ข้ามไปเนื้อหา

อีซูซุ ดีแมคซ์

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
(เปลี่ยนทางจาก อีซูซุ ดี-แม็คซ์)


อีซูซุ ดีแมคซ์
Isuzu D-Max
ภาพรวม
บริษัทผู้ผลิตอีซูซุ มอเตอร์
เริ่มผลิตเมื่อพ.ศ. 2545–ปัจจุบัน
ตัวถังและช่วงล่าง
ประเภท
รูปแบบตัวถัง
  • รถกระบะ 2 ประตู
  • รถกระบะ 4 ประตู
โครงสร้าง
  • เครื่องวางหน้า, ขับเคลื่อนล้อหลัง
  • เครื่องวางหน้า, ขับเคลื่อนสี่ล้อ
รุ่นที่คล้ายกันเชฟโรเลต โคโลราโด (2545–2554)
มาสด้า บีที-50
(2562–ปัจจุบัน)
ระยะเหตุการณ์
รุ่นก่อนหน้าอีซูซุ ฟาสเทอร์
รุ่นต่อไปเชฟโรเลต โคโลราโด (Chevrolet D-Max)

อีซูซุ ดีแมคซ์ (อังกฤษ: Isuzu D-Max) เป็นรถกระบะที่ได้รับการผลิตและพัฒนาโดยอีซูซุ เพื่อมาทดแทนรถกระบะรุ่นเก่าคือ อีซูซุ ฟาสเทอร์ (อังกฤษ: Isuzu Faster) เริ่มผลิตครั้งแรกในปี พ.ศ. 2545

ในออสเตรเลียระหว่างปี พ.ศ. 2546 ถึง 2551 อีซูซุ ดีแมคซ์ ได้ออกวางตลาดในชื่อ โฮลเดน โรดีโอ (Holden Rodeo) แต่หลังจากนั้นก็มีการเปิดตัวอีกครั้งในชื่อ โฮลเด้น โคโลราโด (Holden Colorado)

อีซูซุ ดีแมคซ์ ยังมีรถที่ใช้แพลตฟอร์มเดียวกันคือ อีซูซุ มิว-เซเว่น (Isuzu Mu-7) ในรุ่นแรก และ อีซูซุ มิว-เอ็กซ์ (Isuzu Mu-X) ในรุ่นต่อไป

รุ่นที่ 1 (RA, RC; พ.ศ. 2545)[แก้]

รุ่นที่ 1 (RA/RC)
ภาพรวม
เรียกอีกชื่อ
  • เชฟโรเลต ดีแมคซ์
  • เชฟโรเลต แอลยูวี ดีแมคซ์
  • เชฟโรเลต ที-ซีรีส์[1]
  • โฮลเด้น โรดีโอ
  • อีซูซุ เคบี
  • อีซูซุ แอลบี
  • อีซูซุ โรดีโอ
  • อีซูซุ ดีโว
เริ่มผลิตเมื่อพ.ศ. 2545–2555
พ.ศ. 2546–ปัจจุบัน (จีน)
แหล่งผลิต
ตัวถังและช่วงล่าง
รุ่นที่คล้ายกันเชฟโรเลต โคโลราโด/อีซูซุ ไอ-ซีรีส์
อีซูซุ มิว-เซเว่น
ระบบส่งกำลัง
เครื่องยนต์
ระบบเกียร์เกียร์ธรรมดา 5-สปีด
เกียร์อัตโนมัติ 4-สปีด
มิติ
น้ำหนัก1,922 กิโลกรัม (4,237 lb)

รุ่นแรก ก่อนปรับโฉม (i-190)[แก้]

นับตั้งแต่วันที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2545 วงการรถยนต์ต้องจารึกกับการเปิดตัว ISUZU D-MAX ปิกอัพสมบูรณ์แบบระดับโลก ตอบโจทย์ความต้องการ และประเทศไทยเป็นที่แรกของโลกที่ได้แนะนำก่อนใคร จนสร้างยอดขายสร้างความเชื่อมั่น มั่นใจ จนมียอดขายด้วยยอดขายมากกว่า 2 ล้านคัน นับเป็นความภูมิใจอันสูงสุดที่ปิกอัพสัญชาติไทยขจรไกลไปทั่วโลก รถปิกอัพ “อีซูซุดีแมคซ์” (Isuzu D-Max) เปิดตัวครั้งแรกในโลกที่เมืองไทย โดยสร้างปรากฏการณ์ที่สื่อมวลชนไทยขนานนามว่า “อีซูซุดีแมคซ์ ฟีเวอร์” ด้วยยอดจำหน่ายมากกว่า 10,000 คันภายใน 10 วันแรกของการออกสู่ตลาด หลังจากนั้น 1 ปีต่อมา อีซูซุเป็นแบรนด์แรกที่เปิดตลาดรถปิกอัพเซ็กเม้นต์ใหม่สำหรับรถปิกอัพขับเคลื่อน 2 ล้อยกสูงในประเทศไทย โดยใช้ชื่อว่า “อีซูซุดีแมคซ์ ไฮแลนด์เดอร์” ซึ่งกลายเป็นรถรุ่นยอดนิยมของผู้ใช้รถปิกอัพชาวไทย จนทำให้ค่ายรถยนต์อื่นๆต้องผลิตรถรุ่นนี้ออกมาแข่งขันในตลาด

ปิกอัพสมบูรณ์แบบเปิดตัวครั้งแรกในโลกที่เมืองไทย ตัวรถใหม่หมดใหญ่ขึ้นกว่าเดิมลบภาพความเป็นรุ่น Dragon Eyes อย่างสิ้นเชิงสำหรับคำว่า D-MAX มีที่มาดังนี้ คำว่า D: สุดยอดแห่งความสมบูรณ์แบบ MAX : สุดยอดแห่งความยอดเยี่ยม จึงรวมมาเป็นคำว่า D-MAX สุดยอดรถปิกอัพสมบูรณ์แบบระดับโลกน และยังเป็นรถปิกอัพที่ร่วมมือกันระหว่าง อีซูซุ มอเตอร์ (ประเทศญี่ปุ่น) และ เจเนอรัล มอเตอร์ (GM) โดยในช่วงแรกจำหน่าย 3 รูปแบบตัวถังตั้งแต่รุ่น Spacecab แค็บตอนครึ่ง, Spark ปิกอัพตอนเดียว และ Rodeo 4WD ปิกอัพขับเคลื่อน 4 ล้อ หลังจากนั้นในช่วงเดือนสิงหาคม ปีเดียวกันมีการแนะนำรุ่น 4 ประตู ในชื่อ Cab 4 ทั้งขับเคลื่อน 2 ล้อ และ ขับเคลื่อน 4 ล้อ สมทบทางเลือก ขยายกลุ่มลูกค้าที่ไม่เคยสัมผัสกับแบรนด์ ISUZU และกลุ่มลูกค้ารถเก๋งเป็นวงกว้าง

พร้อมนวัตกรรมใหม่ ไฟหน้า HID ปรับระดับความสูงต่ำได้ถึง 4 ระดับ ระบบช่วงล่างหน้าแบบปีกนก 2 ชั้นพร้อมคอยล์สปริงในรุ่นขับเคลื่อน 2 ล้อมาตรฐาน ระบบพวงมาลัยแบบแร็คแอนด์พีเนี่ยน ออกแบบเพื่องานบรรทุกโดยเฉพาะ รุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ หันมาใช้ระบบควบคุมเปลี่ยนการขับเคลื่อนแบบกดปุ่ม (เดิมเป็นคันเกียร์พิเศษหรือเกียร์ฝาก) มาเป็นด้วยระบบไฟฟ้าในชื่อ Touch-On-The-Fly โช้กอัพแก๊ส แชสซีส์ แบบประกอบซ้อน 3 ส่วน และ ถุงลมนิรภัยคู่หน้า กับ ระบบเบรก ABS พร้อม EBD

ดประกายตลาดรถปิกอัพขับสองยกสูงให้โด่งดังด้วยการเปิดตัวรุ่น Hi-Lander ในวันที่ 12 กันยาน พ.ศ. 2546 ซึ่งต่อมารถประเภทนี้ได้รับความนิยมสูงสุด และมีสัดส่วนมากที่สุดในตลาดรถปิกอัพ พร้อมกับการเพิ่มออพชั่นบางรายการในรุ่นปกติ ทั้งไฟตัดหมอกหน้า บันไดข้าง ในรุ่น LS ขับเคลื่อน 4 ล้อ และเพิ่มแถบกรอบแสงสีเขียวในกระจกหน้ารถ (Sunband) และเพิ่มรุ่น Cab SX ทางเลือกแห่งความสบายด้วยกระจกไฟฟ้า เซ็นทรัลล็อกและพวงมาลัยพาวเวอร์ปรับระดับได้ รวมถึงปรับช่วงล่างในรุ่น 4 ประตู Cab 4 ให้มีความนุ่มนวลดุจรถเก๋งแบบ Flex-Plus Suspension พร้อมฉลองยอดขาย 1 ปี 100,000 คัน

ขุมพลังในช่วงนั้นเป็นเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบ 3.0 ลิตร รุ่น 4JH1-T MAX 120 แรงม้าที่ 3,800 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 245 นิวตันเมตรที่ 2,000 รอบ/นาที ควบคุมหัวฉีดด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ กับเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบยอดนิยม 2.5 ลิตร รุ่น 4JA1-T MAX 79 แรงม้าที่ 3,900 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 176 นิวตันเมตรที่ 1,800 รอบ/นาที พร้อมเกียร์ธรรมดา 5 สปีดและเกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด MAXMATIC

เครื่องยนต์ในรุ่นแรก 4JA1-T MAX และ 4JH1-T MAX

เปลี่ยนเครื่องใหม่[แก้]

แนะนำรถปิกอัพเครื่องยนต์คอมมอนเรลเป็นครั้งแรกของอีซูซุคือ “อีซูซุดีแมคซ์ 3,000 ดีดีไอ ซูเปอร์คอมมอนเรลสายพันธุ์แท้!” หนึ่งปีต่อมามีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในวันที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2547 เปิดตัวเครื่องยนต์ดีเซลคอมมอนเรลสายพันธุ์แท้มาจำหน่ายทั้ง ขนาด 3.0 ลิตร รหัส 4JJ1-TC เพิ่มพลังจากเครื่องเดิม 26 แรงม้า เป็น 146 แรงม้าที่ 3,600 รอบ/นาที แรงบิด 294 นิวตันเมตรที่ 1,400-3,400 รอบ/นาที พร้อมเกียร์ธรรมดา 5 สปีดและเกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด MAXMATIC II โดยมาแทนเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบ 3.0 ลิตร รุ่น 4JH1-T MAX และในวันที่ 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2548 กับขุมพลังใหม่ 2.5 ลิตร รหัส 4JK1-TC 116 แรงม้าที่ ที่ 3,600 รอบ/นาที แรงบิด 280 นิวตันเมตรที่ 1,800-2,200 รอบ/นาที จับคู่กับเกียร์ธรรมดา 5 สปีด โดยซูเปอร์พลัง ซูเปอร์ประหยัดผ่านมาตรฐานไอเสีย EURO 3 โดยยังมีเครื่องยนต์ยอดนิยม 2.5 ลิตร รุ่น 4JA1-T MAX จำหน่าย นอกจากนี้ในรุ่นเครื่องยนต์ 2.5 Ddi i-TEQ พิสูจน์แล้ว 1,727 กม. เชียงใหม่-มาเลเซีย น้ำมัน 1 ถังยังเหลือ จากผู้ใช้รถ ISUZU ตัวจริง พร้อมกับปรับหน้าตาใหม่ด้วยกระจังหน้าใหม่ทรงหน้าย้อยรับกับกันชนหน้าทรงสปอร์ต ล้ออัลลอยลายใหม่ ภายในปรับเล็กน้อย โดยเฉพาะชุดมาตรวัดความเร็วใหม่ เพื่อรับกับรุ่นใหม่ เครื่องยนต์ใหม่ และในวันที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2548 เปิดรุ่นใหม่สุด! มีการปรับความสูงของรุ่น Hi-Lander และ LS ทั้ง 2 ประตู Spacecab และ 4 ประตู Cab4 เพิ่มจากเดิม 25 ซม. รวมถึงปรับออพชั่นให้มีความทันสมัยทั้งกระจกมองข้างสีเดียวกับตัวรถพร้อมไฟเลี้ยว LED กล่องใส่แว่นตาพร้อมไฟอ่านแผนที่ขนาดใหญ่ และเครื่องเล่นวิทยุเทป CD แบบ 2 DIN พร้อมกุญแจและรีโมทแบบ Keyless Entry และในรุ่น 4 ประตู Cab4 ทั้ง SLX, Hi-Lander และ LS เพิ่มระบบป้องกันการสตาร์ทเครื่องยนต์ด้วยกุญแจปลอม Immobilizer และเป็นการปิดฉากเครื่องยนต์ 4JA1-T MAX 2.5 ลิตร

ไฟล์:Isuzu engine 2004.jpg
เครื่องยนต์ในรุ่นแรก เปลี่ยนเครื่องใหม่ Ddi i-TEQ

รุ่นแรก หลังปรับโฉม[แก้]

รุ่นปรับโฉมใหม่

รุ่นใหม่ของโลก! เกิดขึ้นแล้วในวันที่ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2549 ส่งเครื่องยนต์ดีเซลใหม่ ในรหัส 4JJ1-TCX พร้อมระบบเทอร์โบแปรผัน VGS Turbo 3.0 ลิตร 163 แรงม้าที่ 3,600 รอบ/นาที แรงบิด 360 นิวตันเมตรที่ 1,800-2,800 รอบ/นาที ในรุ่นเกียร์ธรรมดา 5 สปีด MUX และ 333 นิวตันเมตรที่ 1,600-3,2000 รอบ/นาที ในรุ่นเกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด MAXMATIC III ทำตลาดควบคู่กับเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบ 3.0 ลิตร รหัส 4JJ1-TC 146 แรงม้า กับ 2.5 ลิตร รหัส 4JK1-TC 116 แรงม้า พร้อมการปรับโฉมครั้งใหญ่ตั้งแต่ภายนอก ดีไซน์มาดสปอร์ต ตั้งแต่กระจังหน้า กันชนหน้า พร้อมไฟหน้า Projector ทรงข้าวหลามตัด เด่นที่ไฟเลี้ยว ไฟหลัก และไฟสูงอยู่ในโคมเดียวกัน ครั้งแรกในวงการรถปิกอัพ ไฟท้ายแบบมัลติรีเฟลกเตอร์แบบสีใส Clear Lens และสีเข้ม Smoke Lens และสคู๊ฟบนฝากระโปรงดีไซน์ Built-In ในรุ่น 3.0 Ddi VGS Turbo ภายในติดตั้งมาตรวัดเรืองแสง Super Vision พร้อมเครื่องเล่น CD MP3 ที่ ISUZU เป็นเจ้าแรกติดตั้งในรถปิกอัพ ดีไซน์ทรงกลมทั้งช่องแอร์ ปุ่มควบคุมต่างๆรวมถึงโลโก้พวงมาลัย และยังเพิ่มรุ่นเครื่องยนต์ 2.5 Ddi i-TEQ ในรุ่น Hi-Lander 2 ประตูและ 4 ประตู และรุ่น Rodeo LS ทั้ง 3 ขุมพลังพิสูจน์มาแล้ว กับคาราวาน น้ำมันถังเดียวเที่ยวไกล 3 ประเทศ ไทย-ลาว-เวียดนาม 1,102 กม. ทั้ง 8 คัน โดยน้ำมันยังเหลือและไฟเตือนไม่มีปรากฎ

Gold Series[แก้]

ที่สุดแห่งคุณค่าระดับทอง เกิดขึ้นในวันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2550 ซึ่งเป็นปีครบรอบการดำเนินธุรกิจ 50 ปี สามารถทำยอดผลิตครบ 2 ล้านคัน พร้อมกับการเปิดตัว ISUZU D-MAX Gold Series จุดเด่นตรงที่ โลโก้ ISUZU สีทองที่กระจังหน้า ด้านท้าย และพวงมาลัย พร้อมออพชั่นใหม่ๆทั้ง เสาอากาศแบบสั้น กระจกมองข้างพร้อมไฟเลี้ยว LED ปรับ-พับไฟฟ้า ชุดแต่งกันชนหน้า เบาะนั่งกึ่งหนังแท้สีดำในรุ่น LS ไฟเบรกดวงที่ 3 สีขาวแบบ LED และกุญแจพร้อมรีโมทในตัว Integrated Key พร้อมแนะนำรุ่น Hi-Lander 4 ประตู เครื่องยนต์ 3.0 Ddi VGS Turbo และหนึ่งปีให้หลังในวันที่ 11 มีนาคม พ.ศ. 2551 มีการแนะนำรุ่น Hi-Landerและ Rodeo LS 2 ประตู เครื่องยนต์ 3.0 Ddi VGS Turbo และ Spacecab SLX SMART เครื่องยนต์ 2.5 Ddi i-TEQ เป็นอีกทางเลือก และยังแนะนำ ซูเปอร์พรีเซ็นเตอร์ชื่อดังทั้ง 4 ตั้งแต่ ก็อต จักรพันธ์ ครบุรีธีรโชติ, มอส ปฏิภาณ ปฐวีกานต์, ปีเตอร์ คอร์ป ไดเรนดัล และโดม ปกรณ์ ลัม และคาราวานประหยัดน้ำมัน ครั้งนี้ ล่องใต้เข้าประเทศเพื่อนบ้านอย่างมาเลเซีย (ปีนัง) 1,215 กม. ด้วยน้ำมันถังเดียว

Platinum[แก้]

วันที่ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2551 แนะนำรุ่น ISUZU D-MAX Platinum โดยเป็นการปรับโฉมหรือ Facelift ด้วยความหล่อที่สปอร์ตขึ้น ตั้งแต่กระจังหน้าดีไซน์โครเมี่ยมแบ่งตัวตนตามเอกลักษณ์แบบลายเขี้ยว รวมถึงล้ออัลลอยลาย 6 ก้านคู่ 16 นิ้ว และเป็นครั้งแรกในวงการรถปิกอัพด้วย เครื่องเล่น DVD 2IN จาก Kenwood 6.1 นิ้ว พร้อมกล้องมองหลัง ติดตั้งมาตรวัดความเร็วและรอบเครื่องยนต์ในรุ่น Spark พร้อมชุดแต่งโครเมี่ยมที่ไฟตัดหมอก คอนโซลเกียร์ ช่องแอร์ และลำโพง และยังแนะนำรุ่น SMART เครื่องยนต์ 2.5 Ddi i-TEQ รุ่นคุ้มค่า ที่คราวนี้มาถึง 3 รุ่น ทั้ง Spacecab SLX, Cab 4 SLX และ Hi-Lander 2 ประตู คาราวานประหยัดน้ำมัน ยังคงจัดกันต่อเนื่องกับ 1,250 กม. จากสุราษฎร์ธานี-มาเลเซีย-สิงคโปร ครั้งนี้ 1,250 กม. ด้วยน้ำมันถังเดียว

Super Platinum[แก้]

17 กันยาน พ.ศ. 2552 ความต้องการยังไม่หยุดยั้ง ISUZU เปิดตัว ISUZU D-MAX Super Platinum ที่มาพร้อมความสปอร์ต หรูหรา ด้วยล้ออัลลอยลาย 6 ก้านคู่สีทูโทนปัดเงา 16 นิ้ว ชุดแต่งกันชนหน้า พร้อมโทนสีภายในแบบ ดำ-เบจ, ดำล้วนและสีเทาเข้ม นอกจากนี้ระบบความบันเทิงจาก Kenwood มาพร้อมระบบนำทางอัจฉริยะ i-GENII พร้อมกล้องมองหลังครั้งแรกในวงการรถปิกอัพและในวันที่ 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553 ตอบโจทย์คนยุคใหม่ ที่มีแนวทางการแต่งรถเป็นของตัวเองหรือชอบแนวชีวิตผจญภัย ด้วยการเปิดตัวรถปิกอัพไลฟ์สไตล์ครั้งแรก ในชื่อรุ่น X-Series ที่ตกแต่งด้วยโทนสีดำแดง อันเป็นเอกลักษณ์ ทั้งในรุ่น Spacecab SLX Speed, Hi-Lander, LS 4WDทั้ง 2 ประตูและ 4 ประตู จำหน่ายเฉพาะเกียร์ธรรมดา 5 สปีด คาราวานประหยัดน้ำมัน ด้วยน้ำมันถังเดียวใหญ่สุดกับ เชียงราย-ลาว-จีน 1,114 กม. สุดท้าทายกับเทือกเขาสูงกว่า 2,400 เมตรและทุกโค้งนับพันผ่านอุปสรรคนานัปการ แต่ก็พิสูจน์แล้วทั้ง 8 คัน น้ำมันยังเหลือทุกคัน

Super Titanium (รุ่นสุดท้ายก่อนเปลี่ยนเจนใหม่)[แก้]

ปิดท้ายโมเดลนี้ด้วย ISUZU D-MAX Super Titanium ด้วยการปรับลุคเข้มกว่าเดิมด้วยชุดโครเมี่ยมทั้งกรอบประตูและคิ้วชายล่าง มาตรวัดเรืองแสง Super Vision สีส้ม เพิ่มกล้องหน้ารถ เพื่มความสะดวกในการจอดรถ และปรับรุ่น X-Series ปิกอัพไลฟ์สไตล์เร้าใจสปอร์ตขึ้น พร้อมรุ่นเกียร์อัตโนมัติ 4 สปีดในรุ่น Hi-Lander 4 ประตู เครื่องยนต์ 3.0 Ddi VGS Turbo โดยเปิดตัวในวันที่ 23 กันยายน พ.ศ.2553

ตลอดการทำตลาดของ ISUZU D-MAX ได้สร้างปรากฎการณ์ที่สื่อมวลชนไทยขนานนามว่า “อีซูซุดีแมคซ์ ฟีเวอร์” และจำหน่ายมากกว่า 10,000 คัน ภายใน 10 วันแรก ของการออกสู่ตลาดในเมืองไทย และได้ยอดขายในประเทศ 1 ล้านคันในระยะเวลาเพียง 7 ปีเศษ

รุ่นที่ 2 (RT; พ.ศ. 2554)[แก้]

รุ่นที่ 2 (RT50/85)
ภาพรวม
เรียกอีกชื่อ
  • อีซูซุ เคบี
  • เชฟโรเลต ดีแมคซ์
  • เชฟโรเลต ที-ซีรีส์
  • JIM Ruimai (Remax)
  • JIM Ruimai S (Remax S)
เริ่มผลิตเมื่อพ.ศ. 2554–ปัจจุบัน
แหล่งผลิต
ตัวถังและช่วงล่าง
รูปแบบตัวถัง
  • รถกระบะ 2 ประตู
  • รถกระบะ 4 ประตู ห้องโดยสารแบบขยายพร้อมประตูแบบฝาพับด้านหลัง
  • รถกระบะ 4 ประตู
แพลตฟอร์มระบบตอบสนองแรงโน้มถ่วงอัจฉริยะของอีซูซุ
(i-GRIP)
รุ่นที่คล้ายกันอีซูซุ มิว-เอ็กซ์ (RF)
เชฟโรเลต โคโลราโด (RG)
เชฟโรเลต เทรลเบรเซอร์
ชิงหลิง ทากา
ระบบส่งกำลัง
เครื่องยนต์
  • เบนซิน:
  • 2.4 L Vortec 2400 I4
  • ดีเซล:
  • 1.9 L RZ4E-TC I4 (2558–ปัจจุบัน)
  • 2.5 L 4JK1-TC / TCX I4
  • 2.5 L twin-turbo I4 (ยุโรป)
  • 3.0 L 4JJ1-TCX I4
ระบบเกียร์
  • เกียร์ธรรมดา 5-สปีด
  • เกียร์ธรรมดา 6-สปีด
  • เกียร์อัตโนมัติ Rev-Tronic AW TB50-LS 5-สปีด
  • เกียร์อัติโนมัติ Rev-Tronic AW TB60-LS 6-สปีด
มิติ
ระยะฐานล้อ3,095 mm (121.9 in)[11]
ความยาว5,215 mm (205.3 in) (ตอนเดียว)[11]
5,295 mm (208.5 in) (สองตอน)[11]
ความกว้าง1,775–1,860 mm (69.9–73.2 in)[11]
ความสูง1,690–1,785 mm (66.5–70.3 in)[11]

สานต่อความสำเร็จจาก ISUZU D-MAX รุ่นที่แล้ว ในวันที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2554 ด้วยดีไซน์ใหม่หมดทั้งคันดุจรถไฟหัวกระสุน กับตัวรถที่ใหญ่ขึ้นกว่ารุ่นก่อน พร้อมแนะนำรุ่น Spacecab แบบแค็ปเปิดได้และ รุ่น V-Cross ปิกอัพขับเคลื่อน 4 ล้อ ออกจำหน่ายรวมถึงเปิดโรงงานใหม่ ณ นิคมอุตสาหกรรมเกตเวย์ จ.ฉะเชิงเทรา เพื่อรองรับกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้น และตอบสนองความต้องการของตลาด แถมยังสร้างกระแส “อีซูซุดีแมคซ์ ฟีเวอร์” อีกครั้งด้วยสถิติยอดจำหน่ายสูงสุด 15,000 คัน ใน 3 วัน ถึงแม้จะเจอเหตุการณ์มหาอุทกภัยครั้งใหญ่ของประเทศ ก็ตาม ในช่วงปี พ.ศ. 2555 ISUZU มียอดการผลิตรถทุกรุ่นในประเทศไทยครบ 3 ล้านคัน พร้อมทั้งเปิดตัวรุ่น X-Series และรุ่นปรับปรุงใหม่ของ ISUZU D-MAX รุ่นปกติ (เปิดตัว 3 ธันวาคม พ.ศ.2555) ทั้งเสาอากาศแบบครีบฉลาม เครื่องเล่น DVD 7 นิ้วใหม่ ISUZU Media Solutions พร้อมระบบนำทางแบบ Built-In จากเดิมเป็น KENWOOD และกุญแจ Genius Entry (ในรุ่น X-Series)

22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556 เปิดตัวรุ่น ISUZU D-MAX Super Daylight ติดตั้งไฟส่องสว่างเวลากลางวัน LED Daytime Running Light เป็นอุปกรณ์มาตรฐานและยังแนะนำรุ่น Spark ปิกอัพตอนเดียวขับเคลื่อน 4 ล้อ และเครื่องยนต์ 3.0 Ddi VGS Turbo ขับเคลื่อน 2 ล้อ เป็นทางเลือกสำหรับผู้ที่ต้องการกำลังเป็นพิเศษ หนึ่งปีให้หลังเพิ่มออพชั่นความสบายด้วยระบบกุญแจ Genius Entry และปุ่ม Push Start และเสาอากาศครีบฉลามสีเดียวกับตัวรถ พร้อมเพิ่มถุงลมนิรภัยคู่หน้า (ตั้งแต่รุ่น Z, L, S, B และ Chassis Cab) (เปิดตัว 29 กันยายน พ.ศ.2557)

โดยมีขุมพลัง ISUZU Super Commonrail ให้เลือกถึง 3 ขนาดตั้งแต่เครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบแปรผัน 2.5 ลิตร 4JK1-TCX 136 แรงม้าที่ 3,600 รอบ/นาที แรงบิด 320 นิวตันเมตรที่ 1,800-2,800 รอบ/นาที และพัฒนาเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบแปรผัน 3.0 ลิตร รหัส 4JJ1-TCX แรงสุด 177 แรงม้าที่ 3,600 รอบ/นาที แรงบิด 380 นิวตันเมตรที่ 1,800-2,800 รอบ/นาที พร้อมเกียร์อัตโนมัติ 5 สปีดพร้อมระบบ Rev-Tronic และเกียร์ธรรมดา 5 สปีด ส่วนเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบ 2.5 ลิตร รหัส 4JK1-TC 116 แรงม้าที่ ที่ 3,600 รอบ/นาที แรงบิด 280 นิวตันเมตรที่ 1,800-2,200 รอบ/นาที จับคู่กับเกียร์ธรรมดา 5 สปีด จำหน่ายเช่นเดิม

รุ่นปรับโฉมใหม่ Blue Power[แก้]

ISUZU ตอกย้ำการเป็นผู้กำหนดทิศทางของเครื่องยนต์ดีเซล กับ ISUZU D-MAX 1.9 และ 3.0 Ddi Blue Power มาตรฐานใหม่ที่เหนือกว่าคำว่า “ที่สุด” กำลังเครื่องยนต์สูงสุด ประหยัดน้ำมันสูงสุด และค่ามลพิษต่ำสุดในวันที่ 2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558 ด้วยการแนะนำเครื่องยนต์ดีเซลขนาดเล็กสุด 1.9 ลิตร 150 แรงม้าที่ 3,600 รอบ/นาที แรงบิด 350 นิวตันเมตรที่ 1,800-2,600 รอบ/นาที รหัส RZ4E-TC พร้อมระบบส่งกำลัง 6 สปีดทั้งเกียร์ธรรมดา Genius Sport Shiftและเกียร์อัตโนมัติ พร้อมระบบโอเวอร์ไดรฟ์ 2 ตำแหน่งในเกียร์ 5 และ 6 และได้รับความนิยมอย่างท่วมท้นจากผู้ใช้รถในประเทศไทย โดยมาแทนเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบ 2.5 ลิตร รุ่น 4JK1-TCX 136 แรงม้าและ 4JK1-TC 116 แรงม้า สร้างปรากฎการณ์ที่สื่อมวลชนไทยเรียกว่า “ปรากฏการณ์ อีซูซุบลูเพาเวอร์” ด้วยยอดขายกว่า 200,000 คันในเวลาไม่ถึง 2 ปี พร้อมเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบแปรผัน 3.0 ลิตร รหัส 4JJ1-TCX แรงสุด 177 แรงม้าที่ 3,600 รอบ/นาที แรงบิด 380 นิวตันเมตรที่ 1,800-2,800 รอบ/นาที พร้อมเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีดพร้อมระบบ Rev-Tronic และเกียร์ธรรมดา 5 สปีด Genius Sport Shift พร้อมหน้าตาใหม่ไฟหน้า Projector ฝากระบะท้ายพร้อม Bulit-in Spoilerไฟท้าย LED ท้าทายทุกดีไซน์ด้วยล้ออัลลอยดีไซน์แกร่ง 18 นิ้ว และ 16 นิ้ว และภายในใหญ่สุดด้วยจอสัมผัส 8 นิ้ว และหน้าปัด Super Vision แบบ 3D สวยสง่า พร้อมหน้าจอ Color Display MID และระบบความปลอดภัยทั้งไฟส่องสว่างเวลากลางวัน DRL ระบบบเรก ABS ระบบกระจายแรงเบรก EBD ระบบควบคุมการทรงตัว ESC ระบบป้องการลื่นไหล TCS ถุงลมนิรภัยคู่หน้า กล้องมองหลังพร้อมเส้นกะระยะ Lane Guide ระบบช่วยออกตัวขณะอยู่บนทางลาดชัน HSA (Hill Start Assist) และยังแนะนำรุ่น Spark 4WD พร้อมเครื่องยนต์ใหม่ 3.0 Ddi Blue Power

ด้านความทนทานของยอดเครื่องยนต์ 1.9 Ddi Blue Power พิสูจน์แล้วกับการทดสอบสุดหฤโหด ขับโดยผู้ใช้รถ ตัวจริงและเป็นบทพิสูจน์ที่ไม่มีใครเลียนแบบได้ หรือกล้าทำมาก่อน เริ่มจากในปี พ.ศ.2558 ระยะทาง 5,755 กม. วิ่งทั้งวันทั้งคืนไม่ดับเครื่องยนต์ ผ่าน 3 ประเทศ ไทย-ลาว-จีน (อุรุมชี) ผจญกับอุปสรรคต่างๆนานา ทั้งพายุฝน ลมแรง อากาศหนาวขั้นติดลบ ทางเขาลาดชัน ดินถล่ม และการจราจรอันคับคั่งของเมืองใหญ่ แต่ก็สามารถถึงจุดหมาย ณ เมืองอุรุมชี อย่างปลอดภัยและคาราวานน้ำมันถังเดียวเที่ยวไกลสุด คุณหมิง-กวางโจว 1,405 กม. ด้วยน้ำมันถังเดียว กับสถิติสูงสุด 24.38 กม./ลิตร

ปี พ.ศ. 2559 ถือเป็นอีกก้าวหนึ่งที่สำคัญในหน้าประวัติศาสตร์ ISUZU ในประเทศไทย เมื่อยอดการผลิตรถทุกรุ่นในประเทศไทยครบ 4 ล้านคันรวมถึงได้ขยายธุรกิจการจัดจำหน่ายรถปิกอัพ ISUZU D-MAX ออกไปยังประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว และราชอาณาจักรกัมพูชา พร้อมฉลองยอดการผลิตรถอีซูซุครบ 4 ล้านคัน และในวันที่ 26 กันยายน ปีเดียวกัน เปิดตัวรุ่น ISUZU D-MAX V-Cross MAX สปอร์ตออฟโรดสุดหรูพลังดี...เปลี่ยนโลกกับความแรงของเครื่องยนต์ 3.0 Ddi Blue Power พร้อมระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ อัจฉริยะ Terrain Command และรุ่นปรับปรุงใหม่ ของ ISUZU D-MAX 1.9 และ 3.0 Ddi Blue Power พร้อมเพิ่มระบบ HDC (Hill Descent Control) ระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน นวัตกรรมเพื่อความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น เพิ่มออพชั่นเล็กน้อยทั้ง ระบบล็อกความเร็วอัตโนมัติ Cruise Crontrol ไฟหน้า Projector พร้อมวงกลมสีเงิน Silver Ring และเป็นการกลับมาอีกครั้งของเครื่องเล่น DVD พร้อมจอสัมผัส KENWOOD และ Built-in Navigator ขนาด 7 นิ้ว

ภารกิจพิสูจน์ความ อึด ถึก ทน ของนวัตกรรมเปลี่ยนโลกอีกครั้ง กับเส้นทางที่ยาวที่สุดกว่าครั้งก่อน ด้วยระยะทาง 6,128 กม. วิ่งทั้งวันทั้งคืนไม่ดับเครื่องยนต์ ผ่านปักกิ่ง (กำแพงเมืองจีน) – ออร์โดส – ซีอาน รวม 80 ชั่วโมง 3 นาที ผ่านสภาพเส้นทางโหดทุกรูปแบบทั้ง ภูเขาลาดชัน หุบเหว ทะเลทรายและทางฝุ่น พายุฝน ลมกรรโชกแรง อากาศหนาวในยามค่ำคืน และร้อนจัดเกินกว่า 40 องศาในช่วงกลางวัน รวมถึงการจราจรอันคับคั่งของเมืองใหญ่ แต่ก็สามารถถึงจุดหมาย ณ เมืองซีอานแบบสบายๆ และปลอดภัย

30 ตุลาคม พ.ศ. 2560 ฉลอง 60 ปีทองอีซูซุ ด้วยการเผยโฉมหล่อ New ISUZU D-MAX Blue Power ทั้งเครื่องยนต์ 1.9 และ 3.0 Ddi Blue Power ขีดสุดแห่งนวัตกรรมเปลี่ยนโลก ที่ได้สร้างปรากฎการณ์ใหม่อีกครั้งด้วยยอดจองภายในงาน 60 ปีทองอีซูซุ 8 ชั่วโมง 1 พันคัน นับเป็นสิ่งอัศจรรย์ที่ไม่มีรถยนต์ยี่ห้อไหนทำได้มาก่อน ด้วยความใหม่ของดีไซน์ด้านหน้าและครั้งแรกกับไฟหน้า Bi-LED ส่องสว่างใหม่ล่าสุด ให้พื้นที่ความสว่างมากขึ้น พร้อม Multifunctional Daylight เติมเต็มความสว่างชัดเจนยิ่งขึ้น ทั้งในเวลากลางวัน และทำหน้าที่เป็นไฟหรี่เวลากลางคืน พร้อมปรับระดับสูงต่ำได้ถึง 4 ระดับ ล้ออัลลอย 18 นิ้วลายใหม่ ตกแต่งภายในด้วยวัสดุผิวสัมผัส Soft Touch ฝาปิดคอนโซลกลาง คิ้วคอนโซลเหนือหน้าปัด และเหนือกล่องเก็บของ พร้อมสัญลักษณ์ D-MAX หรือ V-Cross ที่คอนโซลหน้า พร้อมเครื่องเสียงจอสัมผัสขนาดใหญ่ 8 นิ้ว ISUZU iConnect Built-in Navigator พร้อมระบบ Air Mirroring รองรับการเชื่อมต่อแบบไร้สายกับสมาร์ทโฟน ผ่าน Wi-Fi Dongle พร้อมจุดเชื่อมต่อ USB เสียงกระหึ่มสมจริงรอบทิศทางด้วย SURROUND SOUND SYSTEM สูงสุดถึง 8 ลำโพง และ Roof Speaker ลำโพงพิเศษบนเพดาน และในรุ่น X-Series เพิ่มรุ่น Speed Cab 4 ออกจำหน่าย

ในปี พ.ศ. 2561 จัดแข่งขัน “แชมป์ประหยัดน้ำมันอัจฉริยะ ISUZU Insight Fuel Economy Contest” พิสูจน์ความเป็นสุดยอดนักขับอัจฉริยะระดับประเทศบนเส้นทางปีนัง-มะละกา โดยเปิดแอร์ตลอดเส้นทาง ตอกย้ำสมรรถนะความประหยัดน้ำมันโดยผู้ใช้รถตัวจริงบนเส้นทาง รวม 520.20 กม. ด้วย ISUZU Insight เทคโนโลยีอัจฉริยะหนึ่งเดียวของอีซูซุที่ช่วยพัฒนาการขับขี่ให้ดีขึ้น ปลอดภัยยิ่งขึ้น ประหยัดน้ำมันมากขึ้นและหนึ่งปีถัดมา บอย ปกรณ์ ฉัตรบริรักษ์ พระเอกหนุ่มชื่อดัง “ซูเปอร์ พรีเซนเตอร์อีซูซุ” ขับรถปิกอัพ “ISUZU 1.9 Ddi Blue Power” รุ่น Spacecab Z รถมาตรฐานโรงงาน พร้อมน้ำมันหนึ่งถัง เดินทางจากมหานครเซี่ยงไฮ้สู่เมืองฉางซา ระยะทางรวม 1,212 กิโลเมตร ได้สถิติอัตราประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงโดยเฉลี่ย “24.99 กม./ลิตร” โดยน้ำมัน 1 ถังยังเหลือ

D-Max Stealth รุ่นสุดท้ายของเจน 2[แก้]

วันที่ 19 ตุลาคม พ.ศ. 2561 สั่งลาปิกอัพยอดนิยมแบบทะยานเหนือชั้น ดุดันทุกองศากับการแนะนำรุ่นพิเศษ ISUZU D-MAX Hi-Lander STEALTH โดยชื่อ STEALTH ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากเครื่องบินรบ STEALTH ที่มีภาพลักษณ์แสดงถึงความแข็งแกร่ง ดุดัน ล้ำสมัยเหนือระดับ ดุดันในทุกองศาจากชุดแต่ง STEALTH BLACK PACKAGE ดีไซน์พิเศษ พร้อมความโดดเด่นด้านสมรรถนะ จากเครื่องยนต์ 1.9 และ *3.0 Ddi Blue Power มีให้เลือกทั้งรุ่น 2 ประตูและ 4ประตู (เครื่องยนต์ 3.0 Ddi Blue Power ในรุ่นพิเศษ STEALTH เปิดตัวในวันที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2562) พร้อมปรับลุคใหม่ของสปอร์ตออฟโรด ISUZU D-MAX V-Cross MAX และครั้งแรกของวงการด้วยกระจกมองหลังตัดแสงอัตโนมัติ พร้อมกล้องบันทึกภาพวิดีโอด้านหน้าขณะขับขี่ และตอกย้ำความเป็นแชมป์ออฟโรดกวาดเรียบ 5 ปีซ้อน กับการแข่งขันรถยนต์และรถจักรยานยนต์ ครอสคันทรี่แรลลี่นานาชาติที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในเอเชียอย่าง Asia Cross Country Rally และปรับรุ่น Hi-Lander ปกติด้วยล้ออัลลอย 18 นิ้ว ลายใหม่

รุ่นที่ 3 (RG; พ.ศ. 2562)[แก้]

รุ่นที่ 3 (RG01)
ภาพรวม
เริ่มผลิตเมื่อ
  • พ.ศ. 2562–ปัจจุบัน
แหล่งผลิต
ผู้ออกแบบนาโอยูกิ อาคาชิ
ตัวถังและช่วงล่าง
รูปแบบตัวถัง
  • รถกระบะ 2 ประตู
  • รถกระบะ 4 ประตู
แพลตฟอร์มIsuzu Dynamic Drive/Symmetric Mobility Platform
รุ่นที่คล้ายกันมาสด้า บีที-50
อีซูซุ มิว-เอ็กซ์
ระบบส่งกำลัง
เครื่องยนต์
ระบบเกียร์
  • เกียร์ธรรมดา Aisin AE6 6-สปีด
  • เกียร์อัตโนมัติ Aisin AWR6B45 Rev-Tronic 6-สปีด
มิติ
ระยะฐานล้อ3,125 mm (123.0 in)
ความยาว5,230 mm (205.9 in) (ตอนเดียว)
5,195–5,285 mm (204.5–208.1 in) (สองตอน)
ความกว้าง1,810–1,870 mm (71.3–73.6 in)
ความสูง1,690–1,810 mm (66.5–71.3 in)

เปิดตัวเป็นครั้งแรก[แก้]

รุ่น 3 ก่อนปรับโฉม

วันที่ 19 ตุลาคม พ.ศ. 2562 พลานุภาพ...พลิกโลก เกิดขึ้นครั้งแรกของโลกที่เมืองไทยกับ All New ISUZU D-MAX ปิกอัพใหม่หมดที่เหนือกว่าคำว่าปิกอัพ” (Beyond the Pickup) ผลงานความสมบูรณ์แบบล่าสุดจาก DNA แห่งการพัฒนาผลิตภัณฑ์อันยอดเยี่ยมของอีซูซุ ภายใต้แนวคิด BOLD, EMOTIONAL and SMART ดีไซน์ใหม่หมดทุกมิติจากภายนอกจรดภายใน พร้อมขุมพลังใหม่ ISUZU Ddi Blue Power ทั้งเครื่องยนต์ 3.0 ลิตรใหม่ 190 แรงม้า แรงบิด 450 นิวตันเมตร และ เครื่องยนต์ 1.9 ลิตร GEN2 พัฒนาใหม่ 150 แรงม้า แรงบิด 350 นิวตันเมตร รวมถึงออพชั่นใหม่ๆครั้งแรกในวงการกับ กระจกบังลมหน้าแบบ IR Cut ช่วยกรองรังสีอินฟราเรด ป้องกันรังสี UVA และ UVB ช่วยลดอุณหภูมิในห้องโดยสาร พร้อมความใส่ใจต่อสุขภาพ ด้วย High Efficiency Filter ระบบกรองอากาศเข้าห้องโดยสาร สามารถดักฝุ่นละอองขนาดเล็กได้ถึงระดับ PM 2.5 นอกจากนี้ ประกาศอีกหนึ่งความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ นั่นคือ วันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2562 ยอดจำหน่ายรวมของรถ ISUZU ในประเทศไทยสูงกว่า 4 ล้านคันแล้ว ถึงแม้ว่ารถปิกอัพรุ่นใหม่นี้จะออกจำหน่ายภายใต้สถานการณ์ที่ยากลำบากอย่างยิ่งของตลาดรถยนต์เมืองไทย แต่ ISUZU เชื่อมั่นว่ารถรุ่นใหม่นี้จะได้รับการตอบรับอย่างดียิ่งจากผู้ใช้รถชาวไทย อย่างแน่นอน และในปี 2563 มีการแนะนำ 2 ทางเลือกใหม่ทั้ง All New ISUZU X-Series และ ISUZU D-MAX รุ่น S เกียร์อัตโนมัติ 1.9 และจนถึงทุกวันนี้กลายเป็นรถปิกอัพยอดขายอันดับ 1 สูงสูดในไทย Isuzu ยกระดับความสะดวกสบายในทุกการขับขี่ กับ All-new Isuzu D-Max 2020 - ออลนิว อีซูซุ ดีแมคซ์ ตอบสนองคำเรียกร้องของลูกค้าผู้ใช้รถ โดยเพิ่มรถรุ่นเกียร์อัตโนมัติ ที่มาพร้อมระบบความปลอดภัยครบครันในรถปิกอัพ All new isuzu dmax 2020 “ออลนิว อีซูซุ ดีแมคซ์ พลานุภาพ...พลิกโลก!” (The “All-New Isuzu D-Max…Infinite Potential”)

ปรับโฉมครั้งที่ 1 (แนวคิด “MY NEW ID..MY NEW ISUZU D-MAX”)[แก้]

อีซูซุเดินหน้าลุยตลาดรถช่วงปลายปี โชว์ศักยภาพ “ใหม่! พลานุภาพ...ไร้ขีดจำกัด” เผยโฉมรถรุ่นใหม่ครบทุกรุ่น เข้มขึ้น ดุขึ้น นำโดย “ใหม่! อีซูซุดีแมคซ์” ตอกย้ำตัวตนใหม่ภายใต้แนวคิด “MY NEW ID..MY NEW ISUZU D-MAX” ขับเคลื่อนความสมบูรณ์แบบในทุกองศา มาพร้อมเอกลักษณ์ สีเทาโอเพคใหม่! (Islay Gray Opaque) เทรนด์สีใหม่ของวงการยานยนต์โลก “ใหม่! อีซูซุเอ็กซ์-ซีรี่ส์” แรงทะลุไมล์…เร้าใจสไตล์เอ็กซ์ ปรับเพิ่มลุคสปอร์ตยิ่งขึ้น และรถอเนกประสงค์สุดหรู “ออลนิว อีซูซุมิว-เอ็กซ์” ที่เติมเต็มฟังก์ชั่นความปลอดภัยใหม่ในระบบ ADAS โดย “ใหม่! อีซูซุดีแมคซ์” และ “ใหม่! อีซูซุเอ็กซ์-ซีรี่ส์”

นอกจากนี้ยังมี “ใหม่! อีซูซุเอ็กซ์-ซีรี่ส์” ปิกอัพสไตล์สปอร์ตเท่ที่มาพร้อมชุดแต่งจัดเต็ม ซึ่งครั้งนี้ได้เพิ่มความสปอร์ตให้โดดเด่นยิ่งขึ้นอีก ทั้งในรุ่น SPEED ให้อารมณ์เรซซิ่งสุดร้อนแรง และรุ่น HI-LANDER สปอร์ตพรีเมี่ยม แฝงเรซซิ่งสปิริตภายใต้ความเรียบหรู สะดวกสบาย และ “ออลนิว อีซูซุมิว-เอ็กซ์” ที่เปิดตัวเมื่อปลายปีที่แล้ว โดยมาพร้อมระบบความปลอดภัยที่เหนือชั้น ตลอดจนระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ ADAS (Advanced Driver Assistance Systems) โดยเพิ่มเติมฟังก์ชั่นความปลอดภัย ใหม่! Turn Assist with AEB ระบบช่วยเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติเมื่อมีรถสวนทางขณะเลี้ยวขวา อีกขั้นของความมั่นใจในทุกการเดินทาง โดยรถแต่ละรุ่นจะเปิดตัวต่อเนื่องตลอดเดือนตุลาคม

อีซูซุดีแมคซ์ พลานุภาพ...ไร้ขีดจำกัด ได้รับการปรับแต่งให้มีเอกลักษณ์โดดเด่นและแตกต่างกันในแต่ละรุ่น สะท้อนภาพลักษณ์ใหม่แห่งความสปอร์ตหรู ยกระดับความพรีเมี่ยม สู่มาตรฐานใหม่ของรถปิกอัพระดับ TOP CLASS สีเทาโอเพคใหม่! (Islay Gray Opaque) เทรนด์สีใหม่ของวงการยานยนต์โลก นอกจากนี้ยังมีจุดปรับเปลี่ยนพิเศษในแต่ละรุ่น ได้แก่ รถธงรุ่นล่าสุด ใหม่! อีซูซุวี-ครอส 4x4 (NEW! ISUZU V-CROSS 4x4) พรีเมี่ยมสปอร์ตออฟโรดที่มาพร้อมความแรงจัด ขับสนุกเร้าใจของเครื่องยนต์ 3.0 ดีดีไอ บลูเพาเวอร์ เติมเต็มความเข้มดุสไตล์สปอร์ตทรงพลังในทุกมิติของรถด้วย ใหม่! กระจังหน้าแบบ Double Dimensions ดีไซน์แบบทูโทน สีเทาดำ และ Black Chrome พร้อมไฟท้าย ดีไซน์โทนสีเข้ม ใหม่! Front Bumper Guard สีทูโทน พร้อมชุดแต่งสีเทาดำรอบคันที่กระจกมองข้าง ราวหลังคา มือจับประตู บันไดข้าง Fender Lip, Robust Extender เพิ่มความดุดัน ล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้ว ดีไซน์ใหม่! แบบ Robust Radius สี Matte Black ห้องโดยสารอารมณ์ใหม่ ผสานความเท่ สปอร์ต และหรูหรา ด้วยดีไซน์ High-Class & Sporty เน้นสีแบบทูโทน ดำ-น้ำตาล คอนโซลหน้าสีดำ เบาะคู่หน้าดีไซน์ใหม่ เดินด้ายสีน้ำตาลอย่างพิถีพิถัน และพวงมาลัยสัมผัสใหม่ สีทูโทน พร้อมออกแบบให้มิติห้องโดยสารกว้างขวาง โอ่อ่า แบบ Sharp Horizontal Layers คมเข้ม เล่นระดับกับแผงข้างประตู ที่เติมเต็มอารมณ์ด้วยวัสดุตกแต่งพรีเมี่ยม สี Brown Cafe และ Satin Silver เพิ่มความสปอร์ตหรู เหนือระดับไปอีกขั้น และจัดวางสิ่งอำนวยสะดวกสบายตามหลัก Usability Design เน้นการใช้งานที่หลากหลาย พร้อมระบบความบันเทิงสมบูรณ์แบบของ ISUZU Ultimate Entertainment อีซูซุดีแมคซ์ (NEW! ISUZU D-MAX) รุ่น CAB 4, HI-LANDER และ SPACECAB เอกลักษณ์แห่งดีไซน์ที่หรูหรา สะดวกสบาย ตอบรับทุกเป้าหมาย ทุกการใช้งานในทุกด้านของการใช้ชีวิต เท่ เต็มอารมณ์สปอร์ต ด้วย ใหม่! กระจังหน้าแบบ Double Dimensions ดีไซน์แบบทูโทน สี Chrome และ Dark Gray Metallic พร้อมไฟท้ายดีไซน์โทนสีเข้ม และ ใหม่! ล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้ว สีทูโทนดีไซน์แบบ Robust Radius ในรุ่น HI-LANDER ยกระดับการออกแบบภายใน ด้วยการเลือกใช้วัสดุพรีเมี่ยม เติมเต็มความหรูด้วย Piano Black และ Satin Chrome พร้อมพื้นที่ภายในห้องโดยสารที่กว้างขวาง โอ่อ่า แบบ Sharp Horizontal Layers คมเข้ม เล่นระดับกับแผงข้างประตู เบาะนั่งดีไซน์ใหม่ โอบกระชับ พร้อมเทคโนโลยี COOLMAX ช่วยลดการสะสมความร้อน เบาะนั่งคู่หน้าเทคโนโลยี AVEC (Anti Vibration Elastic Comfort) ซับแรงสั่นสะเทือน ลดความเมื่อยล้า สะดวกสบายด้วยระบบปรับไฟฟ้า 8 ทิศทางในตำแหน่งที่นั่งคนขับ และ ใหม่! เกียร์อัตโนมัติ ใน HI-LANDER และ CAB 4 ในรุ่น LDA

สำหรับ อีซูซุเอ็กซ์-ซีรี่ส์ (NEW! ISUZU X-SERIES) ยนตรกรรมดีไซน์เท่ แรงทะลุไมล์…เร้าใจสไตล์เอ็กซ์ (INFINITE X-LIFE) ขีดสุดความเร้าใจสไตล์สปอร์ตที่มาพร้อมชุดแต่งจัดเต็มสุดร้อนแรง แรงจัดด้วยขุมพลังเครื่องยนต์อีซูซุ 1.9 ดีดีไอ บลูเพาเวอร์ Gen 2 เติมเต็มพลังเรซซิ่งให้กับไลฟ์สไตล์ของคนหัวใจสปอร์ตที่พร้อมไปให้สุดแบบไม่ต้องมีลิมิต! โดยมาพร้อม ใหม่! กระจังหน้าแบบ Double Dimensions โดดเด่นสไตล์สปอร์ตด้วยดีไซน์แบบทูโทนสีดำ Glossy Black ผสานสีแดงเข้ม Garnet Red พร้อมไฟท้ายโทนสีเข้ม โฉบเฉี่ยวไม่ซ้ำใครด้วยสัญลักษณ์ ISUZU สีแดง รุ่น SPEED สติกเกอร์คาดหน้า-หลัง ดีไซน์เท่เป็นเอกลักษณ์ สีเทาพร้อมขอบแดงใหม่ Garnet Red คมเข้มสะดุดตา พร้อมสัญลักษณ์ X ที่ด้านหน้า รุ่น HI-LANDER สติกเกอร์คาดหน้า-หลัง พร้อมสัญลักษณ์ X ที่ด้านหน้าตกแต่งขอบด้วยสีเงิน Silver-Gray ในรุ่นสีขาว / ตกแต่งขอบด้วยสีทอง Light Gold-Silver ในรุ่นสีดำ ใหม่! ล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้ว สีดำ Glossy Black ดีไซน์เท่แบบ Robust Radius เสริมความสปอร์ตพรีเมี่ยม โดดเด่นด้วยสัญลักษณ์ ISUZU สีแดง เข้มเต็มอารมณ์ และ “ออลนิว อีซูซุมิว-เอ็กซ์” (ALL-NEW ISUZU MU-X) …ความสำเร็จใหม่ที่คุณกำหนด ยอดยนตรกรรมอเนกประสงค์ระดับหรู ที่พร้อมขับเคลื่อนคุณไปสู่ความสำเร็จใหม่ได้ไม่สิ้นสุด เดินหน้าเพิ่มความมั่นใจด้วยเทคโนโลยีเพื่อความปลอดภัยที่เหนือกว่ารถยนต์ในระดับเดียวกัน ล่าสุดเพิ่ม ใหม่! Turn Assist with AEB ระบบช่วยเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติเมื่อมีรถสวนทางขณะเลี้ยวขวา ในระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ ADAS (Advanced Driver Assistance Systems) เทคโนโลยีเพื่อความปลอดภัยล้ำหน้าล่าสุด เพิ่มความมั่นใจในทุกการเดินทาง นอกจากนี้ในรถอีซูซุทุกรุ่นยังได้เพิ่มฟังก์ชั่นใหม่ “เตือนการรับบริการ” เพื่อความสะดวกสบายของลูกค้าในการเข้ารับบริการหลังการขายจากอีซูซุ

ปรับโฉมครั้งที่ 2 (พ.ศ. 2566)[แก้]

อีซูซุเจ้าตลาดรถปิกอัพเมืองไทย เปิดตัวรถปิกอัพรุ่นใหม่ “ใหม่! อีซูซุ ดีแมคซ์”เหนือลิมิต…พิชิตโลก “NEW! ISUZU D-MAX” UNLOCK YOUR POTENTIAL ปลดล็อกนิยามใหม่แห่งปิกอัพ จัดเต็มทุกไลน์อัพ มาพร้อมดีไซน์ใหม่ สะกดทุกสายตา ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ พร้อมกระตุ้นตลาดรถยนต์ปลายปี ท่ามกลางแขกผู้มีเกียรติทั้งในเมืองไทยและต่างประเทศ รวมทั้งผู้จำหน่ายอีซูซุ ลูกค้าพิเศษ “อีซูซุ ซูเปอร์แฟน” และสื่อมวลชนหลากหลายสาขาที่มาร่วมงานอย่างคับคั่งกว่า 1,000 คน ณ ICON HALL ชั้น 7 ศูนย์การค้า ICON SIAM

กลุ่มตรีเพชร โดย มร. ทาคาชิ ฮาตะ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัด กล่าวว่า “เมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา อีซูซุได้ตอกย้ำความสำเร็จในการเป็นแบรนด์รถปิกอัพอันดับ 1 ของเมืองไทย ด้วยการเปิดตัวรถ “ใหม่! อีซูซุ ดีแมคซ์” เหนือลิมิต…พิชิตโลก “NEW! ISUZU D-MAX” UNLOCK YOUR POTENTIAL มาพร้อมดีไซน์ใหม่ สะกดทุกสายตา ตอบโจทย์ทุก ไลฟ์สไตล์ จัดเต็มทุกไลน์อัพ นำโดย “ใหม่! อีซูซุ วี-ครอส 4x4” “ใหม่! อีซูซุ ดีแมคซ์ ไฮแลนเดอร์ 4 ประตู” “ใหม่! อีซูซุ ดีแมคซ์ ไฮแลนเดอร์ 2 ประตู” รวมถึงรุ่น “ใหม่! อีซูซุ ดีแมคซ์ แค็บโฟร์” และ“ใหม่! อีซูซุ ดีแมคซ์ สเปซแค็บ” ดีไซน์ใหม่ทั้งภายนอกและภายใน พร้อมสีส้มใหม่ Namibu Orange Mica (ส้มนามิบูไมก้า) ด้านหน้าใหม่ตั้งแต่ฝากระโปรงจดกันชนหน้า ราคาตั้งแต่ 650,000 – 1,264,000 บาท นอกจากนี้อีซูซุยังจัดแสดงรถยนต์นั่งอเนกประสงค์สุดหรู “เดอะ นิว มิว-เอ็กซ์” be UNCHARTED…หมุดหมายใหม่กับ Passion ไม่สิ้นสุด ที่มาพร้อมกับเทคโนโลยีเพื่อความปลอดภัยอันชาญฉลาด รวมถึงการตกแต่งบูธภายใต้คอนเซปต์ Sense of Scent ซึ่งจะทำให้ผู้เข้าร่วมชมบูธได้ผ่อนคลายกับกลิ่นหอมสุดพิเศษที่อีซูซุร่วมกับ THANN แบรนด์สปาจากธรรมชาติ พร้อมด้วยรถแต่งพิเศษหลากหลายสไตล์สำหรับผู้ที่ชื่นชอบการแต่งรถ”

ยอดขาย[แก้]

ปี ไทย ออสเตรเลีย
2557 128,496[14]
2558 118,719[15]
2559 120,009[16]
2560 133,794[17]
2561 149,578[18] 11,776[19]
2562 143,693[20] 13,226[19]
2563 160,328[21] 15,062[22]
2564 149,102[23] 25,117[24]

อ้างอิง[แก้]

  1. "Chevrolet T-series". Al-Mansour Automotive Egypt. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 16 June 2010. สืบค้นเมื่อ 19 July 2010.
  2. "General Motors y la era de su reinado en Arica". estrellaarica.cl. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2018-08-03. สืบค้นเมื่อ 28 May 2015.
  3. Satyam. "GM Egypt History". GM Egypt. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 9 August 2010. สืบค้นเมื่อ 19 July 2010.
  4. "Isuzu. Isuzu in the Philippines". Car-cat. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2011-02-23. สืบค้นเมื่อ 25 July 2010.
  5. "Isuzu/GM agree to assemble co-developed Isuzu 1-ton pickup trucks in GM Thailand plant on a contract basis" (PDF). 12 January 2001.
  6. "Diamal s'insurge". L'auto-marché. 27 March 2006. สืบค้นเมื่อ 4 March 2011.
  7. Paulo Rafael Subido (22 January 2019). "Isuzu PH discontinues local production of the D-Max". Top Gear Philippines.
  8. Approach, Positive A Digital. "Anadolu Isuzu - Anadolu Isuzu". Anadolu Isuzu.
  9. "Ghandhara Nissan's Isuzu D-Max Takes on Hilux and Hilux Revo in Pakistan". Propakistani. 8 November 2018. สืบค้นเมื่อ 11 November 2018.
  10. "Chevrolet Fortalece el Portafolio ee Camionetas Con la Nueva Dmax Hi Ride, Un Producto Hecho en Ecuador". 12 November 2020.
  11. 11.0 11.1 11.2 11.3 11.4 "Archived copy" (PDF). คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 23 June 2014. สืบค้นเมื่อ 31 October 2014.{{cite web}}: CS1 maint: archived copy as title (ลิงก์)
  12. "全新一代江西五十铃D-MAX皮卡首发亮相" [The new generation of Jiangxi Isuzu D-MAX pickup truck debuts]. Autohome China. 29 December 2020. สืบค้นเมื่อ 22 January 2021.{{cite web}}: CS1 maint: url-status (ลิงก์)
  13. "A first for Isuzu Motors South Africa". Highway Mail (ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน). 2022-04-14. สืบค้นเมื่อ 2022-05-09.
  14. "Thailand cars sales report 2014". HeadlightMag.com. Thailand. February 2015. สืบค้นเมื่อ 24 October 2018.
  15. "Thailand cars sales report 2015". HeadlightMag.com. Thailand. 10 June 2016. สืบค้นเมื่อ 24 October 2018.
  16. "Thailand cars sales report 2016". HeadlightMag.com. Thailand. 26 January 2017. สืบค้นเมื่อ 24 October 2018.
  17. "Thailand cars sales report 2017". HeadlightMag.com. Thailand. 29 January 2018. สืบค้นเมื่อ 24 October 2018.
  18. "Thailand pick-up sales report 2018". HeadlightMag.com. Thailand. 22 January 2019. สืบค้นเมื่อ 22 January 2019.
  19. 19.0 19.1 "The 10 best-selling 4x4s in 2019". WhichCar (ภาษาอังกฤษ). สืบค้นเมื่อ 2022-01-12.
  20. "Thailand pick-up sales report 2019". HeadlightMag.com. Thailand. 25 February 2020. สืบค้นเมื่อ 25 February 2020.
  21. "Thailand pick-up sales report 2020". HeadlightMag.com. Thailand. 25 January 2021. สืบค้นเมื่อ 26 January 2021.
  22. Davis, Brett (2022-01-06). "Australian vehicle sales for December 2021 (VFACTS)". PerformanceDrive (ภาษาอังกฤษแบบออสเตรเลีย). สืบค้นเมื่อ 2022-01-12.
  23. "จำนวนรถกระบะไทยปี 2021 เผยยอดจดทะเบียนใหม่แยกรุ่น Isuzu D-Max ครองแชมป์ Revo ตามห่าง | AutoFun". AutoFun Thailand. 2022-01-17. สืบค้นเมื่อ 2022-01-18.{{cite web}}: CS1 maint: url-status (ลิงก์)
  24. Costello, Mike (6 January 2022). "VFACTS: Australia's 2021 new car sales detailed in full". CarExpert.