน เป็นตัวอ่อนและตัวเต็มวัย แมลงแต่ละชนิดจะมีตาที่ไม่เหมือนกัน ส่วนใหญ่มักจะมีตาเดี่ยว 3 ตาเรียงติดต่อกันเป็นรูปสามเหลี่ยมเหนือศีรษะ อยู่ระหว่างตารวมทั้งสองข้าง แต่ในแมลงบางชนิดก็อาจจะไม่พบว่ามีตาเดี่ยวรวมอยู่ด้วย |
||
บรรทัด 61: | บรรทัด 59: | ||
== การจัดอันดับของแมลง == |
== การจัดอันดับของแมลง == |
||
[[ไฟล์:Orchesella cincta.jpg|thumb|[[แมลงหางดีด]] จัดอยู่ในอันดับ Collembola]] |
[[ไฟล์:Orchesella cincta.jpg|thumb|left|[[แมลงหางดีด]] จัดอยู่ในอันดับ Collembola]] |
||
[[ไฟล์:Jar criquet face.jpg|thumb|[[ตั๊กแตน]] จัดอยู่ในอันดับ Orthoptera]] |
[[ไฟล์:Jar criquet face.jpg|thumb|[[ตั๊กแตน]] จัดอยู่ในอันดับ Orthoptera]] |
||
[[ไฟล์:Sympetrum sanguineum female (d1) 1.jpg|thumb|[[แมลงปอ]] จัดอยู่ในอันดับ Odonata]] |
[[ไฟล์:Sympetrum sanguineum female (d1) 1.jpg|thumb|[[แมลงปอ]] จัดอยู่ในอันดับ Odonata]] |
||
บรรทัด 70: | บรรทัด 68: | ||
* '''Class Insecta''' จำแนกอันดับต่าง ๆ ได้ดังนี้ |
* '''Class Insecta''' จำแนกอันดับต่าง ๆ ได้ดังนี้ |
||
: '''[[ |
: '''[[Apterygota|Subclass Apterygota]]''' จัดเป็นแมลงที่ไม่มีปีกและไม่มี metamorphosis ลอกคราบได้ไม่จำกัดจำนวนครั้งหลังเป็นตัวเต็มวัย สืบพันธุ์โดยไม่มีการสัมผัสกันของเพศ การถ่ายน้ำเชื้อจากเพศผู้สู่เพศเมียเป็นแบบทางอ้อม |
||
:: '''Order Collembola''' |
:: '''Order Collembola''' |
||
::: - แมลงหางดีด |
::: - แมลงหางดีด |
||
บรรทัด 80: | บรรทัด 78: | ||
::: - ตัวสามง่ามป่า |
::: - ตัวสามง่ามป่า |
||
: '''[[ |
: '''[[Pterygota|Subclass Pterygota]]''' จัดเป็นแมลงที่อกปล้องกลาง อกปล้องหลังปล้องละคู่ แต่ในปีกของแมลงบางชนิดอาจจะมีการลดรูปลงได้จนกลายเป็นไม่มีปีก มีการเปลี่ยนแปลงรูปร่างระหว่างการเจริญเติบโต ไม่มีการลอกคราบเมื่อเป็นตัวเต็มวัย การถ่ายน้ำเชื้อจากเพศผู้สู่เพศเมียโดยทางตรง แบ่งออกเป็น 2 Infraclass ดังนี้ |
||
:: '''Infraclass Palaeoptera''' แมลงในกลุ่มนี้ไม่สามารถที่จะหุบพับปีกไปทางด้านหลังแนบกับลำตัวได้ ลักษณะของปีกจะกางอยู่ตลอดเวลา ในระยะตัวอ่อนจะอาศัยอยู่ในน้ำ มีการเปลี่ยนแปลงรูปร่างจากตัวอ่อนจนเจริญเติบโตเป็นตัวเต็มวัย |
:: '''Infraclass Palaeoptera''' แมลงในกลุ่มนี้ไม่สามารถที่จะหุบพับปีกไปทางด้านหลังแนบกับลำตัวได้ ลักษณะของปีกจะกางอยู่ตลอดเวลา ในระยะตัวอ่อนจะอาศัยอยู่ในน้ำ มีการเปลี่ยนแปลงรูปร่างจากตัวอ่อนจนเจริญเติบโตเป็นตัวเต็มวัย |
||
:: '''Order Ephemeroptera''' |
:: '''Order Ephemeroptera''' |
||
บรรทัด 93: | บรรทัด 91: | ||
| |
| |
||
{{clade| style=font-size:100%;line-height:100% |
{{clade| style=font-size:100%;line-height:100% |
||
⚫ | |||
|label1='''Insecta''' |
|||
⚫ | |||
|1={{clade |
|1={{clade |
||
|label1=[[Monocondylia]] |
|||
⚫ | |||
⚫ | |||
|2={{clade |
|||
|1=[[Zygentoma]] (silverfish, firebrats, fishmoths) |
|1=[[Zygentoma]] (silverfish, firebrats, fishmoths) |
||
|label2=[[Paranotalia]] |
|label2=[[Paranotalia]] |
||
บรรทัด 147: | บรรทัด 142: | ||
}} |
}} |
||
}} |
}} |
||
}} |
}} |
||
}} |
}} |
||
|label2=[[Eumetabola]] |
|label2=[[Eumetabola]] |
||
บรรทัด 163: | บรรทัด 157: | ||
|2={{clade |
|2={{clade |
||
|label1=[[Hymenopterida]] |
|label1=[[Hymenopterida]] |
||
|1=[[Hymenoptera]] |
|1=[[Hymenoptera]] (sawflies, wasps, bees, ants) |
||
|label2=[[Aparaglossata]] |
|label2=[[Aparaglossata]] |
||
|2={{clade |
|2={{clade |
||
บรรทัด 212: | บรรทัด 206: | ||
}} |
}} |
||
}} |
}} |
||
⚫ | |||
* แผนภาพวิวัฒนาการชาติพันธุ์จากงานศึกษาของ Sroka, Staniczek & Bechly 2014,<ref>{{cite journal|last1=Sroka|first1=Günter|last2=Staniczek|first2=Arnold H.|last3=Bechly|date=December 2014|title=Revision of the giant pterygote insect Bojophlebia prokopi Kukalová-Peck 1985 (Hydropalaeoptera: Bojophlebiidae) from the Carboniferous of the Czech Republic, with the first cladistic analysis of fossil palaeopterous insects|url=https://www.researchgate.net/publication/269920314|journal=Journal of Systematic Palaeontology|volume=13|issue=11|pages=963–982|doi=10.1080/14772019.2014.987958|accessdate=21 May 2019}}</ref> Prokop et al. 2017<ref>{{cite journal|last1=Prokop|first1=Jakub|year=2017|title=Redefining the extinct orders Miomoptera & Hypoperlida as stem acercarian insects|url=https://hal.sorbonne-universite.fr/hal-01589476/document|journal=BMC Evolutionary Biology |volume=17|issue=|pages=205|doi=10.1186/s12862-017-1039-3|accessdate=21 May 2017|pmid=28841819|pmc=5574135}}</ref> & Wipfler et al. 2019.<ref>{{cite journal|last1=Wipfler|first1=B|date=February 2019|title=Evolutionary history of Polyneoptera & its implications for our understanding of early winged insects|journal=Proceedings of the National Academy of Sciences|volume=116|issue=8|pages=3024–3029|doi=10.1073/pnas.1817794116|doi-access=free}}</ref> |
|||
⚫ | |||
== พฤติกรรม == |
== พฤติกรรม == |
||
[[ไฟล์:Flies around 60 watt light globe.jpg|thumb|250px|แมลงชอบเข้าหาแสงสว่างในฤดูร้อน]] |
[[ไฟล์:Flies around 60 watt light globe.jpg|thumb|250px|แมลงชอบเข้าหาแสงสว่างในฤดูร้อน]] |
||
แมลงหลายชนิดมีอวัยวะรับรู้สัมผัสที่ดีมาก บางครั้งอาจมีประสิทธิภาพมากกว่าประสาทสัมผัสของมนุษย์ ตัวอย่างเช่น ผึ้งสามารถเห็นแสงสีในสเปกตรัมของรังสีอุลตร้าไวโอเล็ต และผีเสื้อกลางคืนตัวผู้มีระบบประสาทรับกลิ่นที่สามารถรับกลิ่นของฟีโรโมนจากตัวเมียได้เป็นระยะทางหลายกิโลเมตร {{ |
แมลงหลายชนิดมีอวัยวะรับรู้สัมผัสที่ดีมาก บางครั้งอาจมีประสิทธิภาพมากกว่าประสาทสัมผัสของมนุษย์ ตัวอย่างเช่น ผึ้งสามารถเห็นแสงสีในสเปกตรัมของรังสีอุลตร้าไวโอเล็ต และผีเสื้อกลางคืนตัวผู้มีระบบประสาทรับกลิ่น ที่สามารถรับกลิ่นของฟีโรโมนจากตัวเมียได้เป็นระยะทางหลายกิโลเมตร<ref name="Gullan and Cranston">{{cite book |last=Gullan |first=P.J. |author2=Cranston, P.S. |title=The Insects: An Outline of Entomology |publisher=Blackwell Publishing |location=Oxford |year=2005 |edition=3rd |isbn=978-1-4051-1113-3 |url=https://archive.org/details/isbn_9781405111133}}</ref>{{Rp|96–105}} |
||
แมลงสังคมอย่าง[[มด]]และ[[ผึ้ง]] เป็นตัวอย่างที่พบเห็นได้ง่ายที่สุดของสัตว์สังคม พวกมันอาศัยอยู่ร่วมกันเป็นอาณาจักรขนาดใหญ่โดยแบ่งหน้าที่การงานกันอย่างเป็นระบบและเรียบร้อย บางครั้งอาณาจักรเช่นนี้อาจเรียกได้ว่าเป็น '''superorganism''' ในภาษาไทยอาจเรียกได้ว่าแมลงวรรณะ |
แมลงสังคมอย่าง[[มด]]และ[[ผึ้ง]] เป็นตัวอย่างที่พบเห็นได้ง่ายที่สุดของสัตว์สังคม พวกมันอาศัยอยู่ร่วมกันเป็นอาณาจักรขนาดใหญ่โดยแบ่งหน้าที่การงานกันอย่างเป็นระบบและเรียบร้อย บางครั้งอาณาจักรเช่นนี้อาจเรียกได้ว่าเป็น '''superorganism''' ในภาษาไทยอาจเรียกได้ว่าแมลงวรรณะ |
||
บรรทัด 228: | บรรทัด 224: | ||
* บัญชีรายชื่อใน'''อนุสัญญา CITES''' (Convention on International Trade in Endangered Species of Wild Fauna and Flora) หรือ'''อนุสัญญาระหว่างประเทศว่าด้วยการค้าซึ่งพืชป่า และสัตว์ป่าที่กำลังใกล้สูญพันธุ์''' ในบัญชีหมายเลข 2 ของอนุสัญญานี้ที่มีรายชื่อแมลงที่พบในประเทศไทยด้วย จำนวน 3 รายการ คือ ผีเสื้อถุงทอง ผีเสื้อไกเซอร์ และผีเสื้อภูฐาน ดังนั้นในการกำหนดชนิดแมลงอนุรักษ์จึงได้กำหนดแมลงทั้ง 3 รายการนี้เข้าไปด้วย<ref>แมลงอนุรักษ์ในประเทศไทย www.ento.agri.kps.ku.ac.th </ref> |
* บัญชีรายชื่อใน'''อนุสัญญา CITES''' (Convention on International Trade in Endangered Species of Wild Fauna and Flora) หรือ'''อนุสัญญาระหว่างประเทศว่าด้วยการค้าซึ่งพืชป่า และสัตว์ป่าที่กำลังใกล้สูญพันธุ์''' ในบัญชีหมายเลข 2 ของอนุสัญญานี้ที่มีรายชื่อแมลงที่พบในประเทศไทยด้วย จำนวน 3 รายการ คือ ผีเสื้อถุงทอง ผีเสื้อไกเซอร์ และผีเสื้อภูฐาน ดังนั้นในการกำหนดชนิดแมลงอนุรักษ์จึงได้กำหนดแมลงทั้ง 3 รายการนี้เข้าไปด้วย<ref>แมลงอนุรักษ์ในประเทศไทย www.ento.agri.kps.ku.ac.th </ref> |
||
=== รายชื่อแมลงอนุรักษ์ในประเทศไทย === |
|||
⚫ | |||
⚫ | |||
'''[[ผีเสื้อ (แมลง)|แมลงกลุ่มผีเสื้อ]]''' |
|||
[[ไฟล์:Insect by Yuktanan.jpg|350px|thumb|right|ผีเสื้อถุงทอง แมลงอนุรักษ์ ในบัญชีหมายเลข 2 ของอนุสัญญา CITES]] |
[[ไฟล์:Insect by Yuktanan.jpg|350px|thumb|right|ผีเสื้อถุงทอง แมลงอนุรักษ์ ในบัญชีหมายเลข 2 ของอนุสัญญา CITES]] |
||
* ผีเสื้อหางยาวตาเคียวปีกลายหยัก ''Actias maenas'' Doubleday |
* ผีเสื้อหางยาวตาเคียวปีกลายหยัก ''Actias maenas'' Doubleday |
||
บรรทัด 248: | บรรทัด 244: | ||
ผีเสื้อถุงทองธรรมดา ''T. aeacus'' Felder |
ผีเสื้อถุงทองธรรมดา ''T. aeacus'' Felder |
||
* ผีเสื้อหางดาบตาลไหม้ ''Meandrusa sciron'' Leech |
* ผีเสื้อหางดาบตาลไหม้ ''Meandrusa sciron'' Leech |
||
'''[[ด้วง|แมลงกลุ่มด้วง]]''' |
'''[[ด้วง|แมลงกลุ่มด้วง]]'''<ref name=:0 /><ref name=:1 /> |
||
* ด้วงกว่างดาว ''Cheirotonus parryi'' Gray, วงศ์ Scarabaeidae เป็นด้วงขนาดใหญ่ ตัวผู้มีขาหน้ายาวสวยงาม ตัวเมียขาหน้าสั้น ด้วงชนิดนี้พบทางภาคเหนือและภาคตะวันออก |
* ด้วงกว่างดาว ''Cheirotonus parryi'' Gray, วงศ์ Scarabaeidae เป็นด้วงขนาดใหญ่ ตัวผู้มีขาหน้ายาวสวยงาม ตัวเมียขาหน้าสั้น ด้วงชนิดนี้พบทางภาคเหนือและภาคตะวันออก |
||
* [[ด้วงคีมยีราฟ]] ''Chadagnathus giraffa'' Fabricus, วงศ์ [[Lucanidae]] พบที่ภาคเหนือและภาคตะวันออก ด้วงคีมหรือด้วงเขี้ยวกางในประเทศไทยมีหลายชนิดและมีรูปร่างแปลกสวยงามจึงมี การล่าจับกันมาก |
* [[ด้วงคีมยีราฟ]] ''Chadagnathus giraffa'' Fabricus, วงศ์ [[Lucanidae]] พบที่ภาคเหนือและภาคตะวันออก ด้วงคีมหรือด้วงเขี้ยวกางในประเทศไทยมีหลายชนิดและมีรูปร่างแปลกสวยงามจึงมี การล่าจับกันมาก |
||
บรรทัด 255: | บรรทัด 251: | ||
* ด้วงดินปีกแผ่น ''Mormolyce phyllodes'' Hegenb, วงศ์ banboo ด้วงดินที่มีปีกหน้าแบนบางเป็นแผ่นทำให้ดูสวยและแปลก เป็นแมลงที่หายาก พบเฉพาะภาคใต้ |
* ด้วงดินปีกแผ่น ''Mormolyce phyllodes'' Hegenb, วงศ์ banboo ด้วงดินที่มีปีกหน้าแบนบางเป็นแผ่นทำให้ดูสวยและแปลก เป็นแมลงที่หายาก พบเฉพาะภาคใต้ |
||
{{โครง-ส่วน}} |
{{โครง-ส่วน}} |
||
⚫ | |||
<div style="overflow:scroll;height:300px;"> |
|||
⚫ | |||
</div> |
|||
== ดูเพิ่ม == |
== ดูเพิ่ม == |
||
บรรทัด 266: | บรรทัด 256: | ||
* [[กีฏวิทยา]] |
* [[กีฏวิทยา]] |
||
⚫ | |||
{{Wikispecies|Insecta}} |
|||
⚫ | |||
== แหล่งข้อมูลอื่น == |
|||
{{วิกิคำคมอังกฤษ|Insect}} |
|||
{{วิกิพจนานุกรมอังกฤษ|insect}} |
|||
{{วิกิซอร์ซภาษาอื่น|en|1911_Encyclopædia_Britannica/Insect|the 1911 ''Encyclopædia Britannica'' {{nowrap|article ''Insect''.}}}} |
|||
* [http://bugguide.net/node/view/222292 Overview of Orders of Insects] |
|||
* [https://www.eol.org/pages/344 "Insect"] ที่ ''Encyclopedia of Life'' |
|||
* [https://web.archive.org/web/20091122074740/http://www.spc.int/PPS/SAFRINET/inse-scr.pdf A Safrinet Manual for Entomology and Arachnology] โดย Secretariat of the Pacific Community (SPC) |
|||
* [http://tolweb.org/Insecta/8205 Tree of Life Project] – Insecta, [http://tolweb.org/movies/Insecta/8205 Insecta Movies] |
|||
* [https://web.archive.org/web/20110303060627/http://www.entomology.umn.edu/cues/4015/morpology/ Insect Morphology] Overview of insect external and internal anatomy |
|||
* [http://edna.palass-hosting.org/ Fossil Insect Database] International Palaeoentological Society |
|||
* [http://entomology.ifas.ufl.edu/walker/ufbir/ UF Book of Insect Records] |
|||
* [http://www.insectimages.org/ InsectImages.org] 24,000 high resolution insect photographs |
|||
{{Taxonbar|from=Q1390}} |
|||
{{Authority control|BNF=cb11932119n|GND=4027110-9|LCCN=sh/85/66670|NARA=10640332|NDL=00566605}} |
|||
[[หมวดหมู่:สัตว์ขาปล้อง]] |
[[หมวดหมู่:สัตว์ขาปล้อง]] |
||
[[หมวดหมู่:แมลง| ]] |
[[หมวดหมู่:แมลง| ]] |
||
[[หมวดหมู่:กีฏวิทยา|มแลง]] |
[[หมวดหมู่:กีฏวิทยา|มแลง]] |
||
สัตว์ที่มีวิวัฒนาการต่อจากแมลง คือ หอย |
รุ่นแก้ไขเมื่อ 17:00, 19 กรกฎาคม 2563
แมลง ช่วงเวลาที่มีชีวิตอยู่: 396–0Ma ดีโวเนียนยุคปลาย-ปัจจุบัน | |
---|---|
การจำแนกชั้นทางวิทยาศาสตร์ | |
อาณาจักร: | Animalia |
ไฟลัม: | Arthropoda |
ไฟลัมย่อย: | Mandibulata |
ชั้นใหญ่: | Hexapoda |
ชั้น: | Insecta Linnaeus, 1758 |
ชั้นย่อย | |
แมลง เป็นสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลัง จำแนกออกเป็นไฟลัมต่าง ๆ ได้ 18 กลุ่ม มีลักษณะสำคัญคือมีลำตัวเป็นปล้อง ซึ่งอาจแบ่งเป็น 2 หรือ 3 ส่วน สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน ลำตัวทั้งสองด้านซ้ายขวามีความเหมือนและมีขนาดเท่ากัน มีเปลือกห่อหุ้มลำตัวด้วยสารไคติน (Chitinous Exoskeleton) ไม่มีขน หายใจแบบใช้เหงือกหรือใช้รูหายใจ มีวัฎจักรวงจรชีวิตในการเจริญเติบโตแบบไข่ มีการลอกคราบเป็นบางครั้งแล้วสร้างผนังหรือเปลือกห่อหุ้มลำตัวใหม่ มีรยางค์เป็นคู่และเป็นปล้อง ส่วนใหญ่นักกีฏวิทยามักใช้รยางค์ในการแบ่งเพศผู้เพศเมียของแมลง
มีอวัยวะภายในที่มีท่อทางเดินอาหารเป็นท่อยาวตลอดจากปากไปถึงทวารหนัก ระบบเลือดเป็นแบบเปิดและมีท่อเลือดอยู่ทางด้านสันหลังเหนือระบบทางเดินอาหาร มีระบบประสาทที่ประกอบไปด้วยสมองอยู่เหนือท่ออาหาร มีเส้นประสาทขนาดใหญ่หนึ่งคู่เชื่อมต่อจากสมอง มีการรวมตัวเป็นระยะก่อเกิดเป็นปมประสาท เส้นประสาทขนาดใหญ่ของแมลง จะอยู่ทางด้านล่างของลำตัวใต้ท่ออาหาร มีกล้ามเนื้อแบบเรียบอยู่ตามลำตัว[1]
มีการหายใจแบบใช้ท่ออากาศ ซึ่งจะติดต่อผ่านเข้าออกข้างลำตัวทางรูหายใจ มีอก 2 คู่ มีท้อง 18 คู่ โดยมีปล้องละ 1 คู่ ขับถ่ายของเสียจากร่างกายทางท่อขับถ่าย มีการเปลี่ยนแปลงลักษณะและรูปร่างเพื่อการเจริญเติบโตจากตัวอ่อนที่ฟักจากไข่จนกลายเป็นตัวโตเต็มวัย
วิวัฒนาการ
ในสมัยยุคดึกดำบรรพ์จนถึงปัจจุบัน แมลงจัดเป็นสัตว์ที่ประสบความสำเร็จเป็นอย่างสูงในการวิวัฒนาการเพื่อการดำรงชีวิต ในขณะที่สัตว์ชนิดอื่น ๆ จำนวนมากต้องสูญพันธ์ไปเรื่อย ๆ จนหมดไปจากโลก ตรงกันข้ามกับแมลงที่มีการดำรงชีวิตและการแพร่พันธุ์กระจายไปตามที่ต่าง ๆ ทั่วทุกแห่ง ซึ่งอาศัยลักษณะพิเศษหลายอย่างของแมลงเช่นโครงสร้างทางกายวิภาคศาสตร์ที่มีขนาดเล็ก ไม่ต้องการอาหารจำนวนมาก สามารถหลบภัยและอาศัยในถิ่นที่อยู่ได้ทุกประเภท มีปีกที่ช่วยให้บินได้ไกล ช่วยทำให้แมลงบินอพยพหลบหนีภัยได้ง่าย หาแหล่งอาหารได้มากยิ่งขึ้น รวมทั้งยังสามารถหาแหล่งที่อยู่อาศัยและผสมพันธุ์ได้มากยิ่งขึ้นอีกด้วย
ลักษณะทางภูมิศาสตร์เช่นทะเล ภูเขาหรือทะเลทราย ไม่เป็นอุปสรรคต่อแมลงเหมือนกับสัตว์ชนิดอื่น เนื่องจากแมลงสามารถปรับสภาพการดำรงชีวิตให้เข้ากับสิ่งแวดล้อมได้เป็นอย่างดี รวมทั้งยังมีวิวัฒนาการดัดแปลงให้อวัยวะบางส่วนในร่างกายทำงานได้อย่างเหมาะสมเช่น ขาคู่ด้านหน้าของตั๊กแตนตำข้าวที่วิวัฒนาการดัดแปลงให้สามารถใช้จับเหยื่อได้เป็นอย่างดี
ลักษณะทั่วไป
ลักษณะทั่วไปของแมลงคือมีลำตัวยาวหรือค่อนข้างยาว ลำตัวทั้งสองด้านซ้ายขวามีลักษณะเหมือนกันและเท่ากัน แบ่งออกเป็น 3 ส่วนคือ ส่วนหัว (head) , ส่วนอก (thorax) และส่วนตัว (abdomen) โดยลักษณะของอวัยวะส่วนหัวประกอบไปด้วยตา หนวดและปาก กะโหลกศีรษะมีรอยต่อหรือเส้น ใช้สำหรับแบ่งเป็นพื้นที่ต่าง ๆ ได้แก่
หัว ประกอบไปด้วนส่วนประกอบต่าง ๆ ดังนี้[2]
- ส่วนหัว ประกอบไปด้วยสันกะโหลก (Vertex) คือบริเวณพื้นที่ตั้งแต่ส่วนหัวของแมลง นับตั้งแต่พื้นที่ส่วนที่อยู่ระหว่างตาทั้งสองข้างไปจนถึงด้านหลังของตา
- ส่วนหน้า (Frons) คือบริเวณพื้นที่ที่อยู่ทางด้านหน้าของกะโหลกศีรษะของแมลง อยู่ระหว่างเส้นรูปตัว Y ที่มีลักษณะเป็นตัว Y กลับหัว ในบริเวณพื้นที่ส่วนนี้เรียกว่า "เส้นทับกะโหลกศีรษะ"
- ส่วนริมฝีปากบน (Clypeus) คือบริเวณพื้นที่ระหว่างส่วนหน้ากับริมฝีปากส่วนบน ในส่วนนี้จะมีเส้น frontoclypeal suture เป็นตัวแบ่งออกจากส่วนหน้า
- ส่วนแก้ม (Gena) คือพื้นที่ทางด้านข้างของกะโหลกใต้ตารวม
- ส่วนฐานกะโหลก (Occiput) คือบริเวณพื้นที่ทางด้านหลังของกะโหลกศีรษะของแมลง ซึ่งพื้นที่ตรงจุดนี้จะแยกออกจากสันกะโหลกและแก้มอย่างชัดเจน ในส่วนนี้จะมีเส้น occipital suture เป็นเส้นแบ่ง
- ส่วนฐานกะโหลกทางส่วนหลัง (Post Occiput) คือบริเวณพื้นที่ส่วนที่เชื่อมติดกับลำคอ และแยกออกมาจากฐานกะโหลก โดยมีเส้น post occipital suture เป็นเส้นแบ่ง
ตา ตาของแมลงมีอยู่ 2 ชนิดคือตาแบบรวมและตาเดี่ยว ตาแบบรวมของแมลงจะมี 2 ตา แต่ตาเดี่ยวจะมีจำนวนตาที่แตกต่างกันออกไปตามแมลงแต่ละชนิด และมักจะปรากฏอยู่ในแมลงทั้งในช่วงระยะฝักตัวเป็นตัวหนอน เป็นตัวอ่อนและตัวเต็มวัย แมลงแต่ละชนิดจะมีตาที่ไม่เหมือนกัน ส่วนใหญ่มักจะมีตาเดี่ยว 3 ตาเรียงติดต่อกันเป็นรูปสามเหลี่ยมเหนือศีรษะ อยู่ระหว่างตารวมทั้งสองข้าง แต่ในแมลงบางชนิดก็อาจจะไม่พบว่ามีตาเดี่ยวรวมอยู่ด้วย
หนวด หนวดของแมลงจะมีอยู่ 2 เส้น ใช้สำหรับสัมผัสและดมกลิ่ม ส่วนมากหนวดของแมลงมักจะอยู่ระหว่างตารวมหรืออยู่ต่ำกว่าตารวมเพียงเล็กน้อย สามารถเคลื่อนไหวไปมาได้อย่างอิสระ เพราะหนวดทั้ง 2 เส้นจะติดอยู่กับศีรษะของแมลงตรงช่องหนวด โดยมีแผ่นเนื้อเยื่อบาง ๆ เป็นตัวเชื่อมติดกันเอาไว้
ปาก ปากของแมลงมีหลายรูปแบบตามแต่ชนิดของแมลง แต่ปากแบบพื้นฐานคือปากแบบกัดกินเช่น ปากของตั๊กแตน ลักษณะปากแบบกัดกินจะมีริมฝีปากบนปิดส่วนประกอบอื่น ๆ ของปากเอาไว้ มีกรามเป็นอวัยวะที่มีลักษณะแข็งแรงสำหรับบดเคี้ยวอาหาร มีเส้นที่คล้ายกับหนวดยื่นออกมาจากปากข้างละ 2 เส้น คู่แรกคือ maxillary palps ซึ่งจะยึดติดแน่นอยู่กับฟัน และคู่ที่สองคือ labial palps ซึ่งจะยึดติดแน่นอยู่ที่ริมฝีปากล่าง และมีส่วนที่เหนือริมฝีปากบนขึ้นไป ซึ่งจะมีแผ่นสี่เหลี่ยมเล็ก ๆ ที่เรียกว่า clypeus สำหรับเป็นฐานยึดติดริมฝีปากส่วนบนเอาไว้
คอ คอของแมลงจะเป็นส่วนที่เชื่อมต่อระหว่างหัวกับอก มีลักษณะอ่อนไม่แข็งเหมือนกับอวัยวะอื่น ๆ ของร่างกาย ประกอบไปด้วยเนื้อเยื่อแบบบาง ๆ และกล้ามเนื้อ ซึ่งจะทำหน้าที่เชื่อมต่อระหว่างส่วนหัวและส่วนอกของแมลง
อก อกของแมลงอยู่ระหว่างส่วนหัวและส่วนท้อง สามารถมองเห็นได้จากขาและปีกของแมลง เนื่องจากอกเป็นตำแหน่งที่ตั้งของอวัยวะที่ใช้ในการเคลื่อนไหวของขาและปีก ประกอบไปด้วยปล้องจำนวน 3 ปล้องคืออกปล้องแรก, อกปล้องกลางและอกปล้องหลัง โดยปกติแล้วอกของแมลงส่วนใหญ่ในแต่ละปล้องจะมีขา 1 คู่ ตามธรรมชาติแล้วแมลงบางชนิดจะไม่มีขา เพราะขานั้นได้เสื่อมหายไป ตามปกติแล้วขาที่ยึดติดกับอกปล้องแรกคือขาคู่หน้า ส่วนขาที่ติดกับอกปล้องกลางคือขาคู่กลาง และขาที่ติดกับอกปล้องหลังคือขาคู่หลัง ในแมลงที่เจริญเติบโตเต็มที่ ส่วนใหญ่จะมีปีกติดอยู่ที่บริเวณอกปล้องกลางกับอกปล้องหลังอย่างละคู่ ปีกในส่วนอกปล้องแรกของแมลงทุกชนิดจะเรียกว่าปีกคู่หน้า และเรียกปีกของอกปล้องหลังว่าปีกคู่หลัง
ท้อง ท้องของแมลงตามปกติแล้วจะมีทั้งหมด 11 ปล้อง แต่ปล้องที่ 11 จะมีลักษณะที่เล็กมากจนมองเห็นได้ยากหรือมองแทบไม่เห็น ทำให้มองเห็นท้องของแมลงเพียงแค่ 10 ปล้องหรือไม่เกิน 10 ปล้องเท่านั้น แต่ก็ยังมีแมลงบางชนิดที่มีจำนวนปล้องท้องน้อยกว่านี้ แมลงส่วนใหญ่เมื่อเจริญเติบโตกลายเป็นตัวโตเต็มวัย จะไม่มีส่วนขาที่บริเวณท้อง ยกเว้นแต่ในตัวอ่อนของแมลงบางชนิดเช่น หนอนผีเสื้อขาเทียม ที่มีปล้องท้องลักษณะเป็นปล้องคู่ จำนวนปล้องท้องจะแตกต่างกันออกจากตามแต่ประเภทของตัวหนอน ปลายสุดของหางจะมีแพนหาง 1 คู่ ลักษณะคล้ายด้ายเส้นยาวหรือเป็นแผ่นบาง ๆ ใส ๆ พบได้ในตัวเต็มวัย ในเพศเมียจะมีอวัยวะสำหรับวางไข่ที่บริเวณปลายสุดของท้อง ลักษณะเป็นแผ่นหรือแท่งยาวปลายแหลม สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน มีรูหายใจอยู่ที่ทางด้านข้างท้องของแมลง
การจัดอันดับของแมลง
ปัจจุบันนักวิทยาศาสตร์ได้จัดอันดับแบ่งแมลงให้เป็นหมวดหมู่ เพื่อง่ายต่อการค้นหาและทำการศึกษาวิจัย โดยอาศัยลักษณะและโครงสร้างของสรีระร่างกายของแมลงเป็นหลักเช่น แมลงชนิดใดก็ตามที่มีลักษณะโครงสร้างของร่างกายบางอย่างเหมือนกัน ก็จัดไว้ในหมวดหมู่เดียวกัน ถ้ามีความแตกต่างกันก็จัดไว้ในอีกหมวดหมู่ การจัดอันดับหมวดหมู่ของแมลงโดยอาศัยโครงสร้างของแมลงเป็นหลักนั้น สามารถชี้ให้เห็นแมลงในแต่ละหมวดหมู่นั้น มีความสัมพันธ์ มีวิวัฒนาการสืบต่อกันมาแต่โบราณอย่างไร เนื่องจากแมลงหลายชนิดมีวิวัฒนาการที่เร็วและช้าสลับกันไป วิวัฒนาการที่แตกต่างกันนี้อาจทำให้วิวัฒนาการของแมลงบางหมวดหมู่สูงกว่าอีกหมวดหมู่หนึ่ง
การจัดอันดับหมวดหมู่ของแมลงในชั้น Insecta หรือ Hexapoda สามารถแบ่งออกเป็นชั้นย่อย ๆ ลดหลั่นตามลำดับ ซึ่งการแบ่งชั้นของแมลงออกเป็นอันดับต่าง ๆ มักนิยมใช้ลักษณะเฉพาะของโครงสร้างของปีก ปากและลักษณะเฉพาะพิเศษอื่น ๆ บางอย่างของแมลงเป็นตัวตัดสินใจ แมลงบางชนิดอาจแบ่งอันดับได้มาก 25-35 อันดับด้วยกัน แต่โดยทั่ว ๆ ไปแล้ว การแบ่งอันดับต่าง ๆ ที่เป็นที่รู้จักและแพร่หลาย สามารถพบเห็นได้บ่อย ๆ มีประมาณ 28 อันดับด้วยกัน ดังนี้
- Class Insecta จำแนกอันดับต่าง ๆ ได้ดังนี้
- Subclass Apterygota จัดเป็นแมลงที่ไม่มีปีกและไม่มี metamorphosis ลอกคราบได้ไม่จำกัดจำนวนครั้งหลังเป็นตัวเต็มวัย สืบพันธุ์โดยไม่มีการสัมผัสกันของเพศ การถ่ายน้ำเชื้อจากเพศผู้สู่เพศเมียเป็นแบบทางอ้อม
- Order Collembola
- - แมลงหางดีด
- Order Diplure
- - ตัวสองง่าม
- Order Thysanure
- - ตัวสามง่าม
- Order Archeognatha
- - ตัวสามง่ามป่า
- Order Collembola
- Subclass Pterygota จัดเป็นแมลงที่อกปล้องกลาง อกปล้องหลังปล้องละคู่ แต่ในปีกของแมลงบางชนิดอาจจะมีการลดรูปลงได้จนกลายเป็นไม่มีปีก มีการเปลี่ยนแปลงรูปร่างระหว่างการเจริญเติบโต ไม่มีการลอกคราบเมื่อเป็นตัวเต็มวัย การถ่ายน้ำเชื้อจากเพศผู้สู่เพศเมียโดยทางตรง แบ่งออกเป็น 2 Infraclass ดังนี้
- Infraclass Palaeoptera แมลงในกลุ่มนี้ไม่สามารถที่จะหุบพับปีกไปทางด้านหลังแนบกับลำตัวได้ ลักษณะของปีกจะกางอยู่ตลอดเวลา ในระยะตัวอ่อนจะอาศัยอยู่ในน้ำ มีการเปลี่ยนแปลงรูปร่างจากตัวอ่อนจนเจริญเติบโตเป็นตัวเต็มวัย
- Order Ephemeroptera
- - ตัวชีปะขาว
- Order Odonata
- - แมลงปอ, แมลงปอเข็ม
- Infraclass Neoptera แมลงในกลุ่มนี้เป็นแมลงในกลุ่มส่วนที่เหลือทั้งหมด สามารถหุบพับปีกพักบนลำตัวได้
Insect classification | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
Archaeognatha (Hump-backed/jumping bristletails)"
|
พฤติกรรม
แมลงหลายชนิดมีอวัยวะรับรู้สัมผัสที่ดีมาก บางครั้งอาจมีประสิทธิภาพมากกว่าประสาทสัมผัสของมนุษย์ ตัวอย่างเช่น ผึ้งสามารถเห็นแสงสีในสเปกตรัมของรังสีอุลตร้าไวโอเล็ต และผีเสื้อกลางคืนตัวผู้มีระบบประสาทรับกลิ่น ที่สามารถรับกลิ่นของฟีโรโมนจากตัวเมียได้เป็นระยะทางหลายกิโลเมตร[6]: 96–105
แมลงสังคมอย่างมดและผึ้ง เป็นตัวอย่างที่พบเห็นได้ง่ายที่สุดของสัตว์สังคม พวกมันอาศัยอยู่ร่วมกันเป็นอาณาจักรขนาดใหญ่โดยแบ่งหน้าที่การงานกันอย่างเป็นระบบและเรียบร้อย บางครั้งอาณาจักรเช่นนี้อาจเรียกได้ว่าเป็น superorganism ในภาษาไทยอาจเรียกได้ว่าแมลงวรรณะ
แมลงอนุรักษ์
ความสามารถในการปรับตัวได้ดี สามารถดำรงเผ่าพันธุ์ได้ดีของสิ่งมีชีวิตในอันดับ Insecta หรือ Hexapoda ทำให้สิ่งมีชีวิตในกลุ่มของแมลงมีความหลากหลาย จำนวนชนิดมากกว่าในอันดับอื่นๆ และมีจำนวนประชากรมากเป็นอันดับ 1 ของโลก แต่ความหลากหลายนั้นก็ทำให้แมลงบางชนิดสูญพันธุ์ หรือใกล้สูญพันธุ์ ซึ่งอาจจะเป็นเพราะหลายสาเหตุด้วยกัน จากความจำเพาะเจาะจงของพืชอาหารของแมลงชนิดนั้นลดน้อยหรือไม่มีในสภาพธรรมชาติ เนื่องจากความเสื่อมโทรมของป่าไม้ เช่น ผีเสื้อถุงทองที่มีพืชอาหารในระยะหนอนจากการกินกระเช้าสีดา อีกทั้งยังมีการลักลอบจับเป็นการค้า โดยเฉพาะแมลงที่มีความสวยงาม ได้แก่ กลุ่มผีเสื้อ และ กลุ่มด้วง
ชนิดแมลงอนุรักษ์ในประเทศไทย
- แมลงที่มีการจับเพื่อการค้าสูง ซึ่งมีลักษณะสวยงาม ได้แก่ แมลงกลุ่มผีเสื้อ และแมลงกลุ่มด้วง ซึ่งผีเสื้อมีสีสันสวยงาม ส่วนด้วงมีเขาสวยงาม
- แมลงที่หายาก ซึ่งดูจากพิพิธภัณฑ์แมลง ของกรมวิชาการเกษตร ที่เคยพบเมื่อ 30-40 ปีที่แล้ว ต่อมาปัจจุบันไม่พบอีกเลย หรือพบน้อยมาก อันเสี่ยงต่อการสูญพันธุ์
- บัญชีรายชื่อในอนุสัญญา CITES (Convention on International Trade in Endangered Species of Wild Fauna and Flora) หรืออนุสัญญาระหว่างประเทศว่าด้วยการค้าซึ่งพืชป่า และสัตว์ป่าที่กำลังใกล้สูญพันธุ์ ในบัญชีหมายเลข 2 ของอนุสัญญานี้ที่มีรายชื่อแมลงที่พบในประเทศไทยด้วย จำนวน 3 รายการ คือ ผีเสื้อถุงทอง ผีเสื้อไกเซอร์ และผีเสื้อภูฐาน ดังนั้นในการกำหนดชนิดแมลงอนุรักษ์จึงได้กำหนดแมลงทั้ง 3 รายการนี้เข้าไปด้วย[7]
รายชื่อแมลงอนุรักษ์ในประเทศไทย
- ผีเสื้อหางยาวตาเคียวปีกลายหยัก Actias maenas Doubleday
- ผีเสื้อหางยาวสี่ตาปีกลายหยัก Actias sinensis heterogyna Mell
- ผีเสื้อหางยาวตาเคียวปีกลายตรง Actias rhodopneuma Rober
- ผีเสื้อกลางคืนหางยาว Actias spp. ในประเทศไทยพบผีเสื้อกลางคืน (Moth) ชนิดนี้ 4 ชนิด ผีเสื้อหางยาวตาเคียวปีกลายตรง Actias maenas Doubleday,ผีเสื้อหางยาวตาเคียวปีกลายหยัก A. Rhodopneuma Rober,ผีเสื้อหางยาวสี่ตาปีกลายตรง A. selene Hubner และผีเสื้อหางยาวสี่ตาปีกลายหยัก A. Senensis heterogyna Mell
- ผีเสื้อหางยาวสี่ตาปีกลายตรง Actias selene Hubner
- ผีเสื้อภูฐานหรือผีเสื้อเชียงดาว Bhutanitis spp. กำหนดไว้ในบัญชีหมายเลข 2 ของอนุสัญญา CITES ในประเทศไทยพบเฉพาะBhutanitis lidderdalei Atkinson
- ผีเสื้อรักแร้ขาว Papilio protener euprotener Fruhstorfer
- ผีเสื้อกลางคืนค้างคาว Lyssa zampa Butler
- ผีเสื้อหางติ่งสะพายเขียว Papilio palinurus Fabricius
- ผีเสื้อไกเซอร์ Teinoppalpus spp. เป็นแมลงอนุรักษ์ ที่กำหนดไว้ในบัญชี หมายเลข 2 ของอนุสัญญา CITES ในประเทศไทยมีชนิดเดียว คือ ผีเสื้อไกเซอร์ Teinoppalpus imperialisimperatrix de' Niceville
- ผีเสื้อนางพญา "Stichophthalma spp"
. เป็นผีเสื้อกลางวัน (Butterfly) ที่มีขนาดใหญ่ที่สุด ซึ่งในประเทศไทยพบ 9 ชนิด คือ ผีเสื้อนางพญาพม่า Stichophthalma louisa Wood-Mason พบได้ที่ภาคเหนือของประเทศไทย ผีเสื้อนางพญาเขมร S. cambodia Hewitson พบได้ที่ภาคตะวันออกของประเทศ และผีเสื้อนางพญากอดเฟรย์ S. Godfreyi Rothschild พบได้ที่ภาคใต้ของประเทศไทย
- ผีเสื้อถุงทอง Trodes spp. เป็นแมลงอนุรักษ์ ที่กำหนดไว้ในบัญชีหมายเลข 2 ของอนุสัญญา CITES ในประเทศไทยที่พบแล้วมีอยู่หลายชนิด ได้แก่ ผีเสื้อถุงทองป่าสูง Trodes helena Linnaeus, ผีเสื้อถุงทองปักษ์ใต้ T. amphrysus Cramer
ผีเสื้อถุงทองธรรมดา T. aeacus Felder
- ผีเสื้อหางดาบตาลไหม้ Meandrusa sciron Leech
- ด้วงกว่างดาว Cheirotonus parryi Gray, วงศ์ Scarabaeidae เป็นด้วงขนาดใหญ่ ตัวผู้มีขาหน้ายาวสวยงาม ตัวเมียขาหน้าสั้น ด้วงชนิดนี้พบทางภาคเหนือและภาคตะวันออก
- ด้วงคีมยีราฟ Chadagnathus giraffa Fabricus, วงศ์ Lucanidae พบที่ภาคเหนือและภาคตะวันออก ด้วงคีมหรือด้วงเขี้ยวกางในประเทศไทยมีหลายชนิดและมีรูปร่างแปลกสวยงามจึงมี การล่าจับกันมาก
- ด้วงดินขอบทองแดง Mouhotia batesi Lewis , วงศ์ banboo
ด้วงดินที่มีขนาดใหญ่ ตัวสีดำ แต่ขอบบริเวณส่วนอกมีเหลือบเป็นสีทองแดง พบที่ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
- ด้วงดินปีกแผ่น Mormolyce phyllodes Hegenb, วงศ์ banboo ด้วงดินที่มีปีกหน้าแบนบางเป็นแผ่นทำให้ดูสวยและแปลก เป็นแมลงที่หายาก พบเฉพาะภาคใต้
ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
ดูเพิ่ม
อ้างอิง
- ↑ บทปฏิบัติการกีฎวิทยาเบื้องต้น, ภาควิชากีฎวิทยา คณะเกษตร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์, รศ. ดร.สาวิตรี มาไลยพันธุ์, สำนักพิมพ์รั้วเขียว, พ.ศ. 2538, หน้า 5
- ↑ บทปฏิบัติการกีฎวิทยาเบื้องต้น, ภาควิชากีฎวิทยา คณะเกษตร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์, รศ. ดร.สาวิตรี มาไลยพันธุ์, สำนักพิมพ์รั้วเขียว, พ.ศ. 2538, หน้า 13-15
- ↑ Sroka, Günter; Staniczek, Arnold H.; Bechly (December 2014). "Revision of the giant pterygote insect Bojophlebia prokopi Kukalová-Peck 1985 (Hydropalaeoptera: Bojophlebiidae) from the Carboniferous of the Czech Republic, with the first cladistic analysis of fossil palaeopterous insects". Journal of Systematic Palaeontology. 13 (11): 963–982. doi:10.1080/14772019.2014.987958. สืบค้นเมื่อ 21 May 2019.
- ↑ Prokop, Jakub (2017). "Redefining the extinct orders Miomoptera & Hypoperlida as stem acercarian insects". BMC Evolutionary Biology. 17: 205. doi:10.1186/s12862-017-1039-3. PMC 5574135. PMID 28841819. สืบค้นเมื่อ 21 May 2017.
- ↑ Wipfler, B (February 2019). "Evolutionary history of Polyneoptera & its implications for our understanding of early winged insects". Proceedings of the National Academy of Sciences. 116 (8): 3024–3029. doi:10.1073/pnas.1817794116.
- ↑ Gullan, P.J.; Cranston, P.S. (2005). The Insects: An Outline of Entomology (3rd ed.). Oxford: Blackwell Publishing. ISBN 978-1-4051-1113-3.
- ↑ แมลงอนุรักษ์ในประเทศไทย www.ento.agri.kps.ku.ac.th
- ↑ 8.0 8.1 ประกาศราชกิจจานุเบกษา ฉบับกฤษฎีกา เล่ม ๑๑๑ ตอนที่ ๓๑ ก ลงวันที่ ๑๖ พฤศจิกายน ๒๕๓๗
- ↑ 9.0 9.1 บัญชีแนบท้ายกฎกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ฉบับที่ ๔ (พ.ศ. ๒๕๓๗) ออกตามความในพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. ๒๕๓๕
แหล่งข้อมูลอื่น
- Overview of Orders of Insects
- "Insect" ที่ Encyclopedia of Life
- A Safrinet Manual for Entomology and Arachnology โดย Secretariat of the Pacific Community (SPC)
- Tree of Life Project – Insecta, Insecta Movies
- Insect Morphology Overview of insect external and internal anatomy
- Fossil Insect Database International Palaeoentological Society
- UF Book of Insect Records
- InsectImages.org 24,000 high resolution insect photographs